Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

เปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนอย่างเป็นทางการในสนามแข่ง Nürburgring


เบากว่า ประหยัดกว่า และเร็วกว่า นี่คือ 911 จีที3 อาร์  (911 GT3 R) ใหม่ล่าสุด  


สตุ๊ดการ์ท. ปอร์เช่ ส่ง 911 จีที3 อาร์ (911 GT3 R) ใหม่ล่าสุดออกมาให้ยลโฉมโดยออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบรถแข่งเป็นพิเศษ ด้วยศักยภาพและพละกำลังเครื่องยนต์ที่มากกว่า 368 กิโลวัตต์ (500 แรงม้า) การออกแบบเน้นในเรื่องของน้ำหนักเบา เพื่อให้ได้สมรรถนะและความสมดุลที่ยอดเยี่ยมตามหลักอากาศพลศาสตร์มากยิ่งขึ้น ลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลง เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาเสถียรภาพของรถ ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการบริการและอะไหล่ที่น้อยลง


911 จีที3 อาร์  (911 GT3 R) มาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่น นั่นคือหลังคาแบบ Double-bubble roof และมีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นอีก 8.3 เซ็นติเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนส่งผลให้รถมีการกระจายน้ำหนักได้สมดุลมากขึ้น และรักษาเสถียรภาพของรถได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเข้าโค้งด้วยความเร็วหากเทียบกับ จีที3 อาร์ (GT3 R) รุ่นเดิม ด้วยวิธีการลดน้ำหนักตัวรถได้กลายมาเป็นคำตอบสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวรถ อะไหล่ ช่วงล่าง และวิศวกรได้มีโอกาสที่จะพัฒนา จีที3 อาร์ (GT3 R) ให้ดีกว่ารุ่นเดิมยิ่งขึ้นไปอีก การออกแบบด้วยการใช้ตัวรถที่มีน้ำหนักเบาที่สุดของ 911 จีที3 อาร์เอส (911 GT3 RS) มีจุดเด่นในการใช้โครงสร้างเหล็กอลูมิเนียม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของแนวคิดนี้ที่ใช้สำหรับรถแข่ง หลังคา ฐานล้อ ประตู ส่วนด้านข้างและส่วนท้ายรวมถึงฝากระโปรงด้านหลังทำจาก
carbon-fibre composite material (CFRP) ที่มีน้ำหนักเบา ส่วนกระจกทั้งหมดรวมถึงกระจกบานหน้าที่มีส่วนผสมของ Polycarbonate เป็นครั้งแรก


เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดของ 911 จีที3 อาร์ (911 GT3 R) มีขนาด 4 ลิตร Flat six ประสิทธิภาพสูง และได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องยนต์ที่ทรงพละกำลังจากรถ 911 จีที3 อาร์เอส (911 GT3 RS) นั่นเอง ระบบ Direct petrol injection หรือระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง จะทำงานเมื่อมีแรงดันสูงที่ 200 บาร์ รวมถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างระบบ Valve timing ได้ถูกติดตั้งอย่างครบครันภายในรถคันนี้ เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่เพียงเท่านี้เครื่องยนต์ยังให้สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีและรอบเครื่องยนต์ที่กว้างมากขึ้น พละกำลังจากเครื่องยนต์วางหลังจะถูกย้ายเข้าล้อหลังผ่านระบบส่งกำลังแบบ Porsche sequential six-speed constant-mesh gearbox ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังในรุ่น 911 ที่เป็นแบบ GT Road ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายผ่านก้านเกียร์บนพวงมาลัยได้อีกด้วย


หลักอากาศพลศาสตร์ของ 911 จีที3 อาร์ (911 GT3 R) ยังคงยึดหลักเพื่อการขับขี่บนท้องทั่วไป โดยฐานล้อที่โดดเด่นมาพร้อมกับระบบระบายอากาศทางด้านหน้าจะเพิ่มแรงกดบนเพลาหน้าให้มากขึ้น ความกว้างทางด้านหลังวัดได้ที่ 2 เมตร ในขณะที่ความลึกอยู่ที่ 40 เซ็นติเมตร ส่งผลให้ปีกหลังมีความสมดุลทางหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างดีเยี่ยม    จีที3 อาร์ (GT3 R) ได้นำแนวคิดหม้อน้ำรถยนต์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณกลางของรุ่น 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) มาใช้ และยกเลิกการติดตั้งหม้อน้ำรถที่อยู่ทางด้านข้าง ผลลัพธ์จากแนวคิดนี้คือ จุดศูนย์ถ่วงของรถมีการพัฒนาจากเดิม ส่วนหม้อน้ำได้รับการป้องกันจากฝุ่น และสามารถระบายลมร้อนออกทางด้านหน้าได้ดียิ่งขึ้น


ระบบเบรกของ 911 จีที3 อาร์ (911 GT3 R) ยังได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมอีก และต้องขอบคุณประสิทธิภาพในการเกาะถนน และความแม่นยำในการควบคุมที่มากขึ้นของระบบ ABS ซึ่งทำให้รถมีสมรรถนะที่เหมาะสมกับการแข่งขันแบบระยะทางไกลอีกด้วย เพลาหน้าจะพบกับคาลิปเปอร์เบรกที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถแข่ง 6 สูบแบบ
โมโนบล็อก จานเบรกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 380 มิลลิเมตร เพื่อให้มั่นใจว่ารถมีประสิทธิภาพในการเบรกสูงสุด ส่วนทางด้านหลังมาพร้อมกับคาลิปเปอร์เบรก 4 สูบและจานเบรกเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 372 มิลลิเมตร


อีกหนึ่งการพัฒนาที่โดดเด่นคือระบบความปลอดภัยใน จีที3 อาร์ (GT3 R) โดยถังน้ำมันได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยมากขึ้นแบบ FT3 Safety Fuel cell และเพิ่มความจุอีก 12 ลิตรเป็น 120 ลิตร เสริมด้วยระบบวาล์วตัดน้ำมัน  fuel cut-off safety valve เพื่อความปลอดภัย ประตูและกระจกข้างสามารถถอดออกได้รวมถึงหลังคาที่เปิดได้ยาวขึ้น หากมีอุบัติเหตุ เบาะที่นั่งแบบ Racing bucket seat ใหม่ล่าสุดจะทำการป้องกันผู้ขับขี่ได้อีกด้วย


ข้อมูลทางเทคนิคของปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์ 911 GT3 R (991)


รถแข่งสำหรับหนึ่งที่นั่ง พัฒนาขึ้นจาก 911 จีที3 อาร์เอส (911 GT3 RS) Porsche 911 GT3 RS


เครื่องยนต์
  • เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 6 สูบ แบบ boxer engine (ติดตั้งอยู่ทางด้านหลัง)
  • ความจุ 4,000 cm3; การเคลื่อนตัวของลูกสูบ 81.5 มิลลิเมตร; กระบอกสูบ 102 มิลลิเมตร
  • กำลังขับ: มากกว่า 368 กิโลวัตต์ (500 แรงม้า) ตามเงื่อนไข FIA BoP (air restrictor)
  • เทคโนโลยีแบบ Four-valve technology
  • ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง Direct fuel injection
  • การหล่อลื่นแบบอ่างแห้ง Dry sump lubrication


ระบบส่งกำลัง
  • ระบบเกียร์แบบ Porsche sequential six-speed constant-mesh gearbox
  • Mechanical slip differential
  • มาพร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์แบบ Pneumatic gear-shift activation (ก้านเกียร์ paddle shift)


ตัวรถ
  • ตัวรถน้ำหนักเบาทำจากเหล็กอลูมิเนียม  
  • มาพร้อมกับ roll-cage ตามเงื่อนไขของ FIA Appendix J
  • ฝาหลังคาสามารถถอดได้ในกรณีที่ต้องออกจากรถแบบฉุกเฉิน  
  • การออกแบบภายนอกรถด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา:
  • ประตู ฝาหลัง ปีกหลัง ฐานล้อ ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP)
  • กระจกบานหน้าที่มีส่วนผสมของ Polycarbonate
  • ประตูกระจกแบบโพลีคาร์โบเนตสามารถเคลื่อนย้ายได้  
  • ถังน้ำมันมาพร้อมกับเทคโนโลยี FT3 safety fuel cell, ขนาดความจุประมาณ 120 ลิตร มาพร้อมกับระบบตัดวาล์ว Fuel cut off safety valve เพื่อความปลอดภัยตามเงื่อนไขของ FIA
  • ระบบ Air jack system (four jacks)


ระบบช่วงล่าง
  • ทางด้านเพลาหน้ามาพร้อมกับ McPherson strut สามารถปรับระดับความสูงได้
  • ล้อมาพร้อมกับ Wheel hubs ที่มี centre-lock wheel nuts
  • anti-roll bar แบบปรับเปลี่ยนทิศทางได้ (ซ้ายและขวา)
  • พวงมาลัยแบบ electro-hydraulic pressure feed


เพลาหลัง
  • ช่วงล่างทางด้านหลังแบบ Multilink independent สามารถปรับระดับความสูง ของ camber และ toe ได้
  • ล้อมาพร้อมกับ Wheel hubs ที่มี centre-lock wheel nuts
  • anti-roll bar แบบปรับเปลี่ยนทิศทางได้ (ซ้ายและขวา)


ระบบเบรก
ระบบเบรกที่แยกวงจรทางด้านหน้าและหลังจากกัน ปรับเปลี่ยนได้โดยผู้ขับขี่ผ่านระบบ Balance bar system


เพลาหน้า
  • คาลิปเปอร์เบรกแบบ 6 สูบ สำหรับรถแข่ง
  • จานเบรกแบบเหล็กพิเศษสามารถระบายความร้อนได้ เส้นผ่าศูนย์กลางด้านหน้าที่ 380 มิลลิเมตร และ
    aluminium disc bell


เพลาหลัง
  • คาลิปเปอร์เบรก 4 สูบ สำหรับรถแข่ง
  • จานเบรกแบบเหล็กพิเศษสามารถระบายความร้อนได้ เส้นผ่าศูนย์กลางด้านหน้าที่ 372 มิลลิเมตร
    และ aluminium disc bell




ล้อ/ยาง
เพลาหน้า
  • ล้ออัลลอยด์ BBS แบบชิ้นเดียวซึ่งเป็นการออกแบบโดยเฉพาะจากปอร์เช่, 12.0J x 18 offset 17,
    ขนาดยาง: 300/650-18 ทางด้านหน้า; 13J x 18 offset 37.5, ขนาดยาง: 310/710-18 ทางด้านหลัง


ระบบไฟฟ้า
  • ระบบ COSWORTH power module IPS32
  • ระบบ Race ABS
  • ระบบควบคุม Traction control


น้ำหนัก/สัดส่วน
  • น้ำหนักโดยรวม:   ca. 1,220 กิโลกรัม (ตามเงื่อนไข BoP)
  • ความยาวโดยรวม: 4,604 มิลลิเมตร
  • ความกว้างของเพลาหน้า: 1,975 มิลลิเมตร
  • ความกว้างของเพลาหลัง: 2,002 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ: 2,463 มิลลิเมตร


ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง(Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า  “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

นักแข่งชาวไทยคว้าชัยในรายการแข่งขันระดับนานาชาติ


ฉลองแชมป์ 100 Plus Racing Team สนับสนุนวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ แสดงฝีมือลงแข่ง Porsche Carrera Cup Asia 2015

ญี่ปุ่น. 100 Plus Racing Team (THA) โดยวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ นักแข่งสัญชาติไทย แสดงศักยภาพที่เหนือชั้นคว้าแชมป์รายการ Porsche Carrera Cup Asia 2015 ในรุ่นคลาสบี สนามที่ 5 ณ Fuji International Speedway ประเทศญี่ปุ่น

เอ.พี.ฮอนด้า จับมือ พอล แฟรงค์ แบรนด์แฟชั่นระดับโลก เปิดตัว Honda MOOVE paul frank Edition ลงตลาดเจาะกลุ่มวัยรุ่น



            เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นวัยรุ่น เอาใจแฟนๆ “พอล แฟรงค์” ด้วยการเปิดตัว Honda MOOVE paul frank Edition รถสมาร์ทเอ.ที. ดีไซน์พิเศษโดดเด่นด้วย “จูเลียส ลิงน้อยเจ้าเสน่ห์ขวัญใจวัยรุ่น เตรียมวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 9มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ด้วยราคาแนะนำโดยประมาณที่51,400 บาท

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “กระแสความนิยมของวัยรุ่นในตลาดรถจักรยานยนต์ไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับรถที่สะท้อนอัตลักษณ์หรือความเป็นตัวของตัวเองมากเป็นพิเศษ นี่คือเหตุผลที่เราไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ โดยล่าสุดนี้เอ.พี.ฮอนด้า ได้ร่วมกับ พอล แฟรงค์ แบรนด์แฟชั่นชื่อดังจากอเมริกา ส่งมอบความสนุกครั้งใหม่ให้กับวัยรุ่นที่ชอบสีสันและความสดใสในสไตล์อเมริกันป็อปคัลเจอร์ด้วย Honda MOOVE paul frank Editionซึ่งถือเป็นความลงตัวระหว่างรถสมาร์ท เอ.ที. ที่เปี่ยมล้ำไปด้วยเทคโนโลยีของการขับขี่และดีไซน์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นไทย

สำหรับ Honda MOOVE paul frank Edition ได้รับการออกแบบให้มีความสดใสเป็นพิเศษ โดดเด่นด้วยลิงจูเลียส (Julius) และลายกราฟิกของแบรนด์ พอล แฟรงค์ ตัวรถติดตั้งไฟหน้าแบบ Jet Liner LED และไฟท้ายแบบ มิติพร้อมเลเยอร์ครอบใส ล้อแม็กดำด้านขนาด 12 นิ้ว เบาะนั่งสีทูโทนพร้อมกล่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้เบาะแบบ HELMET-IN L Size U-Box เก็บหมวกกันน็อกแบบเจ็ตได้ทั้งใบ

Honda MOOVE paul frank Edition ติดตั้ง Honda Smart Technology ที่รวม สุดยอดเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ประกอบด้วยเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพ eSP (Enhanced Smart Power) ขนาด 110cc.ระบบหัวฉีด PGM-FI สมรรถนะสูง ประหยัดน้ำมัน ทำงานผสานร่วมกับระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ Idling Stop System ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 62.3 กิโลเมตร/ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE R40 Mode)และติดตั้งระบบกระจายแรงเบรกหน้-หลัง Combi Brake System เพื่อความมั่นใจในการขับขี่

เอ.พี.ฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย Honda MOOVE paul frank Edition พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 9มิถุนายน 2558 เป็นต้นไป ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ด้วยราคาแนะนำโดยประมาณที่ 51,400 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที www.aphonda.co.th และอัพเดทความเคลื่อนไหวของกิจกรรมจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

มาสด้านัดรวมพลสาวกมาสด้า2 ท้าพิสูจน์เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ

กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 6 มิถุนายน 2558 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าจัดกิจกรรมเอาใจสาวกสายพันธุ์สปอร์ตสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านการบริการหลังการขาย โดยนัดรวมพลคนรักมาสด้า2 สกายแอคทีฟ เข้าร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้ชื่องาน “ALL NEW MAZDA2 SKYACTIV CHALLENGE” เชื่อมความสัมพันธ์อันเหนี่ยวแน่นกับลูกค้า เพื่อยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นในการจัดกิจกรรมกับลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริการและการจัดกิจกรรมหลังการขาย เพื่อก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุด นั่นคือ การสร้างความสุขและความประทับใจในการเป็นเจ้าของรถมาสด้าในทุกช่วงเวลา รวมทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับลูกค้า และที่สำคัญยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีโอกาสพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่และความประทับใจหลังจากเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า
นายพาสกาล เศรษฐบุตร รองประธานฝ่ายขายและความพึงพอใจลูกค้า บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ายึดมั่นในการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ สำหรับกิจกรรม ALL NEW MAZDA2 SKYACTIV CHALLENGE ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ มีสมาชิกเข้าร่วมงานกว่า 200 คน และมีจำนวนรถยนต์มาสด้า2 เข้าร่วมเกือบ 100 คัน ซึ่งถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่สำหรับสาวกมาสด้า2 โดยกิจกรรมในครั้งนี้มาสด้าจัดให้มีการฝึกอบรมการขับขี่แบบแอดวานซ์ โดยมีครูฝึกผู้เชี่ยวชาญการขับขี่บนสนามแข่ง ประกอบด้วย ศิลปินดาราและนักแข่งชื่อดังอย่าง พีท ทองเจือ และอั๋น สิรคุปต์ เมทะนี พร้อมด้วย 2 นักแข่งหัวใจแกร่งจากทีม Mazda Innovation Motorsports คือ ไมเคิล ฟรีแมน ซึ่งเป็นนักขับมากประสบการณ์ และสมาชิกน้องใหม่ล่าสุด น้องพลอย ธัชพรรณ วิจิตรานนท์ สาวน้อยอายุเพียง 17 ปี โดยทั้ง 4 คน เข้ามาช่วยเป็นครูฝึกอบรมให้กับลูกค้ามาสด้าได้เรียนรู้และฝึกทักษะการขับขี่รถยนต์ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และเรียนรู้ถึงสมรรถนะและประสิทธิภาพของตัวรถมาสด้า2 พร้อมกันนี้ลูกค้ายังมีโอกาสได้สัมผัสและทดลองสมรรถนะของรถยนต์นั่งมาสด้า2 สกายแอคทีฟคลีนดีเซลและมาสด้า2 สกายแอคทีฟเบนซิน อีกด้วย
ปัจจุบันมาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างสานสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเพื่อให้เกิดความประทับใจเกินความคาดหวังของลูกค้า โดยได้นำเอาแนวคิด OMOTENASHI เข้ามาใช้ให้เพื่อพัฒนาคุณภาพของงานด้านการบริการ ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้าเข้ามารับการบริการที่ศูนย์บริการ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์จะคอยต้อนรับลูกค้าอย่างจริงใจและมีการติดต่อสอบถามลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งรูปแบบและกระบวนการในการบริการในการดูแลและให้การต้อนรับลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว เพื่อให้ทุกครั้งที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการจะเกิดความประทับใจตลอดไป เพื่อยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมดีๆ แบบนี้ มาสด้าเตรียมมอบให้ลูกค้าได้มีโอกาสเข้าร่วมงานตลอดกันทั้งปี สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในโอกาสถัดไปสามารถเข้าไปอัพเดรสติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เว็บไซน์  www.mazda.co.th และเฟสบุ๊คwww.facebook.com/MazdaThailandOfficial

YOKOHAMA เติมเกมรุกส่งยาง A.drive เจาะกลุ่มรถ Mid-Size Sedan ขยายร้านค้าฯ และ YCN ทั่วไทย สู้วิกฤติตลาดซบเซา-เศรษฐกิจชะลอตัว


 
YOKOHAMA กางแผนธุรกิจปี 2558 เดินหน้าขยายดีลเลอร์เพิ่มอีก 40 แห่ง และศูนย์ฯ “YCN”ครบ 49 แห่ง ขณะที่ “YCN TRUCK & BUS” ศูนย์ยางเพื่อรถบรรทุกขนาดใหญ่ เปิดรับ “AEC” แน่ ภายในต้นปี 2559 พร้อมทั้งเติมเกมรุกบุกตลาด ส่ง “A.drive” ยางสำหรับรถกลุ่ม Mid-Size Sedan ยอดนิยม ทั้ง โตโยต้า อัลติสฮอนด้า ซีวิคมาสด้า3 และะเชฟโรเลต ครูซ ฯลฯ ลงตลาดรับไตรมาสสอง ราคา 2,100-3,100 บาท ต่อเส้น วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ขณะที่ GEOLANDAR H/T G056” ยางเพื่อรถยนต์ Pick-up, SUV, PPV ยังเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ ช่วยเติมยอดขายช่วง 5 เดือนแรกของปีเติบโตเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา มั่นใจแม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวกำลังซื้อหดตัว แต่ด้วยความหลากหลายของกลยุทธ์ทางการตลาด จะทำให้ปิดยอดขายตามที่ตั้งเป้าไว้ 
          มร.ทาเคโตชิ โมริตะ (Mr.Taketoshi Morita) : Managing Director) บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการจัดงานประชุมและเลี้ยงขอบคุณร้านค้าเครือข่ายยางรถยนต์ YOKOHAMA ทั่วประเทศและศูนย์บริการยางรถยนต์มาตรฐานสากล “YCN : YOKOHAMA Club Network” เพื่อมอบนโยบายและแผนงานธุรกิจประจำปี 2558 จัดขึ้นที่โรงแรมคอนราด ภายใต้ชื่องาน “YOKOHAMA Thank You Party Dealer 2015 The way to Happiness” เพื่อให้เครือข่ายและบริษัท ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข ส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถสร้างความพึงพอใจเหนือความคาดหมายให้แก่ผู้บริโภค แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ทั้งเรื่องการแข่งขันในตลาดและสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ถือเป็นการส่งสัญญาณการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดของบริษัทที่จะดำเนินงานอย่างเข้มข้น
ปัจจุบันมีร้านค้าผู้แทนจำหน่าย 232 แห่งทั่วประเทศไทย (ไม่นับรวมศูนย์บริการแบบ Quick Service เช่น B-Quik) แผนงานในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 40 แห่ง ขณะที่ศูนย์บริการยาง “YCN : YOKOHAMA Club Network” เปิดให้บริการแล้ว 35 แห่งทั่วประเทศไทย ภายในสิ้นปี 2558 จะเปิดให้ครบ 49 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งบริษัทได้สนับสนุนงบประมาณ 1-2 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับขนาดของศูนย์ฯ) โดยมีทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดจะเน้นพื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ เพื่อรองรับการเปิด AEC เพราะจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า บางจังหวัดในภาคอีสานมีพี่น้องชาวลาวเข้ามาใช้บริการบ่อยครั้ง ส่วนสิ่งที่เน้นย้ำเป็นพิเศษ นอกเหนือจากการให้บริการที่ดีและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเข้มงวดของ YOKOHAMA แล้วคือ การบริหารจัดการสต็อกยาง YOKOHAMA ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ในส่วนของ YCN เน้นการสร้างเครือข่ายการบริการ ส่งเสริมการขาย รวมถึงปรับปรุงสภาพร้านให้มีเอกลักษณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวควบคู่ไปด้วย” 
ด้านความคืบหน้า “YCN TRUCK & BUS” ยางเพื่อรถขนาดใหญ่ YOKOHAMA ได้เร่งพัฒนาการขายยางรถยนต์ใหญ่กับร้านค้าผู้แทนจำหน่าย และเพิ่มช่องทางการขายในพื้นที่เป้าหมาย พร้อมทั้งทำการคัดเลือกร้านค้าฯ เหล่านี้ เพื่อยกระดับให้เป็นศูนย์ YCN TRUCK & BUS ที่จะเกิดขึ้นในปี 2559ล่าสุดภายในงานประชุมมอบนโยบายครั้งนี้ ได้จัดงาน “YCN 2nd MEETING” โดยเชิญกูรูทางการตลาดชื่อดัง ดร.พนม ปีย์เจริญ มาเป็นวิทยากรให้ความรู้และแนะนำกลยุทธ์ทำการตลาด เพื่อเสริมศักยภาพและเปิดวิสัยทัศน์ให้แก่ผู้บริหาร YCN ทั้ง 35 แห่ง และผู้ประกอบการรายใหม่อีกด้วย
          มร.ทาเคโตชิ โมริตะ กล่าวว่า จากภาวะเงินเฟ้อ ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ล่าสุดอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ปรับยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลงไม่ถึง 900,000 คันจากที่คาดไว้ 960,000 คัน ทั้งนี้ YOKOHAMA ประเมินภาพรวมตลาดยางรถยนต์จะรับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยปี 2558 คาดว่าจะไม่เติบโตไปกว่าปีที่ผ่านมา ที่จำนวนไม่ถึง 10 ล้านเส้น
อย่างไรก็ตาม การที่ YOKOHAMA แนะนำยางรุ่นใหม่ GEOLANDAR H/T G056” ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เพื่อให้การขับขี่รถ Pick-up, SUV, PPV ที่นุ่มเงียบ พัฒนาภายใต้นวัตกรรมการออกแบบโครงสร้างยางส่วนผสมเนื้อยางและดอกยางใหม่ ให้ความมั่นใจในความนุ่มเงียบได้ยาวนาน พัฒนาบล็อกดอกยางให้มีขนาดต่างกันถึง 5 ขนาด ช่วยลดเสียงรบกวนได้ดี ร่องยางแบบ 3D และร่องยาง Multiple Lug ช่วยให้ผู้ขับขี่บังคับควบคุมรถได้แม่นยำ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ให้สมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ให้ระยะเบรกที่สั้นกว่า มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่ารุ่นเดิมถึง 21% มีให้เลือกใช้ตั้งแต่ขอบ 15-20 นิ้ว รวม 13 ขนาด ราคาจำหน่าย 2,125-6,500 บาท เมื่อปลายไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีส่วนช่วยให้ยอดจำหน่ายยางของ YOKOHAMA เป็นไปตามที่คาดไว้
"5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.2558) YOKOHAMA มียอดขายที่เติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ไตรมาสสองนี้ได้แนะนำผลิตภัณฑ์อีกรุ่นคือ A.drive : AA01 เป็นยางรุ่นเดิมที่นำกลับมาทำตลาดใหม่อีกครั้ง ผลิตและมีจำหน่ายเฉพาะตลาดในประเทศไทย มีให้เลือกใช้ 5 ขนาด คือ 195/60R15, 195/65R15, 205/65R15, 205/55R16, 215/60R16 ราคา 2,100-3,100 บาท ต่อเส้น มีคุณสมบัติโดดเด่นคือ หน้ายางมีการสัมผัสพื้นผิวถนนที่เต็มพื้นที่ ทำให้ยึดเกาะถนนดีตลอดการขับขี่ แม้อุณหภูมิของยางจะสูงขึ้น ร่องดอกยาง 3 ร่องที่ลึกและกว้าง ช่วยรีดน้ำได้ดี ทนทานสูงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คาดว่าจะมาสร้างสีสันให้กับตลาดยางรถยนต์กลุ่ม Mid-Size Sedan ให้มีความคึกคัก รองรับกลุ่มรถยนต์นั่งยอดนิยม อาทิ โตโยต้า อัลติสฮอนด้า ซีวิคมาสด้า3 และเชฟโรเลต ครูซ เป็นต้น วางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ ณ ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายกว่า 232 แห่ง และ YCN 35 แห่งทั่วประเทศไทย
มร.ทาเคโตชิ โมริตะ กล่าวในท้ายสุดว่า ด้วยกลยุทธ์การตลาดต่างๆ ที่จะดำเนินอย่างเข้มข้นในปี 2558 ทั้งในรูปแบบ Push, Pull และ Motor Sport Marketing ผ่านการสนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการใหญ่ระดับประเทศ การยกระดับการบริการร้านค้าผู้แทนจำหน่าย การเปิดศูนย์ฯ YCN และการแนะนำยางรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น คือ“GEOLANDAR H/T G056” (จีโอแลนดา จีศูนย์ห้าหก) และ A.drive : AA01 จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายยอดขายตามที่ตั้งไว้แน่นอน

EXP 10 SPEED 6 – ที่สุดของการออกแบบและประสิทธิภาพยอดเยี่ยมของเบนท์ลี่ย์


  • รถสปอร์ต 2 ที่นั่ง
  • รูปแบบการออกแบบที่เน้นโลกอนาคต แต่ยังคงความเป็นเบนท์ลี่ย์ที่หรูหราทันสมัย
  • พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นรุ่นในอนาคต
(เมือง Crewe / กรุงเจนีวา) เบนท์ลี่ย์โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตและคำตอบของคำว่าหรูหราและประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมด้วยรถรุ่น EXP 10 Speed 6 ในงานมหกรรมยานยนต์ 2015 Geneva International Motor Show โดยรถคันนี้มีแนวคิดคือการผสมผสานความเป็นรถหรูจากประเทศอังกฤษแบบรถสปอร์ต 2 ที่นั่งเข้าไว้กับการออกแบบที่ล้ำสมัย งานฝีมือจากช่างที่มีทักษะสูง วัสดุที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และเทคโนโลยีชั้นนำ
จากความสำเร็จของรถแข่งจากเบนท์ลี่ย์ในปีที่ผ่านมา จนมาถึงความสำเร็จในวงการมอเตอร์สปอร์ตแบบสากลทั่วโลกในวันนี้ ทำให้ ‘Speed’ กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสายเลือดเบนท์ลี่ย์ และแรงบันดาลใจเหล่านี้ได้ถูกส่งออกมาให้เห็นผ่าน EXP10 Speed 6 ซึ่งมีรูปลักษณ์การออกแบบที่เฉพาะจากเบนท์ลี่ย์ เต็มไปด้วยงานเทคนิคหัตถกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ส่วนประกอบ Copper ได้ถูกนำมาใช้ทั้งกับภายนอกและภายในของรถ เพื่อเป็นการเน้นให้เห็นถึงประสิทธิภาพของไฮบริดที่นำมาใช้เป็นระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุด อีกหนึ่งจุดประสงค์หลักในเรื่องสมรรถนะของรถคือความเร็ว ที่ได้รับการตั้งค่าไว้ให้มีความท้าทายมากที่สุด และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ อีกด้วย  
Wolfgang Dürheimer ประธานบริหารของเบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ ได้กล่าวว่า:
“EXP 10 Speed 6 คือเบนท์ลี่ย์ในอนาคตที่เต็มไปด้วยความทรงพลังของพละกำลังเครื่องยนต์ ความโดดเด่น และมีแนวคิดเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จะกลายมาเป็นรถสปอร์ต 2 ประตูสุดหรูใหม่ล่าสุด เน้นประสิทธิภาพของผู้ขับขี่เป็นหลัก และจะเป็นเบนท์ลี่ย์ที่หรูหราและทันสมัยอีกด้วย”
รถรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ในอนาคต พร้อมกับคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ที่โดดเด่นในกลุ่มตลาดรถเดียวกัน ด้วยรูปลักษณ์ของ EXP 10 Speed 6 จะสามารถสร้างอิทธิพลในการขยายสมาชิกให้กับเบนท์ลี่ย์ได้อย่างแน่นอน และนี่ไม่ใช่แค่แนวคิดรถสปอร์ตแบบใหม่ แต่นี่คือโอกาสที่จะทำให้เบนทลี่ย์มีความมั่นคงในอนาคตมากยิ่งขึ้น

รูปลักษณ์ที่ร่วมสมัย และไม่ผิดเพี้ยนจากความเป็นเบนท์ลี่ย์
รูปลักษณ์ภายนอกของ EXP 10 Speed 6 แสดงให้เห็นถึงความทรงพลัง รูปลักษณ์ที่ถูกต้องและแรงบันดาลใจในการพัฒนาตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งนำหลักการของอากาศยานมาใช้ในส่วนปีกรถอีกด้วย รูปแบบและรูปลักษณ์ ของรถได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีความร่วมสมัย แต่ยังคงหลักการของรูปลักษณ์เบนท์ลี่ย์ ซึ่งเป็นการผสมผสานความสวยงามเข้าไว้กับความแม่นยำได้อย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ความเป็นเบนท์ลี่ย์ที่ไม่ผิดเพี้ยนนั่นเอง
ไอเดียที่ใช้ในการสร้างสรรค์ความทันสมัย จากจุดคลาสสิคมีให้เห็นในทุกรายละเอียดโดยด้านหน้าจะพบกับกระจังหน้าแบบตะแกรงเมทริกซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลี่ย์ ไฟหน้าแบบ 4 วง สีของรถที่มีความลึกหลายชั้น เข้ม และเคลือบเมทัลลิกอย่างดี คือ British Racing Green เป็นการสร้างความหรูหราให้กับเบนท์ลีย์ ได้รับการนำมาใช้ในหนทางใหม่ๆ และใช้ร่วมกับเทคโนโลยีและเทคนิคของรถ
เส้นสายและสัดส่วนของ EXP 10 Speed 6 นำเสนอถึงรูปลักษณ์ของรถที่เปี่ยมไปด้วยความคล่องตัวสูง สร้างความกลมกลืนได้ดีระหว่างเส้นสายของรถที่คมชัด ไปถึงพื้นผิวรถที่โดดเด่น มีการออกแบบให้ฝากระโปรงมีความยาว ทรงพลังมากขึ้น และยังเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่แสดงให้เห็นถึงความเร็วแรงของรถด้วยเช่นกัน
วัสดุและรายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบในรูปแบบทันสมัยที่มีความเฉพาะตามรูปแบบเบนท์ลี่ย์ ตะแกรงลายตาข่ายทางด้านหน้าทำจากเทคโนโลยี 3D รวมถึงปลายท่อ ที่จับประตู ช่องดักอากาศด้านข้าง ล้วนแล้วแต่ทำจากเทคโนโลยีชั้นนำและการใส่ใจในการออกแบบรายละเอียดต่างๆ ตะแกรงตาข่ายทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลี่ย์ ซึ่งจะมีมิติความลึกมากยิ่งขึ้นตามรูปแบบ 3D และมองเห็นรายละเอียดได้หลายมุมองศา
ส่วนต่างๆ ของภายนอกรถเหล่านี้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงเบนท์ลี่ย์สำหรับเจเนอเรชั่นต่อไป เรียบหรู แม่นยำ รวมถึงรายละเอียดที่นำมาใช้ในการออกแบบล้วนแต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นเบนท์ลี่ย์ความโดดเด่น ทั้งจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
เบนท์ลี่ย์กับประสิทธิภาพที่มากที่สุด – ภายในห้องโดยสารที่เน้นความหรูหรา
ภายในห้องโดยสารได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นสายต่างๆ ที่ทอดยาวภายในอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่คอนโซลไปยังด้านข้างก่อนจะเข้าสู่ส่วนของประตูและย้อนกลับเข้าสู่ที่พักแขน เบาะหนังแบบสปอร์ตได้รับการวางตำแหน่งทั้งสองข้างอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของรถได้อย่างง่ายดาย และมาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว คุณสมบัติและจุดเด่นเหล่านี้ได้ถูกรวบรวมขึ้นจากเทคโนโลยีของโลกอนาคตและผสมผสานเข้ากับงานหัตถกรรมชั้นเลิศที่โด่งดังตามรูปแบบเบนท์ลี่ย์นั่นเอง
แต่ละรายละเอียดนำมาจากหลักการและแบบเฉพาะของเบนท์ลี่ย์ เช่น ปุ่มต่างๆ คือจุดเด่นในการใช้ควบคุมรถ และถูกทำขึ้นจากเหล็กรวมถึงนำเทคโนโลยี 3D เข้ามาใช้ในการผลิต
ประตูของ EXP 10 Speed 6 มีรอยตะเข็บแบบ 3D และเย็บเข้าร่วมกับเนื้อไม้แบบ Cherry โดยตรง สร้างความโดดเด่นได้อย่างสง่างาม
คอนโซลกลางได้กลายเป็นศูนย์รวมข้อมูลแบบดิจิตอลที่ทำการควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัสที่มีโครงสร้างและก้านเกียร์ที่ทำจากอลูมิเนียม ผสมผสานเข้ากับ Copper และเนื้อไม้ Cherry       รอบเครื่องยนต์แสดงผลแบบดิจิตอล ซึ่งผสมผสานระหว่างความสมดุลของความทันสมัยและอนาล็อกได้อย่างลงตัวเช่นกัน
ที่ว่างทางด้านหลังได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่องเพื่อเก็บสัมภาระและสามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้ถึง 4 ใบ ขอบต่างๆ ทางด้านหลังได้รับการตกแต่งโดยงานฝีมือชั้นเยี่ยมของเบนท์ลี่ย์ด้วยหนังแบบ Poltrona Frau ที่มีคุณภาพสูง
ข้อความจากผู้เขียน
เบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ คือแบรนด์รถหรูที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง บริษัทแม่ตั้งอยู่ที่เมือง Crewe โดยเป็นที่ตั้งของทีมออกแบบ ทีมวิจัยและพัฒนา ทีมวิศวกร และเป็นสถานที่ใช้ในการผลิตรถทั้ง 3 รุ่นของเบนท์ลี่ย์นั่นคือ คอนติเนนทัล (Continental) ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) และมูซาน (Mulsanne) ฝีมือและทักษะงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางทักษะของวิศวกรและเทคโนโลยีชั้นนำคือความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่หรูหราอย่างเบนท์ลี่ย์ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโรงงานผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของอังกฤษ ซึ่งมีพนักงานถึง 3,800 คนที่เมือง Crewe เลยทีเดียว

สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้จาก บริษัท            เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษโดยตรง คอยให้บริการรถยนต์เบนท์ลี่ย์ของท่าน  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้ที่แผนกขายโทร.
02-261-1050-1 หรือ 02-610-9880 และท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่  www.thailand.bentleymotors.com

เปิดตัวแรง! MOTOR EXPO 2015 บริษัทรถแห่จองพื้นที่ สวนกระแสตลาด



สื่อสากล เปิดจองพื้นที่ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 หรือ MOTOR EXPO 2015 บริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ร่วมจองคับคั่ง มั่นใจมาตรฐานการจัดงานระดับสากล ส่งสัญญาณอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปลายปีคึกคักแน่นอน
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" หรือ “The 32ndThailand International MOTOR EXPO 2015” กล่าวถึงการเปิดจองพื้นที่งานว่า “แม้สภาวะตลาดช่วงนี้จะซบเซาแต่บริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอดจนอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องยังให้ความสนใจเข้าร่วมงานเหมือนเช่นทุกปี บางค่ายต้องการเพิ่มพื้นที่เพื่อออกแบบบูธตามแนวคิดและสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์ของตน
สื่อสากลได้พัฒนาการจัดงานอย่างต่อเนื่องจนได้รับการรับรองและเป็นสมาชิก สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก (UFI: Union des Foires Internationales) ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน บ่งบอกถึงความชัดเจน โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนการจัดงาน ซึ่งทำให้มีผู้สนใจจองพื้นที่เป็นจำนวนมาก
สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนรถยนต์ที่บริษัทต่างๆ แจ้งว่าจะนำมาแสดง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาให้จองพื้นที่ แบ่งเป็น รถที่นำมาจัดแสดงครั้งแรกในโลก ครั้งแรกในทวีปเอเชีย ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน ครั้งแรกในประเทศไทย รวมถึงการนำรถแนวคิดและรถต้นแบบมาจัดแสดง จะได้รับคะแนนและอัตราส่วนลดค่าพื้นที่แตกต่างกัน”
 “อีกเหตุผลหนึ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่ ช่วงเวลาของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและดีที่สุดของปี มีปัจจัยที่เอื้อและสนับสนุนการซื้อขายหลายประการ อาทิ การเปิดตัวรถใหม่หลากหลายรุ่น การจัดแคมเปญร่วมกับสถาบันการเงิน  โปรโมชันจากค่ายรถมีทั้งลดแลกแจกแถม รวมถึงผู้ชมงานวางแผนใช้เงินโบนัสซื้อรถ และยังมีกิจกรรมจากผู้จัดงานมากมาย ช่วยเพิ่มบรรยากาศการ ซื้อ-ขายให้น่าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักส่งท้ายปี”
นอกจากนี้สื่อสากลยังจัดงาน  AAITF Bangkok 2015 (Automotive Aftermarket Industry and Tuning Trade Fair for Southeast Asia) ขึ้นเป็นครั้งแรกภายในงานมหกรรมยานยนต์ ระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม 2558 ณ อิมแพ็ค ฟอรัม (ฮอลล์9) โดยจัดแสดงสินค้า อะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกล เกี่ยวกับยานยนต์มากมาย พร้อมเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และค้าปลีก ในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้เจรจาธุรกิจกัน
“งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 ใช้พื้นที่จัดงานรวมทั้งสิ้น 80,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น ภายในอาคารชาเลนเจอร์ 60,000 ตารางเมตร และด้านนอกอาคารอีก 20,000 ตารางเมตร สำหรับจัดแสดงเครื่องเสียงรวมถึงจัดกิจกรรมอื่นๆ มากมาย โดยผังของปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา” ขวัญชัยกล่าวทิ้งท้าย
อย่าพลาด..งาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2 - 13 ธันวาคม 2558 เวลาเปิด-ปิดงาน วันธรรมดา เวลา 12.00-22.00 น. เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 11.00-22.00 น. ปิดการจำหน่ายบัตรเข้างาน เวลา 21.00 น. ของทุกวัน    สามารถติดตามข่าวสารงาน MOTOR EXPO 2015 ได้ทาง http://www.motorexpo.co.th  

มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เอสยูวีสุดฮิตของคนทั่วโลก มียอดการผลิตทะลุหนึ่งล้านคันแล้ว

ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ออกประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ ว่ารถสปอร์ต อเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้าทั่วโลก โดยมียอดการผลิตทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคันแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปี 5 เดือน นับตั้งแต่เริ่มสายการผลิตในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ซึ่งทำให้มาสด้า CX-5 กลายเป็นรถยนต์จากมาสด้าที่มียอดการผลิตทะลุ 1 ล้านคันอย่างรวดเร็ว และเป็นอันดับสองรองจากรถยนต์นั่งมาสด้า 3 ไปแล้ว
รถสปอร์ตอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 นับเป็นรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดและเป็นรถยนต์รุ่นแรกของมาสด้าที่ใช้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ และแนวคิดการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว โดยเริ่มสายการผลิตขึ้นครั้งแรกที่โรงงานยูจินา ในเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ต่อจากนั้นก็ได้มีการขยายฐานการผลิตไปสู่ ฉางอัน มาสด้า ออโต้โมบิล ในประเทศจีน และมีการขึ้นไลน์ประกอบที่ประเทศรัสเซีย ณ มาสด้า โซลเลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง, มาสด้า มาเลเซีย ประเทศมาเลเซีย และ วินา มาสด้า ออโต้โมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศเวียดนาม*1
รถอเนกประสงค์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เปิดตัวสู่ตลาดครอสโอเวอร์ เอสยูวี ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 นับตั้งแต่เปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้เป็นต้นมา มาสด้า CX-5 ได้รับรางวัลไปแล้วกว่า 60 รางวัลทั่วโลก*2 รวมถึงรางวัลอันทรงเกียรติ  นั่นคือ รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีประเทศญี่ปุ่น ปี 2555-2556 ( Japan Car of the Year 2012-2013) มาสด้า CX-5 ได้กลายเป็นรถยนต์รุ่นหลักของมาสด้าทั่วโลกและเป็นรถ SUV ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศญี่ปุ่นในปี 2555-2556 *3
นายมาซาชิ โอสึกะ ผู้จัดการโครงการมาสด้า CX-5 กล่าวว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นมาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จ มียอดการผลิตทะลุ 1 ล้านคัน ภายในเวลาระยะเพียง 3 ปี 5 เดือน หลังจากเริ่มต้นเปิดสายการผลิต ผมขอขอบคุณลูกค้าจากทั่วโลกเป็นอย่างสูงที่เห็นคุณค่าของมาสด้า CX-5 และให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี พวกเรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคตเพื่อให้ CX-5 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่ง และยังดึงดูดลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต”
ในอนาคตข้างหน้านี้ มาสด้ายังคงพัฒนารถยนต์ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ควบคู่ไปกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความปลอดภัยเป็นเลิศ ด้วยเป้าหมายที่จะเติมเต็มชีวิตของผู้คนและกลายเป็นแบรนด์ที่มีสายสัมพันธ์พิเศษกับลูกค้าเป็นสำคัญ

ยางคึมโฮ บุกสนามระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สู้ศึก Honda Jazz One Make Race สนามที่ 2



คุณเอกพงษ์ ลิมปวรกุล ผู้จัดการฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์คึมโฮ ไทร์ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล ร่วมให้กำลังใจนักแข่ง รุ่น Honda Jazz One Make Race รายการ Grand Prix Racing League 2015 สนามที่ 2 เรซ 3-4 ของฤดูกาล แบบติดขอบสนาม ปิดสนามดวลความเร็วกันที่ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ด้วยความเร็วและมันส์แบบจัดเต็มของขาซิ่งทั้งหน้าเก่า และใหม่ ซึ่งต่างประทับใจในประสิทธิภาพยางคึมโฮ V720พร้อมเสียงเชียร์ของเหล่าแฟนๆ และผู้ที่รักความเร็ว ไม่หวั่นแม้สภาพอากาศที่แดดร้อนจ้า ที่ต่างร่วมลุ้นกันแบบไม่ติดเก้าอี้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เอ.พี.ฮอนด้า เปิดศึก CBR300R Thailand Dream Cup เอเชีย เรซซิ่ง ทีม คว้าชัยสนามแรกที่ ไทยแลนด์ เซอร์กิต



บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้นำแห่งวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย เปิดศึกดวลความเร็วรายการชิงแชมป์ประเทศไทย CBR300R Thailand Dream Cup สานฝันผู้ใช้รถจักรยานยนต์รุ่นซูเปอร์ไบค์ ได้บิดรถคู่ใจลงแข่งบนสนามจริงเหมือนเวทีระดับโลก โดยแชมป์สนามแรกประเดิมฤดูกาลที่สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี ตกเป็นของนักแข่งจาก เอเชีย เรซซิ่ง ทีม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2558

ศึกรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์ประเทศไทย CBR300R Thailand Dream Cup รายการใหญ่ที่ทาง บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปที่มีความฝันอยากประลองความเร็วได้บนแทร็กอย่างมืออาชีพ แต่ไม่มีเวทีให้ลงแข่งขันได้วัดความเร็วกัน โดยได้เปิดศึกทำการแข่งขันสนามแรกไปแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ สนาม ไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี

บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีทีมแข่งเข้าร่วมประชันเป็นจำนวนมากถึง 28 ทีม ประกอบด้วยทีมจากร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า 20 ทีม, ทีมแข่งอิสระจากร้านแต่งรถจักรยานยนต์ 7 ทีม และทีมจากฮอนด้าบิ๊กวิง 1 ทีม ซึ่งนักแข่งแต่ละทีมล้วนเป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปไม่เคยมีประสบการณ์ลงแข่งหรือได้แชมป์ระดับอาชีพและสมัครเล่นมาก่อน พร้อมทีมงานแบ่งเป็นทีมช่างเทคนิค 2 คน, ผู้จัดการทีม 1 คน และผู้ประสานงาน 1 คน เรียกว่าจำลองการทำทีมแบบเดียวกับการแข่งระดับโลก

ขณะเดียวกัน ภายในงานก็มีกิจกรรมมากมายให้ผู้เข้าชมการแข่งขันได้ร่วมสนุกกัน รวมถึงกิจกรรมการประกวด “เรซ ควีน” หาสาวสวยริมแทร็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในงาน สร้างสีสันให้กับคนดูในสนามได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากการชิงชัยความเร็วของทีมแข่งทั้งหมด 28 ทีม ซึ่งหมายมั่นปั้นมือเก็บชัยชนะสนามแรกเอาฤกษ์เอาชัยก่อนลุยต่ออีก 6 สนามที่เหลือของรายการ ภายใต้รถจักรยานยนต์รุ่น Honda CBR300R ที่เป็นรถพื้นฐาน แต่สามารถปรับแต่งได้เต็มที่ภายใต้กติกาที่กำหนด

สำหรับผลการควอลิฟายจัดกริดสตาร์ทให้กับนักแข่งเมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทีม NUI Racing Project Team ตัวแทนจากจังหวัดกรุงเทพฯ (ราษฏร์บูรณะ) ที่ส่ง นาย ชนะชล ภูพันนา ลงทำการแข่งขัน คว้าตำแหน่งโพล โพซิชั่น มาครองด้วยเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุด 1 นาที 36.301 วินาที ขณะที่อันดับ 2 มาจากทีม Asia Racing Team คือนาย อัครเดช อารยะสัจพงษ์ เวลาตามหลัง 0.315 วินาที ส่วนอันดับ 3 คือนาย ศิริพจน์ พราหมณ์โสภณ จาก พรนุภาพทีม เวลาตามหลัง 0.837 วินาที

ขณะที่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม ทั้งหมด 12 รอบ ปรากฏว่าแชมป์สนามแรกตกเป็นของทีมAsia Racing Team ที่ส่ง อัครเดช อารยะสัจพงษ์ นักแข่งวัย 17 ปี ลงแข่งขัน โดยช่วงออกสตาร์ท อัครเดช บิดคันเร่งออกจากกริดอันดับ 2 แต่ออกตัวได้ดีแซงขึ้นนำเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่รอบแรก ก่อนวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 19 นาที 19.288 วินาที ส่วนอันดับ 2 และอันดับ 3 เป็นของ ชนะชล ภูพันนา จากทีม NUI Racing Project Team และ ณรงค์ศักดิ์ อิทธิพล จาก Sinthanee LG Racing Team

หลังจบการแข่งขัน “น้องกาย” อัครเดช อารยะสัจพงษ์ ผู้ชนะสนามแรก กล่าวรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับบรรยากาศที่สนาม เนื่องจากมีคนดูเป็นจำนวนมากทำให้รู้สึกกดดันพอสมควร แถมยังเป็นการลงแข่งขันรายการแรกในชีวิตด้วย พร้อมกันนี้ยังรู้สึกดีใจมากที่ได้แชมป์มาครองเพราะการออกตัวที่ดีตั้งแต่เริ่ม สุดท้ายเจ้าตัวตั้งเป้าจะเก็บชัยชนะให้ได้อีก 6 สนามที่เหลือ เพื่อสร้างชื่อเป็นแชมป์คนแรกของรายการนี้

ขณะเดียวกัน นักบิดวัย 17 ปี จากโครงการ ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล ที่เก็บ 20 คะแนนแรกเข้ากระเป๋า และเป็นผู้นำบนตารางเวลานี้ ก็ได้กล่าวขอบคุณ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ที่เปิดโอกาสให้ตนและเพื่อนๆที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแข่งแต่ไม่มีประสบการณ์และเวทีให้ลงแข่งขันในเมืองไทย ได้สัมผัสประสบการณ์แข่งและการทำงานแบบมืออาชีพอีกด้วย

สำหรับการแข่งขัน CBR300R Thailand Dream Cup สนามถัดไปจะลงแข่งกันที่สนามพีระ เซอร์กิต เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 27-28 มิถุนายน นี้
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved