Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

คอนติเนนทอล เปิดตัว “คอนติเพรสเชอร์เช็ค” ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง ครั้งแรกในประเทศไทย


คอนติเนนทอล เปิดตัว “คอนติเพรสเชอร์เช็ค” ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง ครั้งแรกในประเทศไทย เพิ่มความปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย

กรุงเทพ ฯ, 5 สิงหาคม 2559 บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำนวัตกรรมด้านยางยนต์ และถือเป็นหนึ่งในบริษัทรายใหญของโลกซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยาง คอนติเพรสเชอร์เช็ค (ContiPressureCheckTM) มีคุณสมบัติในการตรวจวัดแรงดันลมและอุณหภูมิภายในยางล้อรถ เหตุผลที่จัดขึ้นในประเทศไทยเพราะว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาด้านเศรษฐกิจ

คอนติเนนทอลเป็นที่ไว้วางใจจากอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว ความประหยัด นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้วยังมีลักษณะเฉพาะและราคาที่เหมาะสมจึงเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการในธุรกิจด้านต่าง ๆ ทั่วโลก

ระบบ CPC นี้ได้รับการรับรองว่าระบบการวัดแรงดันมีความแม่นยำสูง ติดตั้งง่าย และสะดวกในการใช้งาน โดยอุปกรณ์ตรวจจับที่ฝังอยู่ภายในยางล้อรถจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนหน้าปัดรถจึงทำให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของแรงดันลมได้ตลอดเวลา ซึ่งจากการสังเกตการณ์ที่ผ่านมาผู้ขับขี่รถยนต์ขนาดใหญ่ส่วนมากละเลยในการให้ความสำคัญของแรงดันลมยาง ซึ่งบางครั้งการที่มีแรงดันลมยางอ่อนเกินไปและรับน้ำหนักมากทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นและมีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง นี่คือเหตุผลที่ทำให้คอนติเนนทอลต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นมิติใหม่แห่งการตรวจสอบสภาพยางโดยระบบดังกล่าว ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ดังนี้

ระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดแรงดันลมยาง – คือการตรวจวัดความดันและอุณหภูมิ ซึ่งถูกติดตั้งไว้ภายในท้องยาง
ระบบประมวลผลกลาง (CCU) –เป็นตัวส่งและรับสัญญาณการตรวจวัดแรงดันและอุณหภมิของยางส่งข้อมูลโดยตรงไปยังเครื่องรับสัญญาณ และประมวลผลผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
เครื่องรับสัญญาณเพิ่มเติม – ใช้เพื่อรับสัญญาณระบบอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดลมยางเมื่อคลื่นความถี่ปกติเปิดความขัดข้องหรือผิดปกติ
หน้าจอ – สำหรับแสดงผลของแรงดันลมและอุณหภูมิของยาง แจ้งเตือนต่อคนขับเมื่อยางมีแรงดันลดลง
เครื่องส่งสัญญาณแบบองค์รวม (สามารถเลือกได้) – เชื่อมกับตัวส่งสัญญาณท้องถิ่นเพื่อใช้ในสังเกตการณ์แบบสด  

“ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็ค พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการใช้และการดูแลรักษายาง ดิฉันได้พูดคุยกับคนขับรถหลายๆคน ล้วนมองว่าการติดตั้งระบบนี้จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้พวกเขาได้ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในแต่ละวันได้ ซึ่งทางคอนติเนนทอลมุ่งมั่นที่จะหาแนวทางแก้ไขในทุกความต้องการของลูกค้า ไม่เพียงแค่ช่วยในด้านธุรกิจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย”     ศิริวรรณ คูอัมพร กรรมการผู้จัดการ, บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คได้แก่
เพิ่มประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของยาง – การทำให้ยางมีแรงดันลมที่ดีและอุณหภูมิที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของยางได้ และทำให้ยางมีอายุยืนขึ้น โครงยางอยู่ในสภาพดี สามารถนำกลับมาหล่อดอกได้อีกครั้ง และขายได้ในราคาที่สูง
เพิ่มความปลอดภัยต่อคนใช้ถนนทุกคน
เพิ่มระยะการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมัน – การขับรถด้วยแรงดันลมที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอัตราการใช้น้ำมันได้เป็นอย่างดีอีกทั้งเพิ่มระยะการขับเคลื่อนได้อีกด้วย

มร.แพทริค ฮาร์แมน ผู้อำนวยการธุรกิจรถบรรทุก ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “กลยุทธ์ในทำการตลาดธุรกิจรถบรรทุกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2560 นั้นมองว่าตลาดในประเทศไทยเหมาะสำหรับการเริ่มใช้ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คเป็นอย่างยิ่ง”
“คอนติเนนทอล ในประเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นผู้นำด้านยางรถยนต์ ระบบยานพาหนะ และชิ้นส่วนรถยนต์ โดยมีจุดแข็งที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสมัย, คุณภาพสูง และบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ อีกทั้งราคาที่เหมาะสม และเราจะไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยยึดหลักคุณภาพ ประหยัด และปลอดภัย” มร.แพทริค ฮาร์แมน กล่าวเพิ่มเติม

ระบบคอนติเพรสเชอร์เช็คติดตั้งง่ายและรองรับระบบส่งสัญญาณและยางในแบรนด์ต่างๆ เนื่องจากข้อมูลอุณหภูมิและแรงดันลมยางสามารถแสดงในระบบจอแสดงผลพร้อมกับระบบการส่งสัญญาณสามารถช่วยผู้ควบคุมในการจัดการข้อมูลและสามารถดาวน์โหลดข้อมูลไปเก็บไว้ในอุปกรณ์ภายนอกได้ด้วย

บริษัท Continental เราเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับการขนส่งมวลชนและการขนส่งสินค้าและเป็นที่ไว้วางใจจากอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับสากลในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว ความประหยัด ด้วยยอดขายถึง 39.2 พันล้านยูโร ในปี 2558 โดยการพัฒนานี้ได้แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 ด้านได้แก่ ด้านโครงสร้างรถยนต์และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ด้านระบบภายใน ด้านระบบส่งกำลัง ด้านยางล้อรถ และด้านเทคโนโลยีเรียกว่า Contitech และมีพนักงานถึง 208,000 คนใน 55 ประเทศ

ธุรกิจยางล้อรถ ปัจจุบันมีแหล่งผลิตและพัฒนาอยู่ 24 แห่งทั่วโลก ด้วยฐานการผลิตที่กว้างขวางและคิดค้นพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้เป็นการลดต้นทุนควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบนิเวศน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยความเป็นผู้นำด้านผู้ผลิตยางรถยนต์ที่มีบุคลากรกว่า 47,000 คน ธุรกิจยางรถยนต์จึงมียอดขายถึง 9.8 พันล้านยูโรในปี 2557

Honda Safety Riding Park อบรมขับขี่ปลอดภัยให้ตำรวจภูเก็ ต กว่า 500 นาย เสริมทักษะความชำนาญ ความปลอดภัยในการขับขี่ และเพิ่มศักยภาพในการป้องกัน ปราบปราม


Honda Safety Riding Park อบรมขับขี่ปลอดภัยให้ตำรวจภูเก็ ต กว่า 500 นาย
เสริมทักษะความชำนาญ ความปลอดภัยในการขับขี่ และเพิ่มศักยภาพในการป้องกัน
ปราบปราม

Honda Safety Riding Park ภายใต้การดำเนินงานโครงการฮอนด้ าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย โดยบริษัท เอ. พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เปิดโครงการอบรมการขับขี่รถจัก รยานยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำ รวจ (CBR300R)   เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญ ความปลอดภัยในการขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปร าบปราม และงานจราจร รวมถึงการขับขี่ติดตามจับกุมผู้ กระทำความผิด  ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย “Honda Safety Riding Park” จังหวัดภูเก็ต

นายอัครเดช โรจน์สิรวรพัฒน์  ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานวางแผนธุรกิจ และส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจของ เอ.พี.ฮอนด้า ที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนการดำ เนินกิจกรรมภายใต้โครงการ “อบรม การขับขี่รถจักรยานยนต์เบื้องต้ นแก่ข้าราชการตำรวจ (CBR300R)” ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำ รวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมอบ รมทั้งสิ้น 10 รุ่น รวม  500 นาย ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย “Hond a Safety Riding Park” จังหวัดภูเก็ต เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญและเพิ่มประสิทธิภาพใน การป้องกันและปราบปราม เพื่อดูแลความสงบสุขของประชาชน

โครงการ “อบรมการขับขี่รถจักรยา นยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำรว จ (CBR300R)” ในครั้งนี้  สอดคล้องกับพันธกิจหลักขององค์ กรที่มุ่งหวังจะสร้างความปลอดภั ยสู่สังคมไทย  ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ดีของสัง คม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “เอ.พี.ฮอนด้า ตระหนักดีว่า  การส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย คือส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบขอ งเรา จึงได้ริเริ่มดำเนินกิจกรรมเผยแ พร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัยสู่สั งคมไทย ภายใต้สัญลักษณ์ Safety Thailand มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2532 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 2 7 ปี  ได้เผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัย สู่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปกว่า 20 ล้านคน ปัจจุบันฮอนด้ามีศูนย์ฝึกขับขี่ ปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งท างบก ให้เป็นโรงเรียนสอนขับรถที่สามา รถอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุ ญาตขับรถจักรยานยนต์ได้ โดยเป็นศูนย์ที่ฮอนด้าลงทุนเอง  4 แห่ง เป็นของร้านผู้จำหน่ายจำนวน 11  แห่ง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนนโยบายรัฐบาล รณรงค์ป้องกัน ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล ทั้งปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขต่อสังค มโดยรวม
 
ด้าน พลตำรวจตรี ธีระพล  ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภู เก็ต กล่าวว่า ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้รับมอ บรถจักรยานยนต์ CBR300R จำนวน 140 คัน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจ ต่างๆ และในโอกาสที่ตำรวจภูธรจังหวัดภู เก็ต ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนคือ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด และ บริษัท ภูเก็ตนำแสง จำกัด ที่ได้สนับสนุนการดำเนินกิจกรรม การฝึกอบรมในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มทักษะการขับขี่ให้กับ ข้าราชการตำรวจในพื้นที่แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิ บัติหน้าที่ และสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ แก่บุคลาการของรัฐอีกด้วย  

พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวั ดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า โครงการ “อบรมการขับขี่รถจักรยา นยนต์เบื้องต้นแก่ข้าราชการตำรว จ (CBR300R)” เพื่อเพิ่มทักษะความ ชำนาญในการขับขี่ให้ข้าราชการตำ รวจ สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่ อการปฏิบัติหน้าที่ได้จริง ทั้งงานป้องกันและปราบปรามและงา นจราจรในการขับขี่ขณะปฏิบัติหน้ าที่ได้อย่างมีประสิทธิภา

“ปนัดดา เจณณวาสิน” ผู้หญิงเปลี่ยนโลกค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น


 “ปนัดดา เจณณวาสิน”  ผู้หญิงเปลี่ยนโลกค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด แต่งตั้ง “ปนัดดา เจณณวาสิน” ขึ้นนั่งแท่น “กรรมการรองผู้จัดการ” (EXECUTIVE VICE PRESIDENT) 1 สิงหาคมนี้ นับเป็นผู้บริหารหญิงคนไทยคนแรกและคนเดียวที่มีตำแหน่งในระดับบอร์ดบริหารของบริษัทในกลุ่มอีซูซุมอเตอร์ และบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่นทั่วโลก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงนโยบายที่ชัดเจนของตรีเพชรอีซูซุเซลส์ว่า “เพศ” ไม่ใช่บรรทัดฐานในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง

“ปนัดดา เจณณวาสิน” เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการรถยนต์เมืองไทย และธุรกิจอีซูซุโลกถึงความสามารถ สไตล์การบริหารที่เน้นการสร้างทีม และเป็นตัวอย่างของนักการตลาดและนักประชาสัมพันธ์ที่หาตัวจับได้ยาก  อีกทั้งยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลยุทธ์ “คิดให้ต่างอย่างอีซูซุ” ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตรีเพชรอีซูซุเซลส์เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศไทย

ด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทในหน้าที่ตั้งแต่เริ่มทำงานกับบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดในปี 2520 ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานแห่งแรกและแห่งเดียวนั้น เส้นทางการทำงานของ “ปนัดดา เจณณวาสิน” ก็พิสูจน์ถึงความสามารถอันโดดเด่น จนทำให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นหญิงเดียวคนแรกในบอร์ดบริหารญี่ปุ่นในปี 2544 ในตำแหน่งกรรมการบริหาร (DIRECTOR) รองกรรมการผู้จัดการ (VICE PRESIDENT) ในปี 2550 และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (SENIOR VICE PRESIDENT) ในปี 2555  ยิ่งไปกว่านั้น ปนัดดา ยังดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร (DIRECTOR) ของบริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด และบริษัท ตรีเพชรอินชัวร์รันส์เซอร์วิส อีกด้วย

“ปนัดดา เจณณวาสิน” จบการศึกษาระดับระดับปริญญาโททางด้านการค้าระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ (HITOTSUBASHI UNIVERSITY) อันมีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น โดยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (JAPANESE GOVERNMENT SCHOLARSHIP) และระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์นั้นได้รับอนุญาตให้ลางานไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่นและกลับมาทำงานที่บริษัทเดิมจนถึงปัจจุบัน

ระหว่างศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ ซึ่งอยู่ในกรุงโตเกียวนั้น ปนัดดาได้ทำงานพิเศษเป็นผู้ประกาศวิทยุเรดิโอเจแปน (RADIO JAPAN) ของสถานีโทรทัศน์ NHK เป็นระยะเวลานานถึง 4 ปี และหลังจากจบการศึกษาแล้ว “ปนัดดา” ยังได้ฝึกงานทางด้านการตลาดโดยทุนของกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น (MINISTRY OF INTERNATIONAL TRADE AND INDUSTRY) เป็นเวลา 1 ปีที่บริษัท       อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) (ISUZU MOTORS LIMITED) บริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น (MITSUBISHI CORPORATION) และบริษัท ได-อิจิ คิคากุ (DAI-ICHI KIKAKU CO., LTD.) อีกด้วย

นอกเหนือจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายในปัจจุบันแล้ว “ปนัดดา”ยังได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษด้านการตลาดให้กับสถาบันชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ตลอดจนการเขียนบทความด้านการตลาดในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อวงการธุรกิจอีกด้วย

“ปนัดดา เจณณวาสิน” เคยได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่น ปี 2548  สาขาธุรกิจยานยนต์ จากผลงานอันโดดเด่นในฐานะนักการตลาดหญิงของวงการรถยนต์เมืองไทย รางวัล “ศิษย์เก่าผู้ประสบความสำเร็จในวิชาชีพประจำปี 2550” คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และรางวัล “ศิษย์เก่าดีเด่นประจำปี 2551” คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรางวัล “บุคคลตัวอย่างในภาคธุรกิจยานยนต์ประจำปี 2553” จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไท

“อีสเทิร์น ไทย ไรด์เดอร์” ทุ่มงบ 100 ล้านบาท ปักมุดยึดหัวหาด คนรักฮาร์เล่ย์ ภาคตะวันออก


“อีสเทิร์น ไทย ไรด์เดอร์” ทุ่มงบ 100 ล้านบาท
ปักมุดยึดหัวหาด คนรักฮาร์เล่ย์ ภาคตะวันออก

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับโชว์รูมแบรนด์มอเตอร์ไซด์ระดับพรีเมียม “Harley-Davidson of Pattaya” โดย “บริษัท อีสเทิร์น ไทย ไรด์เดอร์ จำกัด” ภายใต้การบริหารของ “คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์” โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ “คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์” กรรมการผู้จัดการ “บริษัท อีสเทิร์น ไทย ไรด์เดอร์ จำกัด” เผยกลยุทธ์ทางการตลาดว่า

“เราใช้เม็ดเงินลงทุนสำหรับ “ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ พัทยา” ทั้งหมดรวม 100 ล้านบาท บนพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อรองรับลูกค้า ฮาร์เล่ย์ ได้ทุกฟังค์ชั่น ในภูมิภาคตะวันออกทั้งหมดของประเทศไทย โชว์รูมเราจะมีรถโมเดลมาตรฐานให้ชมทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งรถต่างๆ ของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน และบริการหลังการขายด้วย ส่วนเหตุผลที่เลือกเปิดโชว์รูมโซนนี้ เพราะจากการศึกษาทางการตลาดของเรา ภูมิภาคตะวันออก มีการเติบโตเรื่องเศรษฐกิจทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขจริงๆ แล้วไม่ด้อยไปกว่าภาคกลางด้วยซ้ำ

ต่อไปในอนาคตเราจะมีโปรเจคการลงทุนใหญ่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย ทั้งอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เมื่อมององค์รวมในด้านการเติบโตทุกอย่างแล้ว เรามีความมั่นใจที่จะลงทุน และตั้งใจให้ ‘ฮาร์เล่ย์-เดวิสัน ออฟ พัทยา’ เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออก ลูกค้าโซนนี้สามารถเข้าถึงเราได้หมด ในอนาคตอันใกล้ เราจะเปิดศูนย์ที่ 2 ในกรุงเทพเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เม็ดเงินลงทุนรวมทั้งค่าที่ดิน การก่อสร้างอีกประมาณ 300 ล้านบาท ทำเลย่านวิภาวดี ซึ่งก็คงได้เห็นในปีหน้า 2017 แน่นอน”

สำหรับภาพรวมตลาดบิ๊กไบค์ในเมืองไทย มองย้อนหลังไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือว่าโตเร็วมาก ถึง 60% แต่ปัจจุบันตลาดบิ๊กไบค์ของเมืองไทยโตช้าลง น่าจะอยู่ที่ 20%-30% ซึ่งจะเห็นว่ามีผู้ผลิตรายใหม่ๆ เข้ามาเป็นตัวเลือกมากขึ้น เรานับว่าเป็นผู้ลงทุนรายที่ 3 สำหรับผู้จัดจำหน่าย ‘ฮาร์เล่ย์ – เดวิดสัน’ ในประเทศไทย เราวาง Positioning (โพสิชั่นนิ่ง) ของ ฮาร์เล่ย์ ไว้ในมุมที่เราเป็นแบรนด์ซึ่งสร้างวัฒนธรรมความผูกพันอย่างต่อเนื่องกับลูกค้า โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดบิ๊คไบค์ภาคตะวันออก มีอัตราขายอยู่ที่ 30% ต่อปี นับว่าเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพ และตั้งเป้าการขาย 12 เดือนจากนี้ที่ 250 คัน ซึ่งเชื่อว่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคเศรษฐกิจ จะสามารถสร้างครอบครัวฮาร์เล่ย์-เดวิดสันให้โตขึ้นตามที่ตั้งเป้าไว้ครับ”

ด้าน “มร. ปีเตอร์ แม็คเคนซีย์” กรรมการผู้จัดการ ตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน เอเชีย แปซิฟิก ซึ่งนับเป็นผู้บุกเบิกตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน กล่าวถึง มุมมมองต่อการเติบโตของตลาดมอเตอร์ไซด์ระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยว่า “ “ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน” จะสร้างปรากฎการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ให้กับวงการบิ๊คไบค์ ด้วยการสร้างฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ยูนิเวอร์ซิตี้ ซึ่งตั้งอยู่ย่านพระราม3 เป็นศูนย์แรกในภูมิภาคเอเชีย นับเป็นอันดับ2 ต่อจากอเมริกา วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยฮาร์เล่ย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชีย ในการสร้างบุคลากรด้านเซอร์วิส และให้ความรู้ด้านเทคนิคต่างๆ ทั้งด้านการดูแลบำรุงรถ การซ่อมรถอย่างครบวงจร ซึ่งเปิดสอน 195 คอร์สต่อปี นับเป็นแบรนด์แรกที่เปิดมหาวิทยาลัยเพื่อคนรักมอเตอร์ไซค์บิ๊คไบค์โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีส่วนให้ลูกค้าเองเกิดความจงรักภักดีในแบรนด์ Brand Royalty (แบรนด์รอยัลตี้) พร้อมกันนี้ เราจะมีการให้กลุ่มลูกค้า HOG (Harley-Davidson Owner Group) ได้มีโอกาสรับสิทธิ์พิเศษมากมายที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการรองรับในการให้บริการของกลุ่มสังคมนักขับขี่ ฮาร์เล่ย์ฯ ที่เป็นแห่งแรก ที่เป็นศูนย์รวมในการประชุม พบปะสังสรรค์ เหมือนเป็นศูนย์รวมของครอบครัว พี่น้อง กลุ่มชุมชนที่ชื่นชอบกิจกรรม ไลฟ์สไตล์เดียวกัน”

ร่วมสัมผัสคอมมูนิตี้สำหรับคนรัก “ฮารเล่ย-เดวิดสัน” สุดยิ่งใหญ่ในภูมิภาคตะวันออก ที่ครบวงจรทั้งโปรดักค์ และงานบริการ ระดับไฮคลาสได้ทุกวัน ณ “Harley-Davidson of Pattaya” ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.harleypattaya.com โทร 66(0)38255255

ยางโตโย ไทร์ประเดิมสนามแรก “โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2016” จัดยาง PROXES R1R และ PROXES T1R ลงสนามพิสูจน์ประสิทธิภาพ


ยางโตโย ไทร์ประเดิมสนามแรก  “โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2016”  
 จัดยาง PROXES R1R และ PROXES T1R  ลงสนามพิสูจน์ประสิทธิภาพ

ยางโตโย ไทร์ ลงสนามประชันความเร็ว และเร้าใจไปกับการโชว์สมรรถนะความยึดเกาะถนน ศึกการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการโตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2016 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จ. ภูเก็ต โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 รุ่นด้วยกัน คือ Vios One Make Race Lady Cup, Vios One Make Race, Corolla Altis One Make Race และ Hilux Revo One Make Race  ในงานนี้ โตโย ไทร์  ส่งยางโตโย ไทร์ รุ่น TOYO PROXES R1R และ TOYO PROXES T1R  ลงพิสูจน์สมรรถนะ  ซึ่งการแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้น และตื่นเต้นตลอดเกมการแข่งขันกับการขับเคี่ยวของนักแข่งที่ลงสนามกว่า 60 คัน

และนอกจากความสนุกสนานในเกมการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตแล้ว ภายในงาน ยางโตโย ไทร์ ยังจัดส่งรถโมบาย เซอร์วิส ที่ส่งตรงจากกรุงเทพฯ มาบริการผู้ร่วมงานทุกท่าน สำหรับการตรวจสอบสภาพรถ และเช็คเติมลมยาง โดยทีมงานมืออาชีพ ชนิดที่เรียกว่าบริการผู้ร่วมงานกันแบบไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดทั้งงาน พร้อมกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่มาร่วมสร้างสีสันแบบตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมรอบสนามกันอย่างจุใจอีกด้วย

โดยในสนามนี้ได้รับเกียรติจาก คุณปฎิภาณ อนันต์รัตนสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ร่วมในพิธีเปิดการแข่งขัน พร้อมลงสนามร่วมให้กำลังใจทัพนักแข่งตลอดการแข่งขัน

ฮอนด้าออกซูเปอร์คับใหม่ตอกย้ำตำนานความเก๋าฉบับปี 1958 สี ใหม่โดนใจคอเรโทรตามสไตล์ “เก๋าเจแปนนิส ฮิตไม่มีเอ้าท์”


ฮอนด้าออกซูเปอร์คับใหม่ตอกย้ำตำนานความเก๋าฉบับปี 1958
สี ใหม่โดนใจคอเรโทรตามสไตล์ “เก๋าเจแปนนิส ฮิตไม่มีเอ้าท์”
         
เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นย้อนยุคด้วยซูเปอร์คับใหม่ รถจักรยานยนต์ที่นำกลิ่นอายความเก๋าจากปี 1958 มาผสานกับเทคโนโลยีการขับขี่ในยุคปัจจุบันอย่างลงตัว ภายใต้คอนเซปต์ “เก๋าเจแปนนิส ฮิตไม่มีเอ้าท์” โดนใจคอเรโทรด้วยสีสันใหม่ 5 แบบ 5 สไตล์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยแบบครบครัน เริ่มวางจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

          นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “รถซูเปอร์คับถือเป็นโมเดลที่ไม่เหมือนใครด้วยรูปทรงที่คลาสสิคมีเสน่ห์ ได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1958 ที่ประเทศญี่ปุ่นก่อนจะครองใจคนทั่วโลกในเวลาต่อมา สำหรับตลาดในเมืองไทย รถซูเปอร์คับก็ได้รับความนิยมตั้งแต่ในอดีตไม่แพ้ที่ไหนในโลกเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบรถคอลเลคชันในแนวนี้ จนกระทั่งเมื่อทางเอ.พี.ฮอนด้าได้ทำตลาดรถรุ่นนี้ใหม่อีกครั้งเมื่อหลายปีก่อนในชื่อนิวซูเปอร์คับโดยเน้นดีไซน์ที่ร่วมสมัย ติดตั้งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนยุคใหม่เข้าไป ก็กลายเป็นรถที่ลงตัวและได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความชื่นชอบแฟชั่นในแนวเรโทร และต้องการรถที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง”

          “ในปีนี้ เราได้เพิ่มดีกรีของความเป็นรถย้อนยุคให้กับนิวซูเปอร์คับเวอร์ชัน 2016 ให้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นด้วยสีสันใหม่ที่สดใสน่าหลงไหลภายใต้คอนเซปต์ เก๋าเจแปนนิส ฮิตไม่มีเอ้าท์ เชื่อว่าจะเป็นโมเดลที่ตอบสนองความต้องการของคอเรโทรได้อย่างแน่นอน”

        ฮอนด้าซูเปอร์คับใหม่ (New Honda Super Cub) มาพร้อมรูปทรงสุดแนวและสีสันสุดเก๋า 5 แบบ 5 สไตล์ ประกอบด้วยสีแดงขาวฟิฟตี้ส์เรด, น้ำตาลขาวซิกส์ตี้บราวน์, เขียวขาวเซเวนตี้ส์กรีน, น้ำเงินขาวเอทตี้ส์บลู, และชมพูขาวไนน์ตี้ส์พิงค์ เพิ่มความพรีเมี่ยมด้วยโลโก้แบบนูนสีโรสโกลด์ ทันสมัยด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะระบบหัวฉีด PGM-FI 110cc ให้สมรรถนะเต็มพลัง ทนทาน และมีอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 57 กิโลเมตร/ลิตร (จากการวัดตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก) ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยค่าไอเสียที่สะอาดผ่านมาตรฐานระดับ 6 และรองรับน้ำมัน E20

         ฮอนด้าซูเปอร์คับใหม่ใช้งานสะดวกด้วยระบบสตาร์ทมือ บรรทุกนุ่มนวลด้วยโช้กหลังโครเมียมขนาดใหญ่ที่สามารถปรับระดับได้ และมีระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น เพื่อความอุ่นใจทุกครั้งที่จอด

      เอ.พี. ฮอนด้า วางจำหน่ายฮอนด้าซูเปอร์คับใหม่ ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการฮอนด้า วิง เซ็นเตอร์ พร้อมกันทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปด้วยราคาแนะนำที่ 42,700 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th

นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) และ นิว เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมจัดโปรฯ สุดคุ้มในงาน BIG MOTOR SALE 2016

นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) และ นิว เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016
เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ
พร้อมจัดโปรฯ สุดคุ้มในงาน BIG MOTOR SALE 2016
20-28 สิงหาคม ณ ไบเทคบางนา

จากัวร์ เปิดตัว 2 นวัตกรรมยานยนต์รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในเมืองไทย ได้แก่ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มในงาน BIG MOTOR SALE 2016
พบดีไซน์สุดหรูใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมนวัตกรรมขั้นสูงของสุดยอดยานยนต์เจ้าของรางวัลระดับโลกมากที่สุดของจากัวร์ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 ให้คุณสัมผัสกับความเร็วที่เหนือระดับด้วยน้ำหนักรถที่เบากว่าเดิม ลดการใช้น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถคว้ารางวัล “Best Executive Car” จากงาน Fleet World Honours และรางวัล “Best Sedan” จากนิตยสาร Top Gear Magazine
ตื่นตากับรูปโฉมใหม่ของสุดยอดซาลูน เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 มอบความสมบูรณ์แบบผ่านการผสานความงามแห่งยานยนต์ที่โดดเด่น ภาพลักษณ์ที่หรูหราภูมิฐาน เข้ากับขุมพลังแห่งการขับขี่ขั้นสุดยอด เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง และการปรับปรุงด้านพลศาสตร์ใหม่หมดจดของ “ที่สุดแห่งยานยนต์สายพันธุ์อังกฤษ” ระดับโลกที่แท้จริง  
โอกาสทองสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แห่งการขับขี่ระดับโลกจากจากัวร์แลนด์โรเวอร์ในการทดสอบสมรรถนะยานยนต์ สามารถจองวันและเวลาได้ภายในงาน BIG MOTOR SALE 2016
พบยานยนต์ยอดนิยมอีก 4 รุ่นภายในงาน ทั้ง จากัวร์ เอฟ-ไทป์ (Jaguar F-TYPE), จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE), เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต (The New Land Rover Discovery Sport) และ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค รุ่นปี 2016 (Range Rover Evoque Year 2016)

กรุงเทพฯ 20 กรกฎาคม 2559 – จากัวร์ เปิดตัว 2 นวัตกรรมยานยนต์รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการในเมืองไทย ได้แก่ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 และ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 ในงาน BIG MOTOR SALE 2016 ระหว่างวันที่ 20 - 28 สิงหาคม 2559 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตื่นตากับยานยนต์ยอดนิยมเจ้าของรางวัลระดับโลกที่มาพร้อมรูปโฉมใหม่หมดจด การเสริมสมรรถนะการขับขี่ พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง เทคโนโลยีที่เหนือชั้น และประสิทธิภาพการขับเคลื่อนขั้นสุดยอด และมอบความคุ้มค่ายิ่งกว่าสำหรับผู้ซื้อภายในงานกับราคาโปรโมชั่นพิเศษและสิทธิประโยชน์อีกมากมาย นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมทดสอบสมรรถนะยานยนต์สามารถจองวันและเวลาได้ทันทีภายในงาน เพื่อสัมผัสประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แห่งการขับขี่ระดับโลกจากจากัวร์แลนด์โรเวอร์ด้วยตัวของคุณเอง

เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 คือสุดยอดยานยนต์เจ้าของรางวัลระดับโลกมากที่สุดของจากัวร์และได้รับคำชื่นชมจากสื่อมวลชนสายรถยนต์อย่างล้นหลาม ทั้งในด้านประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมบนท้องถนน ห้องโดยสารที่มอบความสะดวกสบายเป็นเลิศ และพลังในการขับขี่ที่โดดเด่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักขับชาวไทยที่ชื่นชอบความสะดวกสบายและเทคโนโลยี โดยเฉพาะผู้บริหารที่ชอบขับรถติดต่อธุรกิจด้วยตนเองและต้องการทั้งภาพลักษณ์ที่ภูมิฐานและความคล่องตัว ด้วยความคุ้มค่าในการใช้งาน ยังทำให้ จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ เหมาะสำหรับใช้เป็นรถรับส่งระดับหรูของโรงแรมหรือรถผู้บริหารขององค์กรขนาดใหญ่ การันตีด้วยรางวัล “Best Executive Car” จากงาน Fleet World Honours

เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 หนึ่งในรถยนต์ 4 ที่นั่งที่ครองความเป็นเลิศในด้านความหรูหราที่สุดของโลก จนถูกใช้เป็นรถยนต์สำหรับบุคคลระดับสูง เซเลบริตี้ชื่อดัง และมหาเศรษฐีชั้นนำของโลกอย่างกว้างขวาง เหมาะสำหรับผู้บริโภคระดับสูงในเมืองไทยที่ต้องการภาพลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือใคร

การนำเสนอยานยนต์ซีดาน 2 รุ่นใหม่จากจากัวร์ ตอบสนองความต้องการของตลาดรถยนต์ระดับหรูของเมืองไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้บริโภคระดับสูงจำนวนมากที่กำลังแสวงหายานพาหนะสายพันธุ์อังกฤษที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยทั้ง 2 รุ่นนำเสนอเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในมหานครที่การจราจรวุ่นวายอย่างกรุงเทพฯ หากยังสมบูรณ์แบบด้วยประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน การลดเสียงรบกวน ลดการสะเทือนและลดความกระด้างในการขับขี่ ทั้งยังมีต้นทุนการขับขี่ที่ต่ำกว่า ด้วยพลังการขับเคลื่อนที่นักขับทั่วโลกต่างมั่นใจ

เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 – ซีดานหรูสำหรับนักธุรกิจไฟแรง
เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ (XF) รุ่นปี 2016 พัฒนาขึ้นตามแนวคิด “The Art of Performance” เพื่อทลายขอบเขตเดิมๆ ทั้งในด้านนวัตกรรม การออกแบบ และวิศวกรรมยานยนต์ ซึ่งทำให้สุดยอดยานยนต์รุ่นนี้สามารถคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย รวมถึง “Best Executive Car” จากงาน  Fleet World Honours และรางวัล “Best Sedan” จากนิตยสาร Top Gear Magazine ด้วยการออกแบบที่ผสานทั้งดีไซน์ใหม่ล่าสุด สมรรถนะความแรงเหนือชั้น และการปรับปรุงเทคโนโลยีการขับขี่ ทำให้นักขับมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย การเชื่อมต่อที่ราบรื่น และความบันเทิงชั้นเลิศในห้องโดยสาร ด้วยการยึดมั่นพัฒนายานยนต์ที่ถึงพร้อมด้วยประสิทธิภาพการขับขี่อัจฉริยะ เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เอฟ จึงมอบความเร็วสูงสุดถึง 250 กม./ชม. ด้วยอัตราการปล่อยไอเสียเพียง 104 กรัม/กม. น้ำหนักตัวรถต่ำสุดเพียง 1,545 กก. และมาพร้อมเทคโนโลยีไฮเทคครบครันในแบบฉบับของแบรนด์จากัวร์

การตกแต่งห้องโดยสารให้บรรยากาศหรูหราร่วมสมัยด้วยงานฝีมือที่ประณีตสวยงามในทุกรายละเอียด มอบพื้นที่วางเข่าที่กว้างขวาง และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ตัวจริง นำเสนอ 2 รุ่นในตลาดเมืองไทย คือ รุ่น R-Sport ที่เน้นความแรงและการพุ่งทะยานอย่างมั่นใจ และ รุ่น Portfolio ที่มอบความหรูหราและสะกดสายตาในทุกมุมมอง
สัมผัสประสบการณ์ “TRAVEL BY XF” ด้วยตัวคุณเองได้ที่งาน BIG MOTOR SALE 2016

เดอะ นิว จากัวร์ เอ็กซ์เจ (XJ) รุ่นปี 2016 – ยานยนต์แห่งความหรูโอ่อ่าและสง่างาม
รถยนต์คู่ใจผู้บริหารระดับสูงที่ทั่วโลกยอมรับ ทั้งในด้านดีไซน์ที่งามสง่าทุกทิศทาง การตกแต่งห้องโดยสารที่เป็นสุดยอดแห่งความหรูหราสะดวกสบายและสะท้อนถึงสไตล์ที่โดดเด่น เอ็กซ์เจใหม่มอบภาพลักษณ์ที่เสริมความดุดันด้วยการออกแบบส่วนหน้าใหม่ให้มีภาพรวมที่เชิดสูงขึ้นอย่างพอเหมาะ สำหรับห้องโดยสารภายในออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่และความผ่อนคลายที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้โดยสาร โครงอะลูมิเนียมที่มีความแข็งแกร่งสูง แต่น้ำหนักเบา จึงมอบการขับขี่ที่ปราดเปรียวยิ่งกว่า นำเสนอเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรรุ่น LWB Premium Luxury Petrol สำหรับตลาดเมืองไทย

แผงคอนโซลรุ่นใหม่รวบรวมความไฮเทคไว้อย่างครบครัน ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Head-up ขนาด 12.3 นิ้ว และจอทัชสกรีน 8 นิ้ว เบาะนั่งแถวหลังติดตั้งการทำงานแบบมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถปรับเปลี่ยนระดับได้อย่างสมบูรณ์แบบตามความต้องการเฉพาะบุคคล โดยผู้ซื้อสามารถเลือกออพชั่นชุดการปรับแต่งที่นั่งแถวหลังได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ ระบบเสียงคุณภาพสูงได้รับการออกแบบโดย Meridian แบรนด์ผู้นำด้านระบบเสียงดิจิตัลระดับโลกเพื่อคุณภาพเสียงที่ไม่เป็นรองใคร นอกจากนี้ ยังสามารถจัดพื้นที่เพื่อการประชุมได้อย่างง่ายดายภายในรถ ด้วยระบบการควบคุมแบบ hands-free และการตรวจจับเสียงพูด ตลอดจนโต๊ะทำงานสำหรับที่นั่งด้านหลังที่สามารถพับเก็บได้อย่างง่ายดาย

ผู้เข้าชมงาน BIG MOTOR SALE 2016 จะได้สัมผัสยานยนต์ยอดนิยมอีก 4 รุ่นอย่างใกล้ชิด ทั้ง จากัวร์ เอฟ-ไทป์ (Jaguar F-TYPE), จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE), เดอะ นิว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต (The New Land Rover Discovery Sport) และ เรนจ์โรเวอร์ อีโวค รุ่นปี 2016 (Range Rover Evoque Year 2016)
พบโลกแห่งยานยนต์ที่หรูหราเหนือระดับของ จากัวร์ เอ็กซ์เจ ได้ที่งาน BIG MOTOR SALE 2016

“อัศวยนต์” ปรับกลยุทธ์บุกตลาดรถหรูครึ่งปีหลัง 2559 ชูจุดเด่น “ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง"


“อัศวยนต์” ปรับกลยุทธ์บุกตลาดรถหรูครึ่งปีหลัง 2559 ชูจุดเด่น “ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง" 

อัศวยนต์ ปรับกลยุทธ์บุกตลาดรถหรูแบบครบวงจร ตอกย้ำจุดเด่นศูนย์เซอร์วิสซ่อมบำรุงที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานร่วม 23 ปี ครบครันด้วยสต๊อกอะไหล่ซ่อมและให้บริการรถหรูได้ทุกรุ่นทุกแบรนด์ ทีมช่างประสบการณ์สูง เครื่องมือทันสมัย  ตอบโจทย์ตรงใจผู้หลงใหลรถหรูนำเข้ารุ่นใหม่ทุกระดับ และรถ Used Car Premium ตั้งเป้ายอดขายรถหรู 200 คันท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมทั้งสานต่อโครงการ “อัศวยนต์ซ่อมรถให้ฟรีแก่คนดีศรีสังคม” เดือนละ 3 คัน มูลค่าคันละ 20,000 บาท เริ่มเปิดโครงการตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2559 เพื่อร่วมส่งเสริมคนดีและคืนกำไรให้แก่สังคมไทย

          นายภูวดล อัศวานุชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัศวยนต์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากทุ่มงบกว่า 70 ล้านบาท เปิดตัว “Asawayont Exclusive Distributor Showroom" ริมถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อที่ 238) บนพื้นที่ 5 ไร่ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และยกระดับการบริการให้เป็น “Community
Car” ภายใต้แนวคิด "อัศวยนต์ ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง" ภายใต้มาตรฐาน 4S (+ 1W) เทียบเท่า Authorized แบรนด์ชั้นนำ ประกอบด้วย Sales (จำหน่ายรถหรูนำเข้ารุ่นใหม่รุ่นพิเศษทุกแบรนด์), Service (การบริการซ่อมบำรุง-โมดิฟาย-ศูนย์บริการดูแลรักษารถครบวงจรด้วยช่องซ่อม 20 ช่องซ่อม), Spare Parts (สต๊อกอะไหล่รองรับรถหรูนำเข้าทุกแบรนด์), Second Hand (ซื้อ-ขายรถหรูชั้นนำทุกรุ่นทุกแบรนด์) และ Warranty (การรับประกันหลังการขาย)

          จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับนโยบายอันเข้มงวดในการตรวจสอบรถยนต์นำเข้าของภาครัฐ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของรถนำเข้าในวงกว้างแล้ว “อัศวยนต์” ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยปีที่ผ่านมาได้ปรับลดเป้ายอดขายรถหรูจาก 300 คันลดลงเหลือ 200 คัน และปี 2559 พร้อมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้

“ปี 2559 ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 200 คันเหมือนปี 2558 ที่ปิดยอดขายในจำนวนนี้ โดยครึ่งปี 2559 ที่ผ่านมา ทำยอดขายได้แล้วเกือบ 100 คัน มั่นใจว่าครึ่งปีหลังจากนี้จะทำยอดขายได้ตามที่คาดการณ์ไว้แน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ตลาดเริ่มดีขึ้นและเป็นช่วงไฮซีซั่น นอกจากนี้ยังปรับกลยุทธ์ธุรกิจ โดยหันมาเน้นการบริการศูนย์ซ่อมบำรุง และยังเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่มอุปกรณ์ตกแต่งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการหลากหลายแบรนด์ ภายใต้ชื่อกลุ่มธุรกิจ Exotic by Asawayont”

นายภูวดล อัศวานุชิต กล่าวต่อไปว่า กลุ่มธุรกิจรถนำเข้านั้น บริษัทได้เปรียบคู่แข่งหลายด้าน โดยได้เปิดบริษัทรองรับการทำธุรกิจตั้งอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ทำให้แข่งขันได้ทั้งด้านราคาที่ต่ำกว่า และจัดหาสเปกรถได้ทุกแบบที่ลูกค้าต้องการ เมื่อนำมาผนวกกับจุดเด่นที่สร้างชื่อเสียงมานานร่วม 23 ปี ซึ่งเชี่ยวชาญการเซอร์วิสทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว บริษัทยังมีศักยภาพในการซ่อมบำรุงและให้บริการครบวงจรในกลุ่มรถยุโรปทุกแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิ้ลยู, ออดี้, ปอร์เช่, โฟล์ค หรือซูเปอร์คาร์อย่าง เฟอร์รารี่และแลมโบกีนี ดังนั้นลูกค้ามั่นใจได้ว่า เมื่อซื้อรถจาก "อัศวยนต์" หมดปัญหาแน่นอนเรื่องบริการหลังการขาย ขณะที่ Used Car Premium ทุกคัน มีการรับประกันคุณภาพสูงสุด 3-12 เดือน และรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 2 ปีหรือ 60,000 กม. สำหรับรถใหม่ ซึ่งเกรย์มาร์เก็ตค่ายอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ อีกทั้งที่ผ่านมา เกรย์มาร์เก็ตหลายๆ แห่งก็ส่งรถของลูกค้ามาให้ “อัศวยนต์” ดูแล

“ศูนย์บริการซ่อมบำรุง-ตกแต่งรถและโมดิฟายของเรา ครบครันด้วยอะไหล่และทีมช่างที่มากประสบการณ์ผ่านการฝึกอบรมจากผู้ผลิตรถยนต์ต่างประเทศ โดยทุกๆ 6 เดือนจะอัพเดทเทคโนโลยีให้ทีมช่างกว่า 20 คน มีลิฟท์ยกรถ (Hoist) 10 ตัว มี 20 ช่องซ่อมรองรับดูแลซ่อมบำรุงรถลูกค้าได้ทุกรุ่น

ทุกแบรนด์อย่างรวดเร็วทันใจ รองรับการซ่อมบำรุงรถหรู 500-600 คันต่อเดือน ครึ่งปีที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2558 และหลังจากเปิด "Asawayont Exclusive Distributor Showroom"
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 30% ปัจจุบันมีฐานลูกค้าผู้ใช้รถหรูของบริษัทมากกว่า 3,000 ราย และทุกๆ 3 เดือนเราจะอัพเดทกิจกรรมและแคมเปญส่งอีเมล์ให้ลูกค้า ปัจจุบันเปิดให้ผู้ใช้รถหรูนำเข้าทุก
แบรนด์จากทุกค่ายที่สนใจจะมาใช้บริการหลังการขาย สามารถเข้ารับบริการได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าแรกเข้า ไม่มีชาร์จค่าใช้จ่ายใดๆ”

ด้านกลุ่มธุรกิจภายใต้ชื่อ “Exotic by Asawayont” เป็นกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์หรูและรถซูเปอร์คาร์ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นล้วนมีคุณภาพ และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการยานยนต์และรถแข่ง ทั้งในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่ง “อัศวยนต์” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย
-         Vorsteiner ล้ออัลลอยจากประเทศสหรัฐอเมริกา
-         Vossen ล้ออัลลอยจากประเทศสหรัฐอเมริกา
-         Kw โช้กอัพ จากประเทศเยอรมนี
-         Vredestein ยางรถยนต์สมรรถะสูง จากประเทศเนเธอร์แลนด์
-         Akrapovic ท่อรถยนต์จากประเทศสโลวาเกียและยังมีชุดแต่งภายใต้แบรนด์ Akrapovic
                   ที่นำเข้าอีกมากมาย

ส่วน Car Spa ศูนย์เคลือบแก้วและดูแลรถยนต์ระดับพรีเมียม นับเป็นอีกหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มาสนับสนุนในแผนการกลยุทธ์ธุรกิจ เพื่อให้ “อัศวยนต์” มีศักยภาพในการแข่งขันทางการตลาดมากยิ่งขึ้น

“Exotic และ Car Spa ไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้สูงนัก เพราะเพิ่งทำธุรกิจมาได้เพียง 6 เดือน อีกทั้งด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แม้ลูกค้าจะเป็นกลุ่มที่มีฐานะการเงินดี แต่ใช้เงินอย่างระมัดระวัง อีกประการคือ รถหรูส่วนใหญ่เป็นรถที่สวยอยู่แล้ว ลูกค้าจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องตกแต่งรถอะไรมาก บริษัทจึงพยายามรักษาเป้าที่บริษัทแม่กำหนดไว้ จะว่าไปแล้วกลุ่มธุรกิจ Exotic และ Car Spa หรือศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ทั้งภายนอก-ภายใน บริการขัดเคลือบสี-ฟอกเบาะ-ซ่อมแซมภายใน ด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นนำ COLORGLO และ CAMUI นั้น บริษัทตั้งใจจะให้เป็นส่วนที่จะมาเสริมให้ธุรกิจ “อัศวยนต์” และตอกย้ำภายใต้แนวคิดดำเนินธุรกิจที่ว่า อัศวยนต์ ถ้าเป็นเรื่องรถยนต์ ที่นี่ที่เดียวครบจบทุกอย่าง"
       
นอกเหนือจากการทำธุรกิจยานยนต์มาตรฐานสากลแล้ว “อัศวยนต์” ไม่เคยละทิ้งการตอบแทนสังคมไทยที่เคยปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดสานต่อโครงการ “อัศวยนต์ซ่อมรถให้ฟรีแก่คนดีศรีสังคม” โดยจะซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ที่นำรถยนต์ส่วนตัวของตนเองไปให้บริการสังคมในด้านต่างๆ เช่น รถกู้ภัย รถบรรเทาสาธารณภัย, รถที่ใช้ในกิจการมูลนิธิ, รถที่ช่วยงานเผยแพร่ศาสนา รวมถึงรถส่วนตัว เป็นต้น

“โครงการนี้ อัศวยนต์เคยทำเมื่อปี 2554 ช่วงน้ำท่วมหนัก โดยซ่อมรถให้ฟรีกับผู้ที่นำรถไปช่วยเหลือ และบริจาคสิ่งของกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม และด้วยชื่อเสียงและศักยภาพของศูนย์เซอร์วิสซ่อมบำรุงมาตรฐานสากล พร้อมทีมช่างประสบการณ์สูงที่สร้างชื่อให้กับเรามาตลอดระยะเวลา 23 ปี จึงสานต่อโครงการ “อัศวยนต์ซ่อมรถให้ฟรีแก่คนดีศรีสังคม” มูลค่าคันละ 20,000 บาท ซ่อมให้ฟรีไม่คิดค่าแรงค่าอะไหล่ โดยจะซ่อมให้ฟรีเดือนละ 3 คัน เริ่มโครงการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงเดือนธันวาคม 2559 มี กติกาง่ายๆ ส่ง Email มาที่ asawayont88@gmail.com หรือ Add Facebook : Asawayont เกษตร- นวมินทร์ ตอม่อ 238 ส่งรายละเอียดของรถ รุ่น และข้อมูลต่างๆ ที่เคยนำรถไปช่วยสาธารณกุศล ช่วยทำความดีต่างๆ โดยจะพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม
       
Asawayont Exclusive Distributor Showroom เปิดบริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. ตั้งอยู่ (เกษตร-นวมินทร์ ตอม่อ 238) โทร.0-2508-1100 และ 0-2508-1565 โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมรถยนต์หรูนำเข้า อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ชั้นนำ และการให้บริการของ "อัศวยนต์" ได้ทาง www.asawayont.com

มาสด้าโตสวนกระแส 26% ยอดขายทะลุ 21,000 คัน เตรียมส่งเทคโนโลยีใหม่สร้างความแข็งแกร่ง


มาสด้าโตสวนกระแส 26% ยอดขายทะลุ 21,000 คัน เตรียมส่งเทคโนโลยีใหม่สร้างความแข็งแกร่ง
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 12 กรกฎาคม 2559 – บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ด้วยปริมาณยอดขายรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นสูงถึง 21,000 คัน เติบโตกว่า 25.7% เกินความคาดหมาย ขยับขึ้นครองอันดับ 3 ตลาดรถเก๋งอย่างถาวร จากการที่ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในการสร้างแบรนด์ รวมทั้งคุณภาพของรถยนต์มาสด้าที่วางจำหน่ายในตลาดภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เตรียมส่งรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดลงตลาดในครึ่งปีหลังอีก 3 รุ่น มั่นใจยอดขายทั้งปีทะลุ 42,000 คันแน่นนอน

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยได้รับผลพวงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดย 6 เดือนแรก ยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นคัน เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ในครึ่งปีแรกยอดขายโดยรวมของอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 370,000 คัน ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น คาดว่ายอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 410,000 คัน มาสด้ายังเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในปี 2559 จะทะลุถึง 780,000 คัน ด้วยปัจจัยด้านบวกและการส่งสัญญาณที่ดี จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไปถึงเป้าหมาย มีปัจจัยหลักสำคัญดังต่อไปนี้

การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อของครัวเรือนเกษตรเริ่มปรับดีขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย กำลังซื้อโดยรวมของครัวเรือนที่ค่อยๆ ปรับดีขึ้น

การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์เริ่มปรับดีขึ้นดังจะเห็นได้จากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากแผ่วลงในช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่การขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายและอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดของมาสด้าและคู่แข่ง

ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่องและเป็นแรงส่งที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวร้อยละ 7.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน

รถยนต์คันแรกใกล้ครบกำหนดระยะ 5 ปีในการถือครอง จึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมองหารถยนต์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น

เทรนด์ลูกค้าเปลี่ยน: ลูกค้ามองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมภายในคันเดียว และมีความทันสมัย ให้ความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ ครบครันด้วยเทคโนโลยีมากขึ้น

ทั้งนี้จากผลการวิจัยของมาสด้าพบว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากอดีต โดยมีความต้องการใช้รถยนต์ที่สามารถตอบสนองที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างลากหลายและครบครันภายในคันเดียว มีการค้นหาเปรียบเทียบข้อมูล ไตร่ตรองมากขึ้น หรือมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อรถยนต์มากขึ้น ให้ความสนใจในรายละเอียดของรถมากขึ้น ในส่วนของเป้าการขายมาสด้ายังยืนยันว่าปีนี้จะทุละ 42,000 อย่างแน่นอน เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์ร่นใหม่เข้าสู่ตลาด พร้อมๆ กับการเน้นนโยบายหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นการดูแลเอาใจใส่ลูกค้ามาเป็นอันดับ 1 เพื่อส่งเสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่งและทำให้มาสด้า กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่ผ่านมานั้น มาสด้ายังคงความสำเร็จไว้ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับยอดขายของมาสด้าในปี 2558 แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายเติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ในขณะที่ตลาดหดตัวลง ประมาณการจากยอดจำหน่ายของตลาดรวมทุกยี่ห้ออยู่ที่ 370,000 คัน เป็นยอดขายของมาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 21,160 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 5.7% สูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ที่สำคัญมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุดในตลาดถึง 25.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 16,837 คัน โดยยอดขายในครึ่งปีแรกแบ่งออกเป็น

รถยนต์นั่ง จำนวน 13,500 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 10,986 คัน

รถอเนกประสงค์ จำนวน 4,512 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 จำนวน 1,734 คัน

กระแสความแรงอย่างต่อเนื่องของมาสด้าหลังจากมีรถยนต์หลากหลายรุ่นใหม่ภายใต้ 6th Generation Products ส่งผลให้มาสด้าโดยรวมครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 5.7% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์รถยนต์นั่งที่มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 13% กลายเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง และในตลาดรถอเนกประสงค์นั้น มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 8.0% (รวม PPV) และครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 18.6% ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ที่ไม่รวม PPV

นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์มาสด้าเองยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและค่อนข้างสวนกระแสกับค่ายรถอื่นๆ เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่น่าจะมีส่วนเอื้อต่อยอดขายรถโดยรวมของมาสด้า อาทิ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและโคโดะดีไซน์ รวมทั้งการได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจนเกิดกระแสแนะนำแบบปากต่อปาก อีกทั้งมาสด้าเองก็มีการเสริมทัพด้วยรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจของลูกค้าและดึงดูดลูกค้าสู่แบรนด์อยู่ตลอดเวลา

อีกหนึ่งปัจจัยแห่งความความสำเร็จ คือ การเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่นเมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้งการปรับโฉมและเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ อีก 4 รุ่นในช่วงครึ่งปีแรก รวมทั้งการสื่อสารแบรนด์อย่างชัดเจน มาสด้าก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของการขับขี่ ทำให้เกิดเป็นความแปลกใหม่ และแตกต่าง ฉีกหนีจากกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีอย่างคาดไม่ถึง สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของรถยนต์แต่ละเซกเมนต์ได้อย่างแท้จริง โดยรถยนต์ที่ช่วยสร้างความแรงของยอดขายมาสด้าโดยรวมในครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย

รถยนต์นั่งมาสด้า2 รุ่นปี 2016 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500 ซีซี และสกายแอคทีฟเบนซิน 1300 ซีซี ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่นแฮตช์แบค และรุ่นซีดาน มีการเพิ่มรุ่นเข้ามาโดยการเพิ่มไฟหน้า LED และกล้องมองหลัง รวมทั้งการเพิ่ม Day Time Running Lamp ประกอบกับโครงสร้างราคาภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เอื้อให้รถยนต์ที่สามารถประหยัดน้ำมันได้จริงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้รถมาสด้า2 มีการปรับราคาลดลงตามสัดส่วนที่ของอัตราภาษีฯใหม่ ทำให้เป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา และยังคงครองใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นรถยนต์รุ่นที่มียอดขายสูงสุดของมาสด้า

New Mazda CX-5 โฉมใหม่ ที่อัดแน่นไปด้วย 4 Key Pillars ของมาสด้า ทั้งโคโดะ ดีไซน์ และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ระบบความปลอดภัย i-Activsense และการเชื่อมต่อโลกการสื่อสาร MZD connect ที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีมาให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2200 ซีซี ในรุ่น 2WD และ AWD และสกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2000 ซีซี เพิ่มความสปอร์ตหรูหรามีระดับด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ สร้างสีสันให้กับตลาดนี้ SUV และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

การปรับเพิ่มอุปกรณ์ในรถยนต์นั่งมาสด้า3 ด้วยการใส่อุปกรณ์ i-Stop เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น

การเริ่มส่งมอบรถสปอร์ตโรดสเตอร์ระดับตำนานอย่าง มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา เป็นการสิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนๆ ผู้หลงใหลรถยนต์แห่งตำนานคันนี้ และเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้ายังคงเน้นการเพิ่มเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสมรรถนะในการขับขี่และการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบสนองการใช้งานและมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นในอนาคต สำหรับแผนเพิ่มยอดขายในปีนี้นั้น มาสด้ามุ่งหวังที่จะเน้นสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นหลักเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและคุณค่าให้กับแบรนด์ ควบคู่ไปกับการออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย จากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า มาสด้านั้นเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีอัตตราการเติบโตสูงสุด ซึ่งการเติบโตของมาสด้านี้เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์และเน้นความเป็นพรีเมียมแบรนด์ที่มาสด้าได้บุกเบิกเมื่อปี 2558 และในครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 2559 นี้ มาสด้าก็ยังคงมั่นใจว่าจะยังเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาย 42,000 คัน ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน พร้อมส่วนแบ่งการตลาด 5.4% โดยเรายังคงมีเป้าหมายที่จะรักษาอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่ง

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า นอกเหนือจาก 4 Pillars หลักของมาสด้าที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้ว ในครึ่งปีหลังนี้ มาสด้าเตรียมนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเสไทย พร้อมทั้งยังมุ่งเน้นที่จะเสริมสร้างคุณค่าต่างๆ ของรถยนต์มาสด้าที่ส่งมอบต่อลูกค้าไปตลอดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าด้านประโยชน์ใช้สอย ด้านอารมณ์และความสุข เพื่อเสริมสร้างคุณค่าความเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า และตอบสนองคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนที่มีแนวคิดที่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่รถยนต์ แต่ต้องการรถยนต์ที่สะท้อนบุคลิกของตัวเอง และสร้างสีสันกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาด้วยรูปลักษณ์ที่โดนใจและสมรรถนะที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ นอกเหนือจากความสมบูรณ์แบบของการใช้งาน ส่วนในแง่ของคุณภาพผลิตภัณฑ์มาสด้ามุ่งมั่นที่จะยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ภายใต้สายการผลิตที่มีแพลตฟอร์มเดียวกันทั่วโลกและอยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิตเดียวกันเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพรถยนต์มาสด้าเฉกเช่นเดียวกับลูกค้ามาสด้าทั่วโลก

นอกจากจะประสบความสำเร็จด้านยอดขายแล้ว ในปีนี้มาสด้าย้ำเน้นในเรื่องของการบริการหลังการขายเป็นนโยบายหลักสำคัญ กลยุทธ์การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า การพัฒนาบุคลากรในฝ่ายขายและฝ่ายบริการ โดยมุ่งเน้นในการดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งในส่วนของการดูแลลูกค้านั้น ณ ปัจจุบันจากผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าด้านบริการหลังการขาย มาสด้าก็ทำได้ดีขึ้นกว่าปี 2557 ในด้านผู้ให้คำแนะนำในการบริการและสถานที่รับบริการ ซึ่งนับเป็นสัญญาณอันดีในการแสดงถึงความทุ่มเทของมาสด้าในการดูแลลูกค้าหลังการขาย ในด้านคุณค่าของการเป็นเจ้าของรถ หรือ Cost of Ownership มาสด้ามีการพัฒนาปรับปรุงด้านนี้อย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้จากผลสำรวจ JD Power ในปี 2558 ที่มาสด้าได้รับการจัดลำดับเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้านรถยนต์นั่งในการให้บริการด้านการขาย (SSI) จากผลการสำรวจฯ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางของมาสด้าด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถมาจนถึงวันนี้ มาสด้าจะไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก แต่จะแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และแนะนำให้กับคนที่ลูกค้ารักต่อไปอีกด้วย และจะขยายใหญ่จนกลายเป็น ”สังคมคนรักมาสด้า” ขนาดใหญ่ สำหรับฐานลูกค้าปัจจุบันของมาสด้าก็เป็นสิ่งที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญมาตลอด เรามีการจัดกิจกรรมกับทางลูกค้าและชมรมคนรักมาสด้าต่างๆ ทุกปีเพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมและสืบทอดสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษระหว่างแบรนด์และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น Mazda Motorsport Day และ Jinba-Ittai Academy เพื่อส่งเสริมความรักและความผูกพันต่อแบรนด์มาสด้า จนลูกค้ากลายมาเป็น brand ambassador เป็นกระบอกเสียงสำคัญให้กับแบรนด์ และยังจะมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายในปีนี้เพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้าหลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดเป็นภาวะลูกค้าเก่าเป็นผู้สร้างลูกค้าใหม่ในที่สุดกลายเป็นครอบครัวมาสด้าอย่างเหนียวแน่น ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากความประทับใจที่เกิดขึ้นจริงจากรุ่นสู่รุ่น

ความสำเร็จที่ผ่านมา และความมุ่งมั่นสู่เส้นทางในอนาคต ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สู่ตลาดประเทศไทย ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้คือการขับเคลื่อนของมาสด้าที่จะเกิดขึ้นภายในครึ่งปีหลังของปี พ.ศ. 2559 นี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป

“เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” เปิดโปรโมชั่นเร้าใจดอกเบี้ย 0%


“เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” เปิดโปรโมชั่นเร้าใจดอกเบี้ย 0%

กรุงเทพฯ 11 กรกฎาคม 2559 – นายพลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดโปรโมชั่นสุดเร้าใจ “เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” (Peugeot Expert) รถตู้อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง เครื่องยนต์ดีเซล HDi เทอร์โบ 2.0 ลิตร ประกอบฝรั่งเศสทั้งคัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.85 ล้านบาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ วารันตี 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สัมผัสความหรูหราอย่างมีระดับตลอดการเดินทาง เป็นเจ้าของ “เปอโยต์ เอ็กซ์เพิร์ต” ได้แล้ววันนี้ ณ โชว์รูม เปอโยต์ 4 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ สาขาสุขาภิบาล 3 (ถนนรามคำแหง), สาขาทองหล่อ (สุขุมวิท55), สาขาหาดใหญ่ และเชียงใหม่

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ Peugeot Call Center 02-305-4445 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/peugeot.th
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved