เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต พบกับยานยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ในตระกูลดิสคัฟเวอรี่ ในรูปแบบเอสยูวีขนาดกะทัดรัดพร้อมความหรูหราระดับพรีเมี่ยมที่คุณต้องตะลึง
Posted by Contemporary industry
Posted on 00:54
ภาพข่าว(จากซ้ายไปขวา): มร. เซิร์จ ทูรอน ผู้จัดการทั่วไป จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย และนายสรรพงษ์ ชื่นโรจน์ กรรมการผู้จัดการ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย ร่วมเปิดตัว “เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต”ยานยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมความหรูหราระดับพรีเมี่ยม สมาชิกเจเนอเรชั่นใหม่ในตระกูลดิสคัฟเวอรี่
· สมาชิกเจเนอเรชั่นใหม่ในตระกูลดิสคัฟเวอรี่ มาพร้อมดีไซน์หรูเข้มดุดัน เพื่อการพุ่งทะยานอย่างเหนือชั้น
· นอกเหนือจากรุ่นมาตรฐาน 5 ที่นั่ง นำเสนอทางเลือกรุ่น 5+2 ที่นั่ง ด้วยขนาดที่กะทัดรัด สำหรับตลาดเมืองไทย
· ระบบเพลารุ่นใหม่แบบมัลติลิงค์ เพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวสูงสุดบนท้องถนนและการตะลุยอย่างมั่นใจบนทุกพื้นผิวในโหมดออฟโร้ด พร้อมเพิ่มสมรรถนะขั้นสูงและดีไซน์ห้องโดยสารใหม่ทุกมุมมอง
· ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดประสิทธิภาพสูง
· เทคโนโลยี Terrain Response® และทางเลือกระบบการลุยน้ำลึก Wade Sensing™เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบในทุกสภาวะ
· ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับการควบคุมที่เฉียบคมบนท้องถนน ด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า, แดมเปอร์แบบ MagneRide™ และทางเลือกกับระบบวัดเวคเตอร์แรงบิดจากการเบรก (Torque Vectoring by Braking)
· นำเสนอทางเลือกระบบเบรกฉุกเฉินอิสระ ช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงการชนได้อย่างมั่นใจ
· ระบบจอสัมผัสขนาด8 นิ้วใหม่ล่าสุด ที่ควบคุมได้อย่างง่ายดาย และเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ไฮเทคได้ตามต้องการ พร้อมช่องเชื่อมต่อแบบ USB และปลั๊กขนาด 12 โวลต์ สูงสุด 10 จุด ซึ่งมากที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน
กรุงเทพฯ 17 กรกฎาคม 2558 - จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย จัดงานเปิดตัว เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ครั้งแรกในเมืองไทย นำเสนอยานยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมความหรูหราระดับพรีเมี่ยม และเป็นยานยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดในตระกูลดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งนอกจากรุ่นมาตรฐาน ยังมาพร้อมทางเลือกใหม่กับรุ่นที่ปรับเปลี่ยนได้แบบ 5+2 ที่นั่ง ที่ยังคงเพียบพร้อมด้วยระบบวิศวกรรมยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบกับภาพลักษณ์ที่กะทัดรัดกว่าเอสยูวีรุ่นเดิม โดยลูกค้าในเมืองไทยสามารถสัมผัสกับ เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ได้ในเดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท
เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งสายพันธุ์ดิสคัฟเวอรี่ (True to Discovery DNA)” ทำให้ได้ยานยนต์ที่พร้อมผจญภัยไปกับคุณทุกสภาวะ รวมถึงการขับขี่แนวไลฟ์สไตล์ในเมืองไปพร้อมกับครอบครัว นำเสนอดีไซน์หรูเข้มดุดันเพื่อการพุ่งทะยานอย่างเหนือชั้น ซึ่งถือเป็นนิยามใหม่แห่งยานยนต์ในตระกูลดิสคัฟเวอรี่ทุกรายละเอียดของงานดีไซน์ที่หรูหราสง่างาม ล้วนแฝงไว้ด้วยประโยชน์ใช้สอยเพื่อการเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ให้คล่องตัวในทุกสภาพอากาศแบบไร้คู่แข่ง โดยติดตั้งระบบเพลารุ่นใหม่แบบมัลติลิงค์ เพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวสูงสุดบนท้องถนนและการตะลุยอย่างมั่นใจบนทุกสภาพพื้นผิวในโหมดออฟโร้ด พร้อมเพิ่มสมรรถนะขั้นสูงและดีไซน์ห้องโดยสารภายในใหม่หมดจดทุกมุมมอง
นอกเหนือจากดีไซน์เจเนอเรชั่นใหม่ เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ยังติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงอย่างครบครัน หนึ่งในเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในยานยนต์แลนด์โรเวอร์เป็นครั้งแรก คือ ระบบเบรกฉุกเฉิน
อิสระ (Autonomous Emergency Braking System) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงการปะทะได้อย่างมั่นใจ ด้วยกล้อง สเตอริโอระบบดิจิตัลซึ่งติดตั้งด้านข้างกระจกส่องหลัง เพื่อคอยตรวจจับวัตถุที่อาจพุ่งเข้ามาปะทะ โดยระบบจะส่งเสียงเตือนและแสดงภาพ พร้อมสั่งการให้ระบบเบรกทำงานโดยอัตโนมัติหากจะเกิดการปะทะกับตัวรถในระยะกระชั้นชิด
ในประเทศไทย เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต นำเสนอในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล SD4 ขนาด 2.2 ลิตร 190 แรงม้า ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ชั้นยอด การควบคุมเฉียบคมเป็นเยี่ยม และเป็นสุดยอดแห่งความคุ้มค่า ด้วยแรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร (310 ฟุตปอนด์) ที่ 1,750 รอบต่อนาที และปล่อยไอเสียตามมาตรฐานยุโรปเพียง 161 กรัม/กม. ในรุ่นเกียร์ออโต้ 5 ที่นั่ง และ 166 กรัม/กม.ในรุ่น 5+2 ที่นั่ง
โครงสร้างตัวถังแบบไร้โครง เกิดจากการผสมผสานเหล็กกล้าความแกร่งสูง เหล็กโบรอนความแกร่งสูงพิเศษ และแผ่นอลูมิเนียมน้ำหนักเบา จนเกิดเป็นวัสดุพื้นฐานที่แข็งแรงทนทานและน้ำหนักเบา ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์อย่างโดดเด่นและมอบคุณสมบัติความแข็งต้านแรงบิดที่เป็นเยี่ยม ระบบเพลาหลังรุ่นใหม่แบบมัลติลิงค์ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมและการผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเพลารถ เมื่อผนวกกับชิ้นส่วนในระบบกันสะเทือนที่เป็นอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและแดมเปอร์ที่ติดตั้งอย่างพิถีพิถัน จึงทำให้นักขับผสานเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะขับขี่บนสภาพพื้นผิวแบบใดก็ตาม ระบบเพลาหลังรุ่นใหม่ยังช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารและช่วยให้อุปกรณ์ของระบบกันสะเทือนด้านหลังไม่ยื่นล้ำเข้าไปในส่วนพื้นที่เก็บของ ซึ่งทำให้ เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต มอบพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและนำเสนอทางเลือกรุ่น 5+2 ที่นั่งได้อย่างลงตัว (เฉพาะในประเทศไทย ราคาเริ่มต้น 200,000 บาท)
เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต คือตัวแทนของเทคโนโลยีแห่งอนาคตของยานยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ในตระกูลดิสคัฟเวอรี่ ด้วยเทคโนโลยี Terrain Response® และทางเลือกสำหรับลูกค้าในระบบการลุยน้ำลึก Wade Sensing™ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการขับขี่ออฟโร้ดที่สมบูรณ์แบบ เมื่อบวกประสิทธิภาพของพวงมาลัยไฟฟ้า, แดมเปอร์แบบ MagneRide™ และระบบเพลาหลังแบบมัลติลิงค์รุ่นใหม่ที่มอบประสิทธิภาพสูงสุดบนท้องถนนและสมรรถนะที่เหนือชั้นในยามขับขี่ออฟโร้ด จึงทำให้ เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต เป็นยานยนต์ที่ขับขี่ได้อย่างภูมิฐานสง่างามบนท้องถนนในเมืองใหญ่ และวาดลวดลายยามขับขี่ทางไกลได้อย่างเต็มอารมณ์
เทคโนโลยีแห่งอนาคตของ เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ยังรวมถึงการออกแบบห้องโดยสารที่ใช้มาตรฐานระดับสูงและถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ ภายในมอบความสะดวกสบายด้วยระบบอินโฟเทนเมนท์บนจอสัมผัสขนาด 8 นิ้มรุ่นใหม่ล่าสุดที่ควบคุมได้อย่างง่ายดาย และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฮเทคได้ตามที่คุณต้องการจากแผงควบคุมกลาง
เซิร์จ ทูรอน ผู้จัดการทั่วไป จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต คือสุดยอดยานยนต์ที่ดีที่สุดในรุ่นเดียวกัน หลังจากเปิดตัวมาแล้วกว่า 4 เจเนอเรชั่น ก็ได้พัฒนามาจนถึงรุ่นปัจจุบันที่นำเสนอขีดสุดแห่งงานดีไซน์และระบบวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสุดยอด แน่นอนว่า เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ยังคงความภูมิฐานในแบบฉบับแลนด์โรเวอร์ไว้อย่างชัดเจน หากก็ได้นำเสนอแง่มุมใหม่แห่งงานดีไซน์ที่บรรจงสร้างสรรค์มาโดยเฉพาะ เพื่อสร้างความแตกต่างจากสถาปัตยกรรมยานยนต์ในตระกูลอื่นๆ ของแลนด์โรเวอร์ ทั้งในด้านความหรูหรา (เรนจ์โรเวอร์) ประโยชน์ใช้สอยในวันหยุด (ดิสคัฟเวอรี่) และการใช้งานแบบ Dual-purpose (ดีเฟนเดอร์) จึงทำให้ เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต มีสัดส่วนการออกแบบที่สวยงามลงตัว สะท้อนถึงสัมผัสใหม่แห่งพลศาสตร์ของยานยนต์ตระกูลดิสคัฟเวอรี่ ด้วยภาพลักษณ์แห่งความมั่นใจที่ดึงดูดนักขับรุ่นใหม่ที่ต้องการยานยนต์ระดับลักชัวรี่ไว้ในครอบครอง”
“จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย มุ่งมั่นนำเสนอยานยนต์จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยหนึ่งรุ่นต่อปี เนื่องจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดรถยนต์ที่กำลังเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม เราจึงนำเสนอรถยนต์หลากหลายรุ่นเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งผู้ที่ต้องการรถยนต์ระดับหรูและเอสยูวีชั้นเลิศ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต จะมียอดจำหน่ายที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในทุกๆ ด้าน” เซิร์จ ทูรอน กล่าวเสริม
เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต นำเสนอ 12 เฉดสีภายนอกสุดเฉี่ยว Fuji White, Santorini Black, Corris Grey, Indus Silver, Loire Blue, Scotia Grey, Aintree Green, Kaikoura Stone, Firenze Red, Yulong White, Barolo Black และPhoenix Orange นอกจากนี้ยังมีออพชั่นการตกแต่งแบบ Black Pack ในแนวสปอร์ตสุดเท่ ด้วยตะแกรงหน้าสีดำวาว ครอบกระจกมองข้าง ช่องระบายอากาศบังโคลนหน้า ฝากระโปรงและประตูท้ายประดับตัวอักษร รวมถึงออพชั่นล้ออัลลอยทั้งขนาด 19 หรือ 20 นิ้ว นอกจากนี้ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างในความเป็นคุณ ยังนำเสนอออพชั่นเฉดสีหลังคาที่แตกต่างที่คลุมถึงโครงส่วนเอ-พิลลาร์ โดยเลือกได้ทั้งโทนสี Santorini Black และ Corris Grey
ส่วนออพชั่นล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สวยหมดจดที่สะกดทุกสายตาทั้ง 7 แบบ รวมทั้ง Aero Viper นำเสนอในหลายเฉดสี ทั้ง Sparkle Silver, Dark Grey, Gloss Black และรูปแบบ Diamond-turned Finish สำหรับดีไซน์เฉพาะแบบ
สำหรับตลาดในเมืองไทย เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ยังนำเสนอการออกแบบห้องโดยสารที่หรูหราในแบบ HSE ทั้งรุ่นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวรมาตรฐานและทางเลือกในรุ่นที่ปรับเปลี่ยนขับเคลื่อนสองล้อได้ โดยสเปคมาตรฐานของรุ่นที่จำหน่ายในเมืองไทยคือรุ่น ZF 9HP48 เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งครบครันทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ความเป็นสุดยอดในการขับขี่ การผสานเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์ และสมรรถนะในโหมดออฟโร้ด
เทคโนโลยีเพื่อช่วยในการขับขี่ที่ติดตั้งมาใน เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ได้แก่ ระบบเบรกฉุกเฉินอิสระ (Autonomous Emergency Braking System: AEB), พวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power-Assisted Steering: EPAS), ระบบช่วยจอด (Park Assist), ระบบไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High-Beam Assist), ระบบช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวส่วนพ่วงลาก (Trailer Stability Assist), ระบบช่วยในการพ่วงลาก (Tow Assist & Tow Hitch Assist), ระบบตรวจจับจุดบอดและตรวจจับรถยนต์ที่พุ่งมาด้านหลังจากระยะไกล (Blind-Spot Monitor & Closing Vehicle Sensing), ระบบตรวจจับด้านหลังตัวรถ (Reverse Traffic Detection), ระบบกล้องมุมมองรอบด้านความละเอียดสูง (HD Surround Camera System), ระบบดาวเทียมนำร่อง (SD satellite-navigation system), ไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด (Automatic headlamps), ที่ปัดน้ำฝนเซ็นเซอร์ฝน (Rain-sensitive wipers) และ ระบบสัญญาณช่วยจอดรถ (Parking sensors) โครงตัวรถเป็นโลหะและโบรอนความแข็งแกร่งสูง ส่วนโครงหลังคามีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษและสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 4.5 เท่าของตัวรถ สมบูรณ์แบบด้วยแพ็คเกจระบบความปลอดภัยระดับโลกซึ่งมีทั้ง ถุงลมสำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร ถุงลมรองรับบริเวณเข่าของผู้ขับ ถุงลมด้านข้างลำตัว และถุงลมรองรับบริเวณทรวงอก
เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต คือยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ในเมืองไทย ซึ่งเหมาะทั้งการใช้เป็นรถประจำวัน ทั้งในเขตเมืองและการขับขี่ออกไปผจญภัยบนถนนนอกเมือง โดย เซิร์จ ทูรอน
อธิบายว่า “เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต คือยานยนต์เอสยูวี 5 ที่นั่ง และนำเสนอทางเลือกแบบ 5+2 ที่นั่งรุ่นแรกในตลาดเมืองไทย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในรูปแบบใดก็ตาม การได้ขับขี่รถยนต์ที่ผลิตในสหราชอาณาจักรและมีสเปคเครื่องที่กำหนดมาเพื่อตลาดเมืองไทยโดยเฉพาะ ถือเป็นประโยชน์พิเศษสำหรับผู้บริโภคชาวไทย และยังถือเป็นรถยนต์รุ่นเดียวในตลาดระดับนี้ที่นำเสนอความเป็นรถสปอร์ตเปี่ยมสมรรถนะแก่ผู้ขับขี่ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมั่นใจว่า รถยนต์รุ่นนี้จะทำให้เราได้ส่วนแบ่งการตลาดมากยิ่งขึ้นในตลาดรถยนต์ทุกระดับ เนื่องจากสามารถมอบโซลูชั่นการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยสมรรถนะที่เป็นเลิศในทุกสภาวะ ภายใต้ดีไซน์ขั้นสุดยอดไว้ในคันเดียว”
จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์ โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทุ่มงบลงทุนสูงกว่า 300 ล้านบาท สร้างโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่สุดยิ่งใหญ่บนถนนพระราม 4 เพื่อให้เป็นโชว์รูมต้นแบบของจากัวร์แลนด์โรเวอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสมบูรณ์แบบด้วยการดำเนินงานทั้งสามด้าน (3S) นั่นคือ Services (บริการ), Sales (การขาย) และ Spare Parts(ชิ้นส่วนอะไหล่) เพื่อมอบ “ประสบการณ์แห่งบริการชั้นเลิศ” จากการให้บริการที่ครบครัน และทำให้ทั้งแบรนด์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักขับระดับสูง ทั้งยังเป็นการยกระดับให้ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทยเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยานยนต์ชั้นนำที่ดีที่สุดของโลก
ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัส เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้งสามแห่ง ได้แก่ บริษัท เพรสทีจ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด ถ.วิทยุ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02-651-4545, บริษัท จีที คาร์ส จำกัด ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02-716-5556-7 และ บริษัท จีบี ออโต้โมบิลส์ จำกัด ถ.เทพกระษัตรี ภูเก็ต โทรศัพท์ 084-655-3535
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย ที่หมายเลข 02-713 6777 และสามารถเยี่ยมชมโชว์รูมของเราได้ที่สาขาพระราม 4 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ www.landrover-asia.com/th
เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี
Posted by Contemporary industry
Posted on 00:51
มร.ฮิโรกิ นาคาจิมะ หัวหน้าวิศวกรอาวุโส เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ มร.อาคิโตะ ทาจิบานะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวแนะนำรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด “All New Fortuner … New legend of the pride” เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์
รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ยนตกรรมแห่งความภาคภูมิ เริ่มแนะนำเจนเนอเรชั่นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2548 ภายใต้โครงการ “IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle” และสามารถสร้างปรากฏการณ์ เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท PPV ในประเทศไทย และในตลาดต่างประเทศ ด้วยชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับ ในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก สมรรถนะการขับขี่ ประหยัดน้ำมัน ประโยชน์ใช้สอยและคุ้มค่าทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว จนสามารถครองใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
มร.อาคิโตะ ทาจิบานะ กล่าวว่า “นับตั้งแต่การแนะนำรถอเนกประสงค์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2548 โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ยอดนิยม ประเภท PPV ด้วยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นกว่า 220,000 คัน และยืนยันด้วยรางวัลด้านคุณภาพมากมายทั้ง รางวัล เจ.ดี.พาวเวอร์ เอเซีย แปซิฟิก (JD Power) รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมแห่งปี (TAQA Awards) และรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Car of the year)
และในวันนี้ โตโยต้า มีความยินดีที่จะแนะนำ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นยนตกรรมที่เหนือชั้นกว่าทุกข้อจำกัดแห่งการขับขี่ พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้อย่างเหนือความคาดหมาย และสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของกับความเหนือระดับอย่างแท้จริง”
มร.ฮิโรกิ นาคาจิมะ เปิดเผยว่า “ทีมวิศวกรโตโยต้าได้สร้างสรรค์ All New Fortuner ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบและพัฒนา ภายใต้แนวคิด “ยนตกรรมอเนกประสงค์ตัวจริง ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่” (The True SUV with Style & Confidence) เพื่อให้ All New Fortuner เป็นอีกหนึ่งในรถยนต์ผู้นิยามใหม่ของ “ความแกร่ง” ด้วยการขยายเฟรมให้ใหญ่ขึ้น และพัฒนาช่วงล่างแบบ 4 ลิงค์ เครื่องยนต์ใหม่ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพแห่งการขับขี่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพถนน รวมถึงกำหนดนิยามใหม่แห่ง “ดีไซน์” ด้วยการออกแบบที่หรูหรา ล้ำสมัย ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะ 3 เส้นสายแห่งดีไซน์ ( 3 Iconic lines) อันเป็นเอกลักษณ์แห่งความภาคภูมิของฟอร์จูนเนอร์ใหม่ พร้อมเพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ มาตรฐานระดับโลก สร้างความมั่นใจแห่งความปลอดภัยของชีวิตที่เหนือระดับ”
เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี
All New Fortuner … New legend of the pride
ยนตกรรมอเนกประสงค์ตัวจริง ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่ ที่ได้รับการพัฒนา เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วโลก ด้วยจุดเด่น 4 จุดหลัก ดังนี้
· NEW LEGEND OF DESIGN – นิยามใหม่แห่งดีไซน์ ด้วยดีไซน์ใหม่ของรถอเนกประสงค์แห่งอนาคตกับรูปลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง ดุดันและทรงพลัง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและพริ้วไหว ทั้งภายในและภายนอก
· NEW LEGEND OF UTILITY – นิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิต ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ โอ่โถงกว้างสบาย เพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหนือระดับ สู่ขีดสุดแห่งสุนทรียภาพการขับขี่สมบูรณ์แบบ
· NEW LEGEND OF PERFORMANCE – นิยามใหม่แห่งสมรรถนะการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด (GD Efficient Boost) เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ให้แรงบิดสูงในช่วงรอบกว้าง (Flat torque) แต่ยังประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เครื่องยนต์ทำงานเงียบ ไอเสียต่ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างเหนือชั้น และสัมผัสใหม่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซิกม่าโฟว์” ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพถนน
· NEW LEGEND OF SAFETY – นิยามใหม่แห่งความปลอดภัยเหนือระดับ สร้างความอุ่นใจในการขับขี่ เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก ทั้งแบบปกป้อง และแบบป้องกัน
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ กล่าวว่า “All New Fortuner เป็นการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ กับรถอเนกประสงค์ที่ถูกพัฒนาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วโลก ผ่านจุดขายหลักทั้ง 4 จุด จึงเป็นที่มาของการสื่อสารทางการตลาด ภายใต้สโลแกน “เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี” – “New legend of the pride” โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นให้เกิดการรับรู้นิยามใหม่ของ All New Fortuner สูงสุด ด้วยแผนการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อดิจิตอลในเว็ปไซต์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ โตโยต้า ยังได้มอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าเพื่อร่วมสัมผัสนิยามใหม่ของยนตรกรรม แห่งความภาคภูมิใจ โดยเริ่มตั้งแต่การจัดกิจกรรมเปิดตัว All New Fortuner ที่โชว์รูมโตโยต้า 435 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 17 – 19 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเราได้จัดเตรียมรถทดลองขับไว้ให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่กันอย่างทั่วถึง โดยหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเราจะจัดกิจกรรม Road show ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าทุกภูมิภาคให้สัมผัสและทดลองขับ All New Fortuner ในเดือนสิงหาคม – ตุลาคม
All New Fortuner มีให้เลือกถึง 5 แบบ และมีสีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีน้ำตาล Phantom Brown และสีน้ำเงิน Nebula Blue ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1,199,000 บาท พร้อมเป้าหมายการขายที่ 2,600 คันต่อเดือน”
มร.อาคิโตะ ทาจิบานะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมเชื่อมั่นว่า All New Fortuner จะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลัก ที่เติมเต็มตลาดรถอเนกประสงค์ให้กลับมามีสีสันอีกครั้ง และผมมั่นใจว่าผู้ที่ครอบครอง All New Fortuner จะมีความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของกับสุดยอดยนตรกรรมนี้ อย่างแน่นอน”
เอ.พี. ฮอนด้า เปิดตัวซูเปอร์คับสีใหม่สุดเก๋า เอาใจคนรักเจแปนนิสเรโทร
Posted by Contemporary industry
Posted on 00:49
เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าในประเทศไทย เสริมแกร่งความเป็นผู้นำเทรนด์ แฟชั่นสไตล์ญี่ปุ่นด้วยซูเปอร์ คับใหม่ (New Super Cub) รถจักรยานยนต์รุ่นเดียวที่ รวมกลิ่นอายความเก๋าจากยุคสมั ยช่วงทศวรรษที่ 70 ของญี่ปุ่นมาผสานกับเทคโนโลยี การขับขี่อันทันสมัยในยุคปัจจุ บันอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้คอนเซปต์ “ใหม่สุดฮิต เจแปนนิสสุดเก๋า” โดนใจคอเรโทรยิ่งกว่าเดิมด้วยสี สันใหม่ 4 แบบ 4 สไตล์ ประกอบด้วยสีชมพูฮาราจูกุพิงค์, น้ำเงินโอกินาว่าบลู, ส้มฮอกไกโดออเร้นจ์ และน้ำตาลเกียวโตช็อคโก ขับขี่สนุกด้วยเครื่องยนต์ ระบบหัวฉีด PGM-FI ขนาด 110cc ที่ให้ทั้งสมรรถนะ ความทนทาน และประหยัดน้ำมันถึง 57 กม./ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่ อความสะดวกสบายและปลอดภั ยแบบครบครัน เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศตั้ งแต่ 13 กรกฏาคมนี้เป็นต้นไป สนนราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 42,300 บาท
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัวฮอนด้าซู เปอร์คับยุคใหม่ในเมืองไทยเมื่อ 2 ปีก่อน รถรุ่นนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ นำเทรนด์แฟชั่นที่แตกต่ างจากเทรนด์แฟชั่นอื่นๆ นั่นคือแฟชั่นแบบเจแปนนิสเรโทร และกลายเป็นโมเดลที่ได้รั บความนิยมจากคนไทยอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นในเมืองที่ ชื่นชอบความคลาสสิคแบบตะวันออก และมองหารถที่สะท้อนตัวตนได้อย่ างชัดเจนไม่เหมือนใคร”
“ในปี 2015 นี้ เราได้เพิ่มระดับความเก๋าให้กั บฮอนด้าซูเปอร์คัพด้วยสีสันใหม่ ๆ ที่ดึงเอาเสน่ห์อันน่ าหลงใหลในยุคทศวรรษที่ 70 ของญี่ปุ่น มาถ่ายทอดให้คนไทยได้สัมผั สภายใต้คอนเซปต์ ใหม่สุดฮิต เจแปนนิสสุดเก๋า โดยยังคงความความคลาสสิคของรู ปทรงแบบดั้งเดิมแต่เสริมด้ วยเทคโนโลยีการขับขี่ยุคใหม่ เชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความต้ องการของกลุ่มเป้าหมายที่กำลั งมองหาคอลเลคชันย้อนยุคได้เป็ นอย่างดี”
ฮอนด้าซูเปอร์คับใหม่ โดนใจคอเรโทรยิ่งกว่าเดิมด้วยสี สันใหม่ 4 แบบ 4 สไตล์ ประกอบด้วยสีชมพูฮาราจูกุพิงค์, น้ำเงินโอกินาว่าบลู, ส้มฮอกไกโดออเร้นจ์ และน้ำตาลเกียวโตช็อคโก แต่ทันสมัยด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะระบบหัวฉีด PGM-FI 110cc ให้สมรรถนะเต็มพลัง ทนทาน และมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 57 กิโลเมตร/ลิตร (จากการวัดตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก) ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้ อมด้วยค่าไอเสียที่สะอาดผ่ านมาตรฐานระดับ 6 และรองรับน้ำมัน E20
ฮอนด้าซูเปอร์คับใหม่ ใช้งานสะดวกด้วยระบบสตาร์ทมือ บรรทุกนุ่มนวลด้วยโช้กหลั งโครเมียมขนาดใหญ่แบบปรับระดั บได้ ปลอดภัยด้วยที่บังโซ่แบบเต็ม และมีระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น เพื่อความอุ่นใจทุกครั้งที่จอด
พร้อมกันนี้ เอ.พี.ฮอนด้า ยังได้ปรับโฉมฮอนด้าดรีม 110ไอ ใหม่ (New Honda Dream110i) ด้วยกราฟิกใหม่หรูหรายิ่งกว่ าเดิมสำหรับผู้ใช้กลุ่มครอบครัว โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีแดงและสีดำ และมี 2 รุ่นย่อยคือรุ่นสตาร์ทมื อและสตาร์ทเท้าด้วยราคาแนะนำเริ ่มต้นที่ 38,500 บาท
เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) อวดโฉม ในงาน Siam Paragon The Phenomenal World of Luxury Showcase 2015 ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน
Posted by Contemporary industry
Posted on 23:53
เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมพร้อมร่วมงาน Siam Paragon The Phenomenal World of Luxury Showcase 2015 งานที่รวบรวมสุดยอดความหรูหราระดับเวิลด์คลาส อาทิ นาฬิกาแบรนด์ดัง, เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์, เรือยอชต์สุดหรู, แพ็คเกจบริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และยนตรกรรมระดับโลกทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์
มาจัดแสดงระหว่างวันที่ 7-19 กรกฎาคม 2558 บริเวณชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
มาจัดแสดงระหว่างวันที่ 7-19 กรกฎาคม 2558 บริเวณชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ภายในงานท่านจะได้สัมผัสสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์สุดหรูอย่าง เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าคือที่สุดแห่งยนตรกรรมซาลูน 4 ประตูสุดหรูจากประเทศอังกฤษ ผสมผสานความโฉบเฉี่ยว ความคล่องตัว ความหรูหรา เข้าไว้กับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยได้อย่างลงตัว สง่างามด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมและการออกแบบจากงานฝีมือที่เอาใจใส่ทุกรายละเอียด นอกจากจะนำรถยนต์เบนท์ลี่ย์มาให้ท่านได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดแล้ว เอเอเอสฯ ขอมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถภายในงาน
และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญกับที่สุดแห่งความหรูหราที่นำพาแขกผู้มีเกียรติเข้าสู่งานด้วย เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ดับเบิ้ลยู12 (Flying Spur W12) รถซาลูนสุดหรูที่ท่านจะได้สัมผัสกับความสง่างามภายในห้องโดยสารที่เต็มไปด้วยความร่วมสมัยสรรสร้างจากวัสดุและงานฝีมือชั้นเลิศ อาทิ เบาะหนังคุณภาพเยี่ยม อุปกรณ์ให้ความบันเทิง รวมถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อมอบความสุนทรีย์และอำนวยความสะดวกได้อย่างเพียบพร้อมในการเดินทาง
เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ วี8 (Flying Spur V8) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 4 ลิตร Twin-turbo V8 พละกำลังแรงม้าสูงถึง 507 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่ที่ 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุดถึง 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตร สำหรับ เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ดับเบิ้ลยู12 (Flying Spur W12) โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 6 ลิตร Twin-turbo W12 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ พละกำลังแรงม้าสูงถึง 616 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่ที่ 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุดอ 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้มีประสิทธิภาพในการเกาะถนนและทรงตัวบนพื้นผิวถนนได้อย่างดีเยี่ยม
เอเอเอสฯ ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความมั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันที่ทางเอเอเอสฯ นำเข้าและจัดจำหน่ายได้ผ่านการทดสอบโฮโมโลเกชั่น (Homologation) ของประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและครบทุกกระบวนการที่จำเป็นและสำคัญสำหรับการนำมาใช้งานในประเทศไทย ระบบจัดการของเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกฎระเบียบและสภาพภูมิประเทศของประเทศไทยอย่างดีที่สุด รวมถึงยังมีศูนย์บริการของรถยนต์เบนท์ลี่ย์ที่ได้มาตรฐานตามโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษกำหนดไว้ พร้อมทั้งมีทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานโดยตรง พร้อมให้การดูแลและบริการรถยนต์เบนท์ลี่ย์ของท่าน โดยลูกค้าสามารถมั่นใจในบริการที่จะได้รับ หากซื้อรถยนต์กับทางเอเอเอสฯ อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นการบริการหลังการขายที่ได้คุณภาพโดยตรงจากโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษ ราคาที่เสียภาษีนำเข้ารถยนต์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และคุณภาพของรถยนต์เบนท์ลี่ย์ที่ได้มาตรฐาน
สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้จาก
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษโดยตรง คอยให้บริการรถยนต์เบนท์ลี่ย์ของท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้ที่แผนกขาย
โทร. 02-261-1050-1 หรือ 02-610-9880 และท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์
ได้ที่ www.thailand.bentleymotors.com
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษโดยตรง คอยให้บริการรถยนต์เบนท์ลี่ย์ของท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้ที่แผนกขาย
โทร. 02-261-1050-1 หรือ 02-610-9880 และท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์
ได้ที่ www.thailand.bentleymotors.com
AMSOIL ชูนวัตกรรมใหม่ของน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ผู้นำเบอร์หนึ่งโลก เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์-มอเตอร์ไซต์ทุกแบรนด์
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:21
เด็กซ์ทรัส เอ็นจิเนียริ่ง เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายน้ำมั นหล่อลื่นสังเคราะห์ AMSOIL(แอมซอยล์) จากสหรัฐอเมริกา ด้วยสินค้านวัตกรรมใหม่ของน้ำมั นหล่อลื่นสังเคราะห์ AMSOIL ที่มีชื่อเสียงมาอย่ างยาวนานและได้รับการยอมรั บจากผู้ใช้ทั่วโลก ผ่านมาตรฐานของสถาบันปิโตรเลี ยมของอเมริกา (API) เป็นครั้งแรกในปี 1972 ทำให้น้ำมัน AMSOIL เป็นแบรนด์เดียวในโลกที่ สามารถใช้คำว่า “The First in Synthetics“ คู่กับโลโก้ได้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้ นำและเจ้าของนวัตกรรมน้ำมันหล่ อลื่นสังเคราะห์รายแรกของโลกอย่ างแท้จริง
นายประดิษฐ์ ลีลาเกียรติสกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เด็กซ์ทรัส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท เด็กซ์ทรัส เอ็นจิเนียริ่ง ได้สิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยตั ้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา โดยในด้านการตลาดนั้น มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่ อเนื่อง โดยมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ และได้กระจายสินค้าและโปรโมชั่ นต่าง ๆ รวมถึงได้รับการตอบรับจากลูกค้ าในแง่ของการใช้งาน ทำให้บริษัทฯได้มีการปรับและพั ฒนาทั้งในด้านการใช้งานและข้ อบกพร่องต่าง ๆ ที่เรายังขาดอยู่ วันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ ดีในการทำตลาด Amsoil ในประเทศไทย และเรามีเป้าหมายไว้ว่า ภายใน 3 ปี Amsoil จะเป็นน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ ชั้นนำในเมืองไทย และมียอดจำหน่ายน้ำมันประมาณ 150,000 ลิตรต่อปี
ในขณะเดียวกัน AMSOIL ก็เริ่มขยายตัวอย่างมากในเอเชีย อาทิเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย แต่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่ างเป็นทางการ สำหรับน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ AMSOIL ผลิตจากโรงงานขนาดใหญ่ที่เดียว ที่รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา การนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ได้านำเข้ามาในรู ปแบบของการบรรจุภัณฑ์ ไม่มีการนำมาแบ่งบรรจุเองในเมื องไทย ซึ่งสามารถมั่นใจได้ว่า น้ำมัน AMSOIL ที่จำหน่ายในเมืองไทย เป็นคุณภาพแบบเดียวกันกับที่ คนอเมริกาใช้ 100 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ตลาดน้ำมันหล่อลื่นสั งเคราะห์ในประเทศไทยนั้น น่าจะมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการใช้ งานรถยนต์ในการเดินทางเป็ นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ใช้รถยนต์มีความใส่ ใจในคุณภาพของน้ำมันหล่อลื่ นและมีความต้องการน้ำมันหล่อลื่ นสังเคราะห์มากขึ้น และด้วยตัว AMSOIL เป็นน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ เกรดพรีเมี่ยม ที่มีคุณภาพสูง และมีคุณสมบัติดีกว่าน้ำมันหล่ อลื่นสังเคราะห์ทั่วไปในทุก ๆ ด้าน โดยมีลักษณะเด่นคือ ป้องกันการสึกหรอ ทนทานความร้อนสูง การหล่อลื่นยอดเยี่ยมทำให้ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และที่สำคัญอย่างยิ่งคืออายุ การใช้งานที่ยาวนาน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนรั กรถไม่ควรพลาดของแบรนด์ AMSOIL ที่เข้ามาเปิ ดตลาดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
ด้านนายปัญญา ช่วงฉ่ำ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เด็กซ์ทรัส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า คุณสมบัติน้ำมันสังเคราะห์ที่ดี เยี่ยมของ AMSOIL มาจากการใช้น้ำมันพื้นฐาน (Base Oil) และสารเติมแต่งที่เป็นเกรดพรี เมี่ยมทั้งหมด ซึ่งทำให้ ผู้ใช้สามารถสัมผัสในความแตกต่ างได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เปลี่ยน ด้วยประวัติการเป็นน้ำมันสั งเคราะห์รายแรกของโลก กอปรกับความเชี่ยวชาญ การพัฒนาผลิตภัณฑ์มาตลอด 40 ปี ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ AMSOIL ทั้งน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ รถยนต์ มอร์เตอร์ไซด์ เรือ รวมทั้งเครื่องยนต์ เครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่ างๆ เป็นเกรดพรีเมี่ยมทั้งหมด ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในตลาดทั่ วโลกว่า น้ำมัน AMSOIL เป็นหนึ่งในน้ำมันสังเคราะห์ที่ มีคุณภาพดีที่สุดในโลก
ทั้งนี้เราจะมีการจัดงานเปิดตั วและและจำหน่ายสินค้า AMSOIL ที่งาน Bangkok International Auto Salon 2015 บูทE20 อาคาร Challenger เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 24 – 28 มิย.นี้ พร้อมมอบส่วนลด 25-30% เฉพาะผู้ซื้อสินค้าในงานนี้เท่ านั้น สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือติดต่ อหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท เด็กซ์ทรัส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด โทร 02-629-8556, 081-870-4469, 094-691-9324 www.dextrous-lubricant.com/ amsoil หรือ Facebook : AMSOIL Fan Club in Thailand
หมวดหมู่ยานยนต์
- 014 Chevrolet Silverado HD (1)
- 10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม (1)
- 2014 Volvo S80 (1)
- 2015 Lincoln MKC crossover (1)
- 2015 Volvo S60 T6 (1)
- 2015 Volvo V40 (1)
- 2016 Chevrolet (1)
- 2016Chevrolet Colorado (1)
- 2016 Toyota Fortuner (1)
- 2018 Mazda CX-5 (1)
- 2018 Toyota Rush (2)
- 2 Stroke Engine (1)
- 5 ประตู (6)
- กระบวนการผลิต (19)
- กระบอกสูบ (1)
- กราฟกำลัง (1)
- กราฟแรงบิด (1)
- ก้านสูบ (1)
- การขับรถอย่างปลอดภัย (1)
- การใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก (1)
- การดูแลรักษารถด้วยตนเอง (2)
- การเติมลม (1)
- การเติมลม กับ ล้อแม็กซ์ (1)
- การถ่วงล้อ (1)
- การบำรุงรักษา (4)
- การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวันรถยนต์คู่ใจ ควรทำอย่างไร (1)
- การปลี่ยนขนาด ยางรถยนต์ (1)
- การเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกลของเครื่องยนต์ (1)
- การเผาไหม้ (11)
- การเผ่าไหม้ (1)
- การวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์ (1)
- การหยุดรถ และการจอดรถ (1)
- การออกแบบ (10)
- แก๊สโซลีน (3)
- ข้อควรปฏิบัติทั่วไป ในการใช้รถยนต์ (1)
- ข้อควรปฏิบัติ เมื่อการขับขี่ในพื้นที่ลักษณะต่างๆ (1)
- ขับเคลื่อน (13)
- ขับอย่างไรเพื่อยืดอายุยาง (1)
- ข่าวยานยนต์ (4)
- ควรจะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ (1)
- คว้านเสื้อสูบ (2)
- ความรู้ (3)
- คอมมอนเรล (1)
- คอยล์จุดระเบิด (8)
- คำศัพท์น่ารู้ (1)
- เครื่องมือ (1)
- เครื่องยนต์ (64)
- เครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์คอมมอนเรล (1)
- เครื่องยนต์ดีเซล (3)
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (1)
- เครื่องยนต์ดีเซลตระกูล GD รุ่นใหม่ (1)
- เครื่องยนต์เบนซิน (1)
- เครื่องยนต์แบบโรตารี่ (1)
- เครื่องยนต์ร้อนแล้วดับ สตาร์ทติดยาก เกิดจากสาเหตุใด และแก้ไขอย่างไร (1)
- เครื่องยนต์เล็ก (2)
- เครื่องยนต์สตาร์ทติดยากตอนอากาศชื้นเกิดจากอะไร ? (1)
- เครื่องยนต์สันดาปภายใน (3)
- เครื่องยนต์หัวฉีด (1)
- เครื่องยนต์ EFI (2)
- เครื่องยนต์V8 (1)
- เคล็ดลับ (2)
- จอดรถให้ปลอดภัย (1)
- จักรยานยนต์ (1)
- จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ EFI (1)
- ชิ้นส่วนยานยนต์ (1)
- ชื่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภาษาไทย และอังกฤษพร้อมรูป คลิปวีดีโอ (1)
- เชฟโรเลต (1)
- เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 (1)
- โช๊คอัพ (5)
- ซ่อม (21)
- ซ่อมเครื่องยนต์ (7)
- ซ่อมบำรุง (6)
- ซุปเปอร์คาร์ (3)
- ซูซุูกิ (2)
- ซูซูกิ ไฮบริด (1)
- โซลินอย (1)
- ดัดแปลง (3)
- ไดชาร์จ (2)
- ไดร์สตาร์ท (10)
- ไดสตาร์ท (12)
- ตรวจสอบเครื่องยนต์ (1)
- ตลับลูกปืน (2)
- ตัวอักษรบนยาง บอกอะไร? (1)
- ตีปลอก (1)
- โตโยต้า (21)
- โตโยต้า 2015 (1)
- ถุงลมนิรภัย (1)
- ที่นั่งเด็ก (5)
- เทคนิคการขับรถป้องกันเชิงอุบัติเหตุ (1)
- เทคนิคการใช้รถและการดูแลรถอย่างง่ายๆ (1)
- เทคโนโลยียานยนต์ (53)
- เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (8)
- เทอร์โบ (1)
- เทอร์โบแปรผัน (7)
- น้ำมันเชื้อเพลิง (14)
- น้ำมันดีเซล (6)
- น้ำมันเบนซิน (4)
- นิตยสาร (3)
- นิสสัน (11)
- บำรุงรักษาเครื่องยนต์ (1)
- บีเอ็มดับเบิ้ลยู (1)
- เบรค (22)
- เบาะรถยนต์ (5)
- เบาะสำหรับเด็ก (5)
- แบตเตอรี่ (3)
- แบรนด์รถยนต์ (1)
- แบริ่ง (1)
- ไบโอดีเซล (2)
- ประกอบเครื่องยนต์ (5)
- ประกอบรถยนต์ (13)
- ประดับยนต์ (5)
- ประเภทรถยนต์ (1)
- ปอร์เช่ (2)
- ปัญหารถยนต์ (1)
- ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ 2015 (1)
- ปิกอัพ (4)
- ปี2017 (3)
- เปลี่ยนอะไหล่ (3)
- ผลิตรถยนต์ (16)
- แผนภาพจังหวะการเปิดของลิ้น (Valve Timing Diagram) เครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบ (1)
- แผนภาพต้นกำลังงานของรถยนต์ (1)
- ฝาสูบ (4)
- พจนานุกรมศัพท์ยานยนต์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒ (1)
- พูเล่ (1)
- เพลาข้อเหวี่ยง (1)
- เพลาท้าย (2)
- ฟอร์ด (1)
- ฟิล์มกรองแสง ติดดี หรือ ไม่ติดดี มีประโยชน์อย่างไร วันนี้ทีคำตอบ (1)
- เฟอรารี่ (3)
- เฟืองท้าย (14)
- ไฟฉุกเฉิน ไม่จำเป็นและไร้สาระ (1)
- ไฟฟ้ารถยนต์ (24)
- ภาพโครงสร้างเครื่องยนต์ EFI (1)
- ภาพรวมรถยนต์ (9)
- มาสด้า (3)
- มิตซูบิชิ (6)
- มินิ (2)
- โมเดลรถยนต์ (3)
- ยนตกรรม (1)
- ยานยนต์ อุตสาหกรรม (26)
- ยาริส (15)
- รถกระบะ (9)
- รถกระบะ Revo (1)
- รถเก๋ง (51)
- รถแข่ง (2)
- รถจิ๊บ (1)
- รถเบนซ์ (19)
- รถยก (27)
- รถยก อุตสาหกรรม (26)
- รถยก อุตสาหกรรมม (1)
- รถยนต์ (3)
- รถยนต์ไฟฟ้า (4)
- รถรุ่นเก่า (1)
- รถศูนย์ (16)
- รถสปอร์ต (10)
- รถหรู (1)
- รถใหม่ (41)
- ระบบขับอัตโนมัติ (1)
- ระบบความร้อน (2)
- ระบบจุดระเบิด (10)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน (Gasoline Fuel Injection System) (1)
- ระบบช่วงล่าง (27)
- ระบบเบรค (22)
- ระบบไฟฟ้า (14)
- ระบบรองรับ (5)
- ระบบระบายความร้อน (6)
- ระบบลม (3)
- ระบบส่งกำลัง (1)
- ระบบหล่อเย็น (2)
- ระบบหัวฉีด (1)
- ระบบห้ามล้อ (14)
- ระบบ Hybrid (1)
- ราคารถยนต์ (5)
- รางร่วม (1)
- รีเลย์ (6)
- รีวิว (15)
- รีวิวรถยนต์ (11)
- รู้ไว้ก่อน : การเปลี่ยนขนาดยาง (1)
- เรื่อง น้ำมันเครื่อง (1)
- โรงงานผลิตรถยนต์ (13)
- ล้อตุนกำลัง (1)
- ลักษณะดอก ยางรถยนต์ (1)
- ลากรถอย่างไรเมื่อรถเสีย (1)
- ลำดับการจุดระเบิด (1)
- ลูกปืนกลม (1)
- ลูกสูบ (3)
- วงจรไฟฟ้า (7)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECCS Nissan RB20E (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECI-multi Mitsubishi 4G61 (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด EFI เครื่องยนต์ Toyota 4A-GE (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด Honda B16A VTEC DOHC รุ่นแรก (1)
- วิชาช่างยนต์ (10)
- วี8 (1)
- สเปกรถยนต์ (5)
- สร้างเครื่องยนต์ (1)
- สร้างโมเดลรถยนต์ (1)
- สายพานเครื่องยนต์ (2)
- สีรถ (8)
- เสื้อสูบ (5)
- หนังสือรถยนต์ (7)
- หม้อน้ำ (2)
- หลักการทำงาน (2)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ (1)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (1)
- หัวเทียน (24)
- ห้ามล้อ (14)
- แหวนลูกสูบ (1)
- องค์ประกอบการสันดาปของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- ออกแบบรถยนต์ (22)
- อะไหล่เครื่องยนต์ (3)
- อะไหล่ยนต์ (1)
- อัตราค่าปรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (1)
- อัตราส่วนผสมอากาศต่อเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- อาการหัวเทียน (12)
- อินเตอร์คูลเลอร์ (6)
- อีโก้คาร์ (5)
- อุตสาหกรรม รถยก (27)
- อุปกรณ์เสริม (6)
- แอร์เริ่มไม่เย็น และส่งกลิ่นอับเวลาเปิดแอร์ใหม่ ควรทำอย่างไร ? (1)
- ไอดี (3)
- ไอเสีย (6)
- ฮอนด้า (6)
- ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด (2)
- Accessories (5)
- All New toyota yaris 2013 2014 (1)
- Alternator (1)
- alternators (1)
- Ativ (7)
- Audi (2)
- Audi A4 (1)
- Automatic drive (1)
- Ball Bearing (1)
- bearing (1)
- biodiesel (2)
- BMW (4)
- Brake (23)
- Brake system (23)
- BT-50 (1)
- Car Family (1)
- Cars (61)
- CAT (Catalytic Converter) เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (1)
- Check Engine (1)
- Chevrolet (1)
- CHEVROLET COLORADO (2)
- Colorado (1)
- commonrail (1)
- Common Rail (1)
- Common Rail Engine (1)
- Concept Car (1)
- Connecting rod (1)
- Crankshaft (1)
- Cylinder head (1)
- Diesel Engine (3)
- Diesel fuel (6)
- differential (12)
- DIY (8)
- DURAMAX ENGINE (1)
- DURAMAX VIN CHART (1)
- ECCS (1)
- EFI (1)
- EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการหมุนเวียนไอเสีย (1)
- Electric car (4)
- Electric cars (4)
- Electronic Fuel Injection Engine (1)
- Engine (37)
- Engine Block (1)
- Engine Curve (1)
- Ferrari (3)
- Flywheel (1)
- Ford (4)
- Ford Ranger (2)
- Fuel (14)
- gasoline (3)
- Gasoline engine (1)
- General Motors (2)
- GMC Canyon (1)
- Honda (11)
- Honda Accord (1)
- HONDA ACCORD HYBRID ใหม่ (1)
- Honda CR-V 2015 (1)
- Honda HR-V (1)
- Honda HRV 2015 (1)
- Honda Jazz (1)
- Honda Vezel (1)
- Hydrogen cars (1)
- i-DTEC (1)
- Ignition Coil (8)
- Ignition System (1)
- i-MMD (1)
- Intercooler (6)
- internal combustion engine (3)
- Jeeb (1)
- lamborghini (4)
- Lamborghini Revuelto (2)
- Mazda (4)
- Mercedes Benz (21)
- Mini (2)
- MINI Cooper (2)
- Mitsubishi (9)
- Mustang (1)
- Navara (2)
- NGV (1)
- Nissan (11)
- nissan np300 navara (1)
- NP300 (1)
- NP300 NAVARA Single Cab (1)
- pickup (6)
- pickup truck. (5)
- Piston (3)
- Piston Ring (1)
- Porsche (2)
- Port Timing Diagram ของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- Ranger (1)
- Rear axle (1)
- Relay (6)
- Revuelto (1)
- Rotary Engine (1)
- S60 (1)
- S90 (1)
- SEAT (1)
- Self Diagnosis System (1)
- Shock Absorbers (5)
- SKODA (1)
- SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (1)
- solenoid (4)
- Spark Plugs (20)
- Starter (6)
- Supper Car (4)
- Suspension System (3)
- Suzuki (2)
- TCCS (1)
- Tesla Model X (1)
- TOYOTA (29)
- Toyota และ Lexus (1)
- Toyota Hilux Revo (1)
- Triton (1)
- V60 (1)
- Ⅴ8 (1)
- Variable Nozzle Turbo (2)
- VGT (5)
- Volkswagen (1)
- Volvo (4)
- Volvo purchased the Polestar brand (1)
- Volvo S90 (1)
- Wankel Engine (1)
- XC90 (1)
- Yaris (15)