หลักการทำงานของไดร์สตาร์ทในรถยนต์ (Starter operation)
คลิปวิดีโออธิบายหลักการทำงานภานในของไดร์สตาร์ทรถยนต์ ที่แสดงให้เห็นภาพในรูปแบบของไดอะแกรมอนิเมชั่นการเคลื่อนไหว
วิธีการทดสอบไดร์สตาร์ทรถยนต์ด้วยไขควงกับสายพ่วงแบตเตอรี่
การสาธิตการต่อไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์ ด้วยไขควงแตะที่ตัวเรือนไดร์สตาร์ทเป็นขั้ว(-)และพ่วงต่อกับสายพ่วงแบตขั่ว(+)นอกรถยนต์ เพื่อทำการทดสอบว่าไดร์สตาร์ทเสียหรือป่าว
มาสด้าได้รับการจัดลำดับให้เป็นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันดีที่สุดจากสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
ฮิโรชิมา, ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ออกประกาศว่าจากการรายงานแนวโน้มการประหยัดน้ำมันของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือ Light Duty Fuel Economy Trends Report*1 ที่เผยแพร่โดย สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมประเทศสหรัฐ หรือ EPA เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2558 ที่ผ่านมานั้น ผลปรากฏว่ารถยนต์มาสด้าได้รับการจัดลำดับให้เป็นอันดับที่ 1 ในประเภทรถยนต์ที่พัฒนาโดยผู้ผลิต สำหรับรถรุ่นปี 2014*2 นับเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่มาสด้าได้รับการจัดลำดับให้เป็นที่รถที่ประหยัดน้ำมันดีที่สุด
จากรายงานแนวโน้มการประหยัดน้ำมันของ EPA สรุปผลของแนวโน้มการประหยัดน้ำมันในรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาในแต่ละปี และจัดลำดับอัตราการประหยัดน้ำมันของผู้ผลิตรถยนต์หรือ Manufacturer Adjusted Fuel Economy ผลปรากฏว่ารถยนต์มาสด้านั้นมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 29.4 ไมล์/แกลลอน หรือ 12.5 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ 1.3 mpg หรือ 0.6 กิโลเมตร/ลิตรมาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่รวมไปถึง เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง โครงสร้างตัวถัง และแชสซีส์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบความสนุกสนานในการขับขี่ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเลิศและสมรรถนะความปลอดภัยขั้นสูง ความพยายามของมาสด้าในการปรับใช้เทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ในรถยนต์หลากหลายรุ่นจนทำให้มาสด้าได้รับการจัดลำดับให้ได้อัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยดีที่สุดมาเป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกัน
จากผลลัพธ์ที่ได้นี้ มาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมต่อไป และพัฒนาให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าและยกระดับคุณค่าของแบรนด์ต่อไป
ซูซูกิ เปิดโชว์รูม Big Bike Central Bangkok ย่านพระราม 3 อย่างยิ่งใหญ่
ฤกษ์งามยามดี... ถึงเวลาเปิดตัวโชว์รูมอย่างเป็นทางการ สำหรับโชว์รูม Suzuki Big Bike Central Bangkok “สตาร์ มอเตอร์ เวิล์ด” ย่านพระราม 3 ศูนย์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ซูซูกิ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ สำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ซูซูกิบิ๊กไบค์
บริษัท สตาร์ มอเตอร์ เวิล์ด จำกัด ถือเป็นโชว์รูม Suzuki Big Bike Central Bangkok ที่ครบวงจรที่สุดในย่านพระราม 3 ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปต์ของศูนย์จำหน่ายและบริการรถจักรยานยนต์ซูซูกิ มาตรฐาน 3 S นั่นคือ Sales - การให้คำปรึกษาด้านการขาย, Spare Parts - อะไหล่หรือชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์รุ่นต่างๆ ที่มีรองรับอย่างครบครัน, Services – การบริการหลังการขาย ที่ทางศูนย์มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานและทันสมัย พร้อมโปรโมชั่นและกิจกรรมให้ลูกค้าตลอดทั้งปี
โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ไชยยันต์ สาวนะชัย Executive Officer บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด กล่าวต้อนรับและร่วมแสดงความยินดี พร้อมกันนี้คุณชวลิต บวรศิริเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มอเตอร์ เวิล์ด จำกัด กล่าวเปิดตัวโชว์รูม Suzuki Big Bike Central Bangkok “สตาร์ มอเตอร์ เวิล์ด” อย่างเป็นทางการ และยังมีแขกผู้มีเกียรติ, สื่อมวลชนร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมลูกค้าซูซูกิมาแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม
ซึ่งภายใน Suzuki Big Bike Showroom มีรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สไตล์ต่างๆ ที่มีความหลากหลาย และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมีรถจักรยานยนต์ระดับ World Class ให้เลือกชมอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น S-1000 Series รถจักรยานยนต์สไตล์สตรีทไบค์ อีกทั้งตำนานรถจักรยานยต์อย่าง GSX1300R Hayabusa และ GSX-R1000 หรือแม้กระทั่ง V-Strom 1000 ABS, V-Strom 650 Series, Gladius 650 ABS และรถจักรยานยนต์สไตล์ครูสเซอร์รุ่นล่าสุดอย่าง Suzuki Boulevard พร้อมมุมของ Accessories อุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังมีมุม Apparels หรือของที่ระลึกให้เลือกชมเลือกซื้ออย่างหลากหลายสไตล์ บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ขับขี่
สำหรับท่านที่สนใจเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ซูซูกิบิ๊กไบค์ สามารถติดต่อเพิ่ม่เติมได้ บริษัท สตาร์ มอเตอร์ เวิล์ด จำกัด โทร. 02-6780085 หรือ www.starmotorworld.com, facebook.com/SuzukiStarSociety
Uber ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ ดึงคนเมาแล้วขับออกจากท้องถนน ในกรุงเทพมหานครช่วงเทศกาล
ร่วมสนับสนุนโดยกองบังคับการตำรวจจราจร
ชูประเทศไทยเป็นประเทศที่สามของโลกที่เริ่มใช้จุดบริการ
ตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์รวมกับบริการรับส่งของ Uber
กรุงเทพฯ 17 ธันวาคม 2558 – Uber ร่วมกับ มูลนิธิ เมาไม่ขับ รวมพลังช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุซึ่งมีสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้ตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์รวมกับบริการรับส่งของ Uber
ประเทศไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตบนท้องถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO พบว่าร้อยละ 26 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากการเมาแล้วขับทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสูญเสียชีวิตจำนวนมากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุพบว่าเป็นช่วงกลางคืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในขณะที่เดินทางกลับบ้านหลังจากดื่มสังสรรค์ ในขณะที่รถขนส่งสาธารณะได้หยุดให้บริการ หรือมีการให้บริการในช่วงเวลาที่จำกัด และจำนวนรถแท็กซี่ที่มีให้บริการมีจำนวนไม่มากในช่วงกลางดึก
การร่วมมือครั้งนี้จะนำเทคโนโลยีเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์แบบดิจิตัลสู่แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีในย่านทองหล่อระหว่างเดือนธันวาคมและมกราคมปีหน้า ควบคู่กับวิธีลดการเมาแล้วขับได้ทันที เนื่องจาก Uber จะให้บริการส่งผู้โดยสารกลับบ้านโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศที่สามในโลกที่เริ่มใช้จุดบริการนี้ ถัดจากประเทศแคนาดาและเวียดนาม
เมื่อชาวกรุงเทพฯ ที่ออกไปร่วมงานเลี้ยงงานสังสรรค์ต้องการที่จะกลับบ้าน เขาสามารถตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้โดยการใช้หลอดเป่าลมเข้าไปที่เครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์แบบดิจิตัลที่จุดให้บริการ หลังจากนั้นเครื่องจะแจ้งปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบว่ามีปริมาณมากหรือน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ที่เสมือนกับการตรวจของเจ้าหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะ หากพบว่าปริมาณที่ตรวจพบเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด Uber ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ จะเชื่อมต่อผู้ที่ใช้เครื่องเข้ากับบริการเรียกรถของอูเบอร์ ให้ผู้ที่ตรวจระดับแอลกอฮอล์เกินกำหนด กลับบ้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในวงเงินค่าโดยสารสูงสุด 200 บาท ซึ่งบริการนี้สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่ใช้งาน Uber เป็นประจำ และผู้ที่เริ่มใช้งานใหม่“หน้าที่หลักของเราคือการให้ความรู้กับประชาชนถึงอันตรายของการเมาแล้วขับ และรณรงค์ให้ผู้คนตัดสินใจด้วยความรับผิดชอบซึ่งมีส่วนในการช่วยชีวิตผู้อื่นได้ โดยการเข้าถึงบริการที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้ของ Uber จึงไม่ต้องขับรถหลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาไปแล้ว เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ร่วมมือกับ Uber เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน นั่นคือการทำให้ท้องถนนในกรุงเทพมหานครมีความปลอดภัยสำหรับทุกคน นอกจากนี้ จากสถิติอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2558 ที่ผ่านมาพบว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรถึง 341 ราย บาดเจ็บ 3,117 ราย สาเหตุประการสำคัญเกิดจากการเมาแล้วขับ ” นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการ มูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าว
“เราขอชื่นชมในความมุ่งมั่นระหว่าง Uber กับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ในการสนับสนุนนโยบายที่สำคัญของเรา นั่นคือการลดจำนวนอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะในกรุงเทพมหานคร เทคโนโลยีตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจจะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่ดื่มเกิดความตระหนักถึงอันตรายจากการมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าระดับที่กฎหมายกำหนด อันจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำให้ผู้ดื่มทราบถึงระดับแอลกอฮอล์ได้ก่อนที่จะเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย การเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เช่น Uber จะทำให้ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและตัดสินใจเลือกการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตที่เกิดจากการเมาแล้วขับในทุกครั้งที่มีการดื่มสังสรรค์” พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผู้กำกับการกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร กล่าว
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผลจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับอัตราการเสียชีวิตจากการเมาแล้วขับในเมืองแคลิฟอร์เนียก่อนและหลัง Uber เปิดให้บริการ พบว่าหลังจากมีการให้บริการของ Uber จำนวนอุบัติเหตุร้ายแรงจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะลดลงจากร้อยละ 5.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.6 ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาในลักษณะเดียวกันในเมืองซีแอทเทิล พบว่าอัตราการจับกุมของเจ้าหน้าที่จากกรณีการขับขี่ภายใต้อิทธิพลของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีอัตราส่วนลดลงร้อยละ 10 หลังจากที่ Uber ได้เข้าไปเปิดให้บริการ
1.jpg)
