ไทยฮอนด้า จับมือ เอ็นเซ็ท ยกระดับระบบผลิตพลังงานสะอาดในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์
Posted by Contemporary industry
Posted on 18:31
ไทยฮอนด้า จับมือ เอ็นเซ็ท ยกระดับระบบผลิตพลั งงานสะอาดในโรงงานผลิตรถจั กรยานยนต์
กรุงเทพฯ, 15 ธันวาคม 2559 – ไทยฮอนด้าจับมือเอ็นเซ็ท ยกระดับกระบวนการผลิ ตในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ด้ วยพลังงานสะอาด ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิตร้ อยละ 13 ต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์ บอนไดออกไซต์ได้ปีละกว่า 7 พันตันคาร์บอน* ตอกย้ำวิสัยทัศน์การสร้างสรรค์ สิ่งแวดล้อมที่ดีให้สังคมไทยเป็ นสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเปิดดำเนินการภายในต้นปี 2561
บริษัทไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (ไทยฮอนด้า) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่ องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้ าในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัทเอ็นเอส โอจี เอ็นเนอร์จี โซลูชั่นส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (NSET) ผู้ให้บริการด้านธุรกิจพลั งงานแก่โรงงานอุตสาหกรรม ประกาศเริ่มวางระบบผลิตพลั งงานร่วม (Co-generation Power Plant) บนพื้นที่ภายในบริษัทไทยฮอนด้ าที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ช่วยให้กระบวนการผลิตพลั งงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่ งแวดล้อมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่ งลดการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้ อมจากทุกการดำเนินงานของทั้ งสององค์กร
ระบบผลิตพลังงานร่วมแห่งนี้ จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนิ นการภายในต้นปี 2561 โดยเทคโนโลยีอันทันสมั ยของระบบจะสนับสนุนให้ไทยฮอนด้ าสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าพร้ อมพลังงานร่วมได้แก่ ไอน้ำ น้ำร้อน และน้ำเย็น สู่กระบวนการผลิตได้อย่ างเหมาะสมและเต็มกำลัง ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิ ตได้ถึงร้อยละ 13 ต่อปี พร้อมทั้งเพิ่มเสถียรภาพให้ ระบบการจ่ายพลั งงานของโรงงานไทยฮอนด้า ผลจากการลดพลังงานทำให้ลดการปล่ อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) ได้ถึงปีละกว่า 7 พันตันคาร์บอน* นอกจากนี้ โครงการยังได้รับการสนับสนุ นในการดำเนินการจาก Joint Credit Mechanism (JCM) ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ความร่วมมือนี้เริ่มจากพันธกิ จด้านสิ่งแวดล้อมของไทยฮอนด้า ที่ต้องการลด CO2 ในทุกกิจกรรมในองค์กร โดยไทยฮอนด้าร่วมมือกับ NSET ซึ่งเชี่ยวชาญการวางระบบพลั งงานในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุงและวางระบบพลั งงานร่วมดังกล่าว โดยไทยฮอนด้าได้ให้ข้อมูลการใช้ พลังงานที่ต้องการแก่ NSET เพื่อนำไปใช้ออกแบบและวางระบบ ซึ่ง NSET จะให้บริการครอบคลุมงานด้านวิ ศวกรรมโยธา การจัดหาอุปกรณ์ งานก่อสร้าง และให้คำปรึกษาด้านการควบคุ มการทำงาน พร้อมทั้งดูแลรักษาระบบเป็ นระยะเวลา 15 ปี
ไทยฮอนด้า และ NSET คาดว่าระบบพลังงานสะอาดใหม่นี้ จะร่วมสนับสนุนให้สังคมไทยเป็ นสังคมคาร์บอนต่ำตามปณิธานของทั้ งสององค์กรที่จะสร้างสรรค์สิ่ งแวดล้อมที่ดีให้กับเมื องไทยและโลกใบนี้ต่อไป
*ข้อมูลตามประกาศ Global Environment Center Foundation ประเทศญี่ปุ่น
MOTOR EXPO 2016 ปิดฉากประทับใจ ทุกฝ่ายชื่นชม รถหรู บิกไบค์ขายดี เงินหมุนเวียน 4.5 หมื่นล้าน!
Posted by Contemporary industry
Posted on 17:48
MOTOR EXPO 2016 ปิดฉากประทับใจ ทุกฝ่ายชื่นชม
รถหรู บิกไบค์ขายดี เงินหมุนเวียน 4.5 หมื่นล้าน!
สิ้นสุดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” ทั้งภาครัฐ สื่อมวลชน และผู้ชมล้วนชื่นชมจัดงานได้เหมาะสม ทุกค่ายรถพอใจ ตลาดรถหรูขยายตัวชัดเจน จักรยานยนต์มาแรง ยอดจองสูงเป็นประวัติการณ์ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนรวม 4.5 หมื่นล้านบาท
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” เปิดเผยว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจและขอขอบคุณทุกคำชมเชยเกี่ยวกับการจัดงาน โดยเฉพาะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า งานนี้แสดงถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งชื่นชมการแต่งกายของพริททีในงาน มีความเรียบหรู สวยสง่า เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองและวัฒนธรรมที่งดงามของไทย”
“นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังมีหนังสือขอบคุณและชื่นชมบริษัท สื่อสากล จำกัด ที่เอาใจใส่กวดขันการแต่งกายของพริททีในงาน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองเช่นเดียวกัน ซึ่งคำชมดังกล่าวผมขอส่งต่อให้ผู้ร่วมจัดแสดงที่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้อย่างเต็มที่”
ด้านยอดจองรถในงานปีนี้มีตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดจองสูงถึง 7,942 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 98.6 % อันดับ 1 ได้แก่ GPX 1,109 คัน อันดับ 2 VESPA 1,059 คัน อันดับ 3 YAMAHA 1,040 คัน อันดับ 4 HONDA 791 คัน และ อันดับ 5 STALLIONS 722 คัน
ขณะที่รถยนต์มียอดจองรวมอยู่ที่ 32,422 คัน ลดลงจากปีก่อน 17.1% เนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า รวมทั้งรถใหม่หลายรุ่นที่ประชาชนสนใจได้เลื่อนการเปิดตัวออกไป อย่างไรก็ตาม ตลาดรถหรูซึ่งมีรถรุ่นใหม่มาแนะนำ ยอดจองเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดย MERCEDES-BENZ ขายได้ 1,722 คัน BMW 979 คัน VOLVO 206 คัน LEXUS 106 คัน PORSCHE 70 คัน LAND ROVER 15 คัน JAGUAR 11 คัน ASTON MARTIN 2 คัน และ ROLLS-ROYCE 2 คัน
ส่วนรถยนต์ทั่วไป 5 อันดับยอดจองสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 TOYOTA 5,124 คัน อันดับ 2 HONDA 4,902 คัน อันดับ 3 ISUZU 3,620 คัน อันดับ 4 MAZDA 3,434 คัน และอันดับ 5 FORD 2,441 คัน
ด้านราคาเฉลี่ยรถที่ขายได้ในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,177,393 บาท เนื่องจากปีนี้ผู้บริโภคให้ความสนใจรถเก๋งหรู รถเอสยูวี และรถกระบะ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เงินหมุนเวียนภายในงานปีนี้อยู่ที่ 45,000 ล้านบาท ผู้เข้าชมงานจำนวน 1,191,718 คน ลดลง 19.3%
ต.สยาม เปิดประตูสู่อีสาน ปักหมุด! สระบุรี เปิดGRIP by ประดิษฐ์การยาง
Posted by Contemporary industry
Posted on 21:26
บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายยาง TOYO TIRES , NITTO TIRE และ KUMHO TIRE อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัว GRIP by ประดิษฐ์การยาง ณ อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็น ศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “GRIP” ร้านแรกของจังหวัดสระบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่ภาคอีสาน โดยได้รับเกียรติจาก นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล ให้เกียรติเข้าร่วมเป็นประธานในพิธี
ศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร GRIP by ประดิษฐ์การยาง เป็นศูนย์บริการและจำหน่ายยางรถยนต์ และสินค้าตกแต่งรถยนต์ ให้บริการครบทุกด้าน เช่น จำหน่ายยางรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ระดับโลก อาทิ TOYO TIRES, NITTO TIRE และ KUMHO TIRE และจำหน่ายล้อแม็กซ์มากมายหลายขนาด กว่า 100 ลาย นอกจากนั้นยังมีบริการ ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซ่อมช่วงล่าง เติมลมไนโตรเจน ซึ่งครบครันด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ในการตรวจสอบที่ทันสมัยพร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ในด้านการดูแลรักษารถยนต์
สำหรับชาวสระบุรี และที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง หรือผู้ที่เดินทางสู่ภาคอีสาน สามารถแวะใช้บริการที่สนใจใช้บริการได้แล้ววันนี้ ที่ GRIP by ประดิษฐ์การยาง สระบุรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 081-946-1797 และเตรียมพบกับร้าน GRIP สาขาต่อไปใกล้บ้านท่านเร็วๆนี้
คาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำพาธารน้ำใจจากประชาคม อีซูซุสู่โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ “พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพราะเราเชื่อว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ไปถึงได้ทุกที่ พลังที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ นั่นคือ...พลังของความดี
Posted by Contemporary industry
Posted on 20:18
คาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำพาธารน้ำใจจากประชาคม อีซูซุสู่โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
“พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพราะเราเชื่อว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ไปถึงได้ทุกที่ พลังที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ นั่นคือ...พลังของความดี
นับจากอีซูซุได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางจัดทำและเผยแพร่ภาพยนตร์สั้น “เรื่องจริง...พลังแห่งความดีที่อมก๋อย” ผ่านสื่อโซเซียลเน็ตเวิร์ค ภายใต้แนวคิด “พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มุ่งมั่นใช้พลังดีในตัวเปลี่ยนโลกนี้ให้น่าอยู่ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงที่ยากลำบากของเหล่าครู โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่สุดของประเทศไทย กลุ่มครูผู้มีพลังดีอยู่เต็มตัวและหัวใจที่ยอมละทิ้งความสะดวกสบาย เพื่อไปเป็นครูจิตอาสาที่เป็นมากกว่าครูในที่ที่ห่างไกลและทุรกันดาร โดยมีพลังใจที่ยิ่งใหญ่ คือเด็กนักเรียนกว่า 100 ชีวิตที่มีความตั้งใจอยากมาเรียนให้สังคมได้รับรู้ ด้วยเนื้อหาที่กินใจจนหลายๆ คนน้ำตาซึม ทำให้มียอดคนดูพุ่งสูงกว่า 3.3 ล้านวิวภายในระยะเวลาอันสั้น
ล่าสุดกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยจึงขอต่อยอดตอบแทนพลังดีเหล่านั้น ด้วยการรวบรวมน้ำใจของชาวประชาคมอีซูซุทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนบ้านแม่สะเตอย่างจริงจัง โดยจัดขบวนคาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำคณะผู้บริหารของกลุ่มอีซูซุและเหล่าพนักงานจิตอาสานำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้กับทางโรงเรียน ซึ่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ อีซูซุ วี-ครอส จำนวน 16 คัน เริ่มออกเดินทางจากตัวอำเภออมก๋อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เส้นทางบนเขาระยะทางเพียง 67 กม. ในช่วงหน้าหนาวที่พื้นแห้ง ว่ากันว่าลดความโหดของเส้นทางช่วงหน้าฝนไปถึง 50% นั้นมีครบทุกรูปแบบทั้งทางหิน ร่องยาว ธารน้ำ ยกเว้นถนนดี รอพิสูจน์ความตั้งใจจริงของทุกคน เพราะต้องใช้เวลาในการขับเคี่ยวอยู่นานมากกว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะเข้าถึงโรงเรียนบ้านแม่สะเตที่มีน้องๆ นักเรียนตัวจริงที่เห็นจากภาพยนตร์สั้น “เรื่องจริง...พลังแห่งความดีที่อมก๋อย” มารอต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอันสดใส
ทั้งนี้ นายวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ได้เป็นตัวแทนกลุ่มอีซูซุมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 1,039,674 บาท โดยได้นำเงินบริจาคส่วนหนึ่งไปใช้จัดสร้างถนนในช่วงที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรของครู นักเรียน และชาวบ้านทั่วไปเพื่อให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้นตามความประสงค์ของทางโรงเรียน อีกทั้งมอบรถ “รถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ อีซูซุ วี-ครอส” พร้อมอุปกรณ์ออฟโรด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเติมเต็มความคล่องตัวสำหรับทางโรงเรียนในการเดินทางขึ้น-ลงเขาที่ต้องลุยฝ่าเส้นทางหฤโหด พร้อมกันนี้ทางกลุ่มอีซูซุยังได้จัดเต็ม นำเมนูที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวและของกินอื่นๆ มาจัดเลี้ยงเป็นอาหารกลางวัน หลังจากได้สอบถามมาแล้วว่าเป็นอาหารโปรดที่นานๆ จะได้ลิ้มรส เพราะโรงเรียนไม่มีตู้เย็นจึงไม่สามารถเก็บเนื้อสัตว์และอาหารสดไว้ได้ โปรตีนที่คุ้นเคยที่สุดของครูและนักเรียนที่นี่ คือ โปรตีนจากปลากระป๋อง
นายพงษ์วิศรุต ปันมูล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่สะเต ผู้ซึ่งสอนที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นปีที่ 10 กล่าวขอบคุณด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ทุกคนในโรงเรียนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของชาวอีซูซุที่ได้จัดทำภาพยนตร์สั้นเรื่องราวของพวกเราและเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้มีน้ำใจหลั่งไหลมาที่โรงเรียนมากมาย และตอนนี้ความฝันเป็นจริง รถอีซูซุ วี-ครอสที่ได้รับมอบนั้น เราจะใช้สำหรับรับ-ส่งนักเรียนที่อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไปให้พวกเขาได้มีโอกาสมาเรียนมากขึ้น และใช้ขนสัมภาระในกิจกรรมต่างๆ ต้องขอบคุณอีซูซุในทุกเรื่องด้วยครับ”
ท่ามกลางความขาดแคลนไปเสียทุกอย่างของโรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย แต่ที่นี่กลับล้นเหลือไปด้วย “พลังดี...เปลี่ยนโลก” ที่มาจากความเสียสละความสุขส่วนตัวของเหล่าครูอาสาที่ไม่เคยหยุดจะเป็นผู้ให้ ทำให้ระยะทางขากลับสู่ตัวอำเภออมก๋อยอีก 4 ชั่วโมงของคาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความอิ่มเอมใน “พลังดี” ตามแบบวิถีอีซูซุ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา”
ไทยนา” ประกาศรุกตลาดรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง เปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 ชูราคาดีสุดในตลาด พร้อมรับประกัน 3 ปี 100,000 กิโลเมตร
Posted by Contemporary industry
Posted on 06:55
ไทยนา” ประกาศรุกตลาดรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง
เปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016
ชูราคาดีสุดในตลาด พร้อมรับประกัน 3 ปี 100,000 กิโลเมตร
“ไทยนา มอเตอร์” ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง ยี่ห้อ “ไทยนา” (Thaina) ประกาศรุกตลาดLight Truck ในประเทศไทย เปิดตัวรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลางพร้อมกัน 2 รุ่น หวังเจาะลูกค้ากลุ่มโลจิสติกส์ สตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี ชูจุดขายราคาดีสุดในตลาด ผสานเทคโนโลยีจากซัพพลายเออร์ชั้นนำ อาทิ เครื่องยนต์เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ชุดเกียร์แซดเอฟ โดยอวดโฉมครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 พร้อมการรับประกันสินค้า 3 ปี 100,000 กิโลเมตร
มร. พอล เอม มาร์คแฮม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยนา มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “จากภาพรวมของตลาดรถบรรทุกขนาดกลางในประเทศไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมามียอดขายในประเทศไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน อีกทั้งในปีนี้ยังมีปัจจัยบวกเสริมในเรื่องของการเปิดเขตการค้าเสรี (AEC) ที่ทำให้รถกลุ่มนี้มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น บริษัทฯ จึงได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ประกาศรุกทำตลาดรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง หรือ Light Truck ในประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยได้เปิดตัวรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง ยี่ห้อ “ไทยนา” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2559 โดยหวังเจาะกุล่มลูกค้า โลจิสติกส์ สตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี
สำหรับรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง “ไทยนา” จัดเป็นผู้นำด้านรถบรรทุกขนส่งสินค้าขนาดกลางที่มีสมรรถนะสูง มีความโดดเด่นสามารถรองรับการเดินทางขนส่งได้ทุกสภาพถนนของประเทศไทย ถูกต้องตามข้อกำหนดการจราจรในประเทศ โดยการเปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป นี้ ได้เปิดตัวพร้อมกันทีเดียวถึง 2 รุ่น ได้แก่
ไทยนา เพโทรล ทีจี150 (Thaina Petrol TG150) ที่ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกอย่างทันสมัย ขุมพลังเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซินของโตโยต้า ขนาดความจุ 2.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 4,200-4,600 รอบต่อนาที และแรงบิด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,600 รอบต่อนาที
ไทยนา ดีเซล ทีดี175 (Thaina Diesel TD175) ที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ ประหยัดคุ้มค่าจากขุมพลังที่เลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซลของอีซูซุ ขนาดความจุ 2.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที
โดยทั้ง2 รุ่น ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด จากแซดเอฟ (ZF) ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 120 กม./ชม. ผ่านมาตรฐานยูโร IV โดยสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้มากสุดถึง 2.2 ตัน
พร้อมกันนี้ในส่วนของนโยบายการตลาด ทางบริษัทฯ เน้นการตั้งราคาเพื่อตอบโจทย์ความคุ้มค่า ของลูกค้า โดยรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลางของไทยนา ทั้ง 2 รุ่น ถือว่ามีราคาจำหน่ายดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน โดยในส่วนของ ไทยนา เพโทรล ทีจี 150 ทางบริษัทฯ ได้ตั้งราคาจำหน่าย 525,000 บาท ในขณะที่ ไทยนา ดีเซล ทีดี175 ทางบริษัทฯ ได้ตั้งราคาจำหน่าย 595,000 บาท และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ทาง ไทยนา มอเตอร์ มอบการรับประกันสินค้านาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
โดยในส่วนของช่องทางการจำหน่ายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายดีลเลอร์เน็ตเวิร์ค ซึ่งปัจจุบันมีครอบคลุมในพื้นที่ กทม. 3 ราย และต่างจังหวัด อาทิ ชลบุรี ระยอง และราชบุรี โดยทุกดีลเลอร์จะเน้นให้บริการทั้ง 3 S ประกอบด้วย เซลล์, เซอร์วิส และสแปร์พาร์ท ซึ่งคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีดีลเลอร์เน็ตเวิร์คครอบคลุมมากถึง 10 แห่งทั่วประเทศ และตั้งเป้าขยายต่อไปให้ถึง 30 แห่งทั่วประเทศ”
มร. พอล เอม มาร์คแฮม กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาดในประเทศไทยว่า “บริษัท ฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายสำหรับรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง ไทยนา ในปี 2560 ไว้ที่ 1,000 คัน โดยหวังมีส่วนแบ่งทางการตลาด 5% สำหรับตลาดรถในกลุ่มนี้ อีกทั้งเรายังมีเป้าหมายที่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคอาเซียน” มร. พอล เอม มาร์คแฮม กล่าวปิดท้าย
สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 ในวันที่ 1-12ธันวาคม 2016 รถบรรทุกขนาดกลางไทยนา มีข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองภายใน พร้อมชมและสัมผัสรถบรรทุก4 ล้อขนาดกลางไทยนา ได้ที่บูธ B-03 อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี
รอยัล เอนฟิลด์ เปิดตัว Custom Bike ดีไซน์รถยุคสงครามโลก ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:06
รอยัล เอนฟิลด์ เปิดตัว Custom Bike ดีไซน์รถยุคสงครามโลก ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33
เปิดตัว รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ โดยนำเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในยุคสงครามโลกมาถ่ายทอดลงบนรถ ได้แก่ คัสตอม รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค 500 ไซด์ คาร์, คัสตอม รอยัล เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที ไวท์ และ คัสตอม รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค ฟลายอิ้ง ไทเกอร์
รอยัล เอนฟิลด์มอบหมวกนิรภัย Open Face ทรง คลาสสิควินเทจสีดำ มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท
เผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน, รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์, รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน และรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู
ภาพข่าว (จากซ้ายไปขวา) : รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ร่วมถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก เปิดตัวสีใหม่และแนะนำ รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ในมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33 โดยมี คุณวราทิพย์ เชยศักดิ์ (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล เอ็กซ์โป จำกัด และคุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านปฏิบัติงาน ทั่วไปของงานมหกรรมยานยนต์ ให้เกียรติถ่ายรูปร่วมกับ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่าย รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ และนีโน่-เมทนี บุรณศิริ (ที่ 4 จากซ้าย) ณ บูธ รอยัล เอนฟิลด์
กรุงเทพฯ, พฤศจิกายน 2559 - รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก ลงบนรอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ พร้อมเปิดตัวรถรอยัล เอนฟิลด์รุ่นใหม่ เซอร์ไพรส์ แคมเปญพิเศษในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016
ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ กล่าวว่า “รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสไตล์รถทหารที่ใช้ในสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2”
“รอยัล เอนฟิลด์เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสัญชาติอังกฤษที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลกถึง 115 ปี โดยสายการผลิตเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2444 ต่อมาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457 – พ.ศ.2461) ทางรอยัล เอนฟิลด์ได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งแรกด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้แก่กองทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีรถพ่วงข้างติดปืนกลแบบวิคเกอร์ที่สามารถโจมตีทางด้านอากาศ นอกจากนี้รอยัล เอนฟิลด์ยังได้ผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้กับกรมกิจการสงครามอังกฤษและรัฐบาลจักรวรรดิรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกันจนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
(พ.ศ. 2482 – พ.ศ.2488) ทางรอยัล เอนฟิลด์ก็ได้รับคำสั่งให้ช่วยผลิตรถจักรยานยนต์สำหรับกองทหารอังกฤษอีกครั้ง โดยรถคันดังกล่าวถูกเรียกขานโดยเหล่าทหารว่า “เจ้าหมัดบิน” (Flying Flea) ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซี ที่ออกแบบสำหรับใช้ลำเลียงไปกับร่มชูชีพโดยกองกำลังทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง รอยัล เอนฟิลด์ยังคงผลิตรถรุ่นที่พัฒนาขึ้นในช่วงสงครามมาอย่างต่อเนื่องจนได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนานของรถจักรยานยนต์อันยิ่งใหญ่อย่างรถรุ่น Bullet ในเวลาต่อมา และกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ยังคงมีการผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ด้วยจุดเด่นด้านความทนทานและสามารถใช้งานได้ทุกสภาวะ ชื่อของรอยัล เอนฟิลด์จึงถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่เคียงคู่กับเหล่าทหารกล้าแห่งสมรภูมิรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2” ม.ล.พลอยนภัส กล่าวเสริม
สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016 ในครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ ได้สานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของรอยัล เอนฟิลด์ด้วยการนำเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในยุคสงครามโลกมาถ่ายทอดดีไซน์ใน รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ยุคสมัยปัจจุบัน โดยสำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต (Libero Moto) หลากหลายรุ่นดังนี้
1. รถ Custom Royal Enfield Classic 500 Side Car
รถคัสตอมแบบพ่วงข้างกลิ่นอายสมัยสงครามโลก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน ทั้งชิลด์หน้าทรงสูง กันชนหน้าสแตนเลส ระบบดิสก์เบรคลิงค์กับเบรคหลัง ระบบสัญญาณหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย กล่องเก็บของพร้อมตะแกรงหลัง รวมถึงเบาะที่นั่งพร้อมเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 255,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic 500 Side Car และราคา 269,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic Chrome Side Car
2. รถ Custom Royal Enfield Continental GT White
อิสรภาพที่แลกมาซึ่งความเสียสละของเหล่านักรบ ทั้งหลาย โดดเด่นด้วยตัวถังน้ำมันสีขาวคาดดำ มาพร้อมแผงคอบนล่าง และบังโคลนหน้าหลังสีเงิน นอกจากนี้ ยังให้ความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันผ่านการคัสตอมองค์ประกอบต่างๆ ทั้งก้านเบรค คลัช แฮนด์ ปลอกแฮนด์ กระจกปลายแฮนด์ทรงกลม ฝาครอบด้านข้างซ้ายขวา ยางหุ้มโช้ค ชุดเกียร์โยง และไฟท้ายใน โทนสีดำ เบาะยาว
สะดวกกับคนซ้อนมากขึ้น ล้อรางนี้พร้อมชุดซี่ลวดขอบ 17 นิ้วหน้าหลังสีเงิน ท่อจาก สำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 289,800 บาท
3. รถ Custom Royal Enfield Classic Flying Tigers
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝูงบินของนักบิน อาสาสมัครช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีสัญลักษณ์รูปฉลามบนส่วนหัวของเครื่องบินรบ P-40 เพื่อใช้ในการข่มขวัญคู่ต่อสู้ ทั้งนี้ เพื่อ เป็นการรำลึกถึงผู้กล้าที่ฝ่าฟันข้าศึก รถคัสตอม Classic Flying Tigers คันนี้ จึงมีการใช้ถังน้ำมันรูปฉลาม ซึ่งมีงานตัวอักษรที่ฝาครอบและกรองอากาศแบบเดียวกับเครื่องบินรบ P-40 พร้อมของแต่งทั้งมือเบรคคลัทช์ ไฟเลี้ยว ท่อ Fully System จาก ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 218,800 บาท
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีการเผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล
เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน (Royal Enfield Continental GT Green) รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน (Royal
Enfield Classic Chrome Green) และ รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู (Royal Enfield Classic Squadron
Blue) รวมถึง รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์ (Royal Enfield Bullet Marsh Grey) รุ่นต่างๆเหล่านี้ยังมีดีไซน์ที่คงความเป็นตำนานคลาสสิคได้อย่างชัดเจน
สำหรับแคมเปญพิเศษในงาน Motor Expo 2016 ครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์จะมอบหมวกนิรภัย Open Face ทรงคลาสสิควินเทจสีดำ ขอบหมวกหุ้มด้วยหนังแท้สีน้ำตาล มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ -12 ธันวาคม 2559 โดยสามารถจองได้ทั้งภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ และที่ รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ
รอยัล เอนฟิลด์มอบหมวกนิรภัย Open Face ทรง คลาสสิควินเทจสีดำ มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท
เผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน, รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์, รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน และรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู
ภาพข่าว (จากซ้ายไปขวา) : รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ร่วมถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก เปิดตัวสีใหม่และแนะนำ รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ในมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33 โดยมี คุณวราทิพย์ เชยศักดิ์ (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล เอ็กซ์โป จำกัด และคุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านปฏิบัติงาน ทั่วไปของงานมหกรรมยานยนต์ ให้เกียรติถ่ายรูปร่วมกับ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่าย รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ และนีโน่-เมทนี บุรณศิริ (ที่ 4 จากซ้าย) ณ บูธ รอยัล เอนฟิลด์
กรุงเทพฯ, พฤศจิกายน 2559 - รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก ลงบนรอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ พร้อมเปิดตัวรถรอยัล เอนฟิลด์รุ่นใหม่ เซอร์ไพรส์ แคมเปญพิเศษในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016
ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ กล่าวว่า “รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสไตล์รถทหารที่ใช้ในสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2”
“รอยัล เอนฟิลด์เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสัญชาติอังกฤษที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลกถึง 115 ปี โดยสายการผลิตเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2444 ต่อมาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457 – พ.ศ.2461) ทางรอยัล เอนฟิลด์ได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งแรกด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้แก่กองทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีรถพ่วงข้างติดปืนกลแบบวิคเกอร์ที่สามารถโจมตีทางด้านอากาศ นอกจากนี้รอยัล เอนฟิลด์ยังได้ผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้กับกรมกิจการสงครามอังกฤษและรัฐบาลจักรวรรดิรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกันจนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
(พ.ศ. 2482 – พ.ศ.2488) ทางรอยัล เอนฟิลด์ก็ได้รับคำสั่งให้ช่วยผลิตรถจักรยานยนต์สำหรับกองทหารอังกฤษอีกครั้ง โดยรถคันดังกล่าวถูกเรียกขานโดยเหล่าทหารว่า “เจ้าหมัดบิน” (Flying Flea) ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซี ที่ออกแบบสำหรับใช้ลำเลียงไปกับร่มชูชีพโดยกองกำลังทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง รอยัล เอนฟิลด์ยังคงผลิตรถรุ่นที่พัฒนาขึ้นในช่วงสงครามมาอย่างต่อเนื่องจนได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนานของรถจักรยานยนต์อันยิ่งใหญ่อย่างรถรุ่น Bullet ในเวลาต่อมา และกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ยังคงมีการผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ด้วยจุดเด่นด้านความทนทานและสามารถใช้งานได้ทุกสภาวะ ชื่อของรอยัล เอนฟิลด์จึงถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่เคียงคู่กับเหล่าทหารกล้าแห่งสมรภูมิรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2” ม.ล.พลอยนภัส กล่าวเสริม
สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016 ในครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ ได้สานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของรอยัล เอนฟิลด์ด้วยการนำเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในยุคสงครามโลกมาถ่ายทอดดีไซน์ใน รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ยุคสมัยปัจจุบัน โดยสำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต (Libero Moto) หลากหลายรุ่นดังนี้
1. รถ Custom Royal Enfield Classic 500 Side Car
รถคัสตอมแบบพ่วงข้างกลิ่นอายสมัยสงครามโลก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน ทั้งชิลด์หน้าทรงสูง กันชนหน้าสแตนเลส ระบบดิสก์เบรคลิงค์กับเบรคหลัง ระบบสัญญาณหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย กล่องเก็บของพร้อมตะแกรงหลัง รวมถึงเบาะที่นั่งพร้อมเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 255,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic 500 Side Car และราคา 269,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic Chrome Side Car
2. รถ Custom Royal Enfield Continental GT White
อิสรภาพที่แลกมาซึ่งความเสียสละของเหล่านักรบ ทั้งหลาย โดดเด่นด้วยตัวถังน้ำมันสีขาวคาดดำ มาพร้อมแผงคอบนล่าง และบังโคลนหน้าหลังสีเงิน นอกจากนี้ ยังให้ความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันผ่านการคัสตอมองค์ประกอบต่างๆ ทั้งก้านเบรค คลัช แฮนด์ ปลอกแฮนด์ กระจกปลายแฮนด์ทรงกลม ฝาครอบด้านข้างซ้ายขวา ยางหุ้มโช้ค ชุดเกียร์โยง และไฟท้ายใน โทนสีดำ เบาะยาว
สะดวกกับคนซ้อนมากขึ้น ล้อรางนี้พร้อมชุดซี่ลวดขอบ 17 นิ้วหน้าหลังสีเงิน ท่อจาก สำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 289,800 บาท
3. รถ Custom Royal Enfield Classic Flying Tigers
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝูงบินของนักบิน อาสาสมัครช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีสัญลักษณ์รูปฉลามบนส่วนหัวของเครื่องบินรบ P-40 เพื่อใช้ในการข่มขวัญคู่ต่อสู้ ทั้งนี้ เพื่อ เป็นการรำลึกถึงผู้กล้าที่ฝ่าฟันข้าศึก รถคัสตอม Classic Flying Tigers คันนี้ จึงมีการใช้ถังน้ำมันรูปฉลาม ซึ่งมีงานตัวอักษรที่ฝาครอบและกรองอากาศแบบเดียวกับเครื่องบินรบ P-40 พร้อมของแต่งทั้งมือเบรคคลัทช์ ไฟเลี้ยว ท่อ Fully System จาก ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 218,800 บาท
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีการเผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล
เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน (Royal Enfield Continental GT Green) รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน (Royal
Enfield Classic Chrome Green) และ รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู (Royal Enfield Classic Squadron
Blue) รวมถึง รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์ (Royal Enfield Bullet Marsh Grey) รุ่นต่างๆเหล่านี้ยังมีดีไซน์ที่คงความเป็นตำนานคลาสสิคได้อย่างชัดเจน
สำหรับแคมเปญพิเศษในงาน Motor Expo 2016 ครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์จะมอบหมวกนิรภัย Open Face ทรงคลาสสิควินเทจสีดำ ขอบหมวกหุ้มด้วยหนังแท้สีน้ำตาล มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ -12 ธันวาคม 2559 โดยสามารถจองได้ทั้งภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ และที่ รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ
ซูซูกิ ฮือฮาส่งท้ายปี เปิดตัว 3 โมเดลใหม่ ลุยตลาด 3 เซ็กเมนต์!!! เปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:50
ซูซูกิ ฮือฮาส่งท้ายปี เปิดตัว 3 โมเดลใหม่
ลุยตลาด 3 เซ็กเมนต์!!! เปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป
บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ถึง 3 รุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 ที่จัดขึ้นในวันที่ 1 - 12 ธันวาคมนี้
โดยงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เชื่อมโลก...เชื่อมคน ยานยนต์อัจฉริยะ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ ซูซูกิ ให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อีกทั้งยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค พร้อมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่าให้กับผู้บริโภคให้เข้าถึงได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ซึ่งในงานนี้ ซูซูกิ ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดถึง 3 รุ่น พร้อมกัน โดยทั้ง 3 รุ่น มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์อันหลากหลายให้กับผู้บริโภค โดยเปิดตัวในงานนี้เป็นครั้งแรกเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้นำรถจักรยานยนต์ระดับโลกรุ่นต่างๆ ที่ได้รับความนิยมและยอมรับอย่างกว้างขวางมาจัดแสดง ให้เข้าชมได้อย่างใกล้ชิด พร้อมโปรโมชั่นส่งท้ายปีที่พลาดไม่ได้
ซูซูกิ พร้อมแล้วที่จะเปิดประสบการณ์ให้ทุกท่าน ได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์อย่างใกล้ชิด ขอเชิญทุกท่านเข้ามาเยี่ยมชมที่บูธ ซูซูกิ ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 โซนรถยนต์
ในปีนี้ทุกท่านจะได้พบกับแนวคิดการออกแบบบูธ ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวภายใต้ตราสินค้าจาก ซูซูกิ ที่ได้รวมผลิตภัณฑ์ของซูซูกิไว้ในบูธเดียว โดยในโซนของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ซูซูกิ นั้นได้นำรถระดับพรีเมี่ยมรุ่นต่างๆ มาจัดแสดงไว้อย่างมากมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Passion of Racing” ให้ความรู้สึกเร้าใจและตื่นเต้น ภายในบูธของรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ ซูซูกิ โดยในปีนี้ ซูซูกิ ได้นำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่มาเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย และยังได้นำรถจักรยานยนต์เวอร์ชั่นพิเศษที่เป็นรถจักรยานยนต์ระดับตำนานอย่าง Suzuki GSX1300R Hayabusa มาเปลี่ยนโฉม โดยใช้โค้ดเรียกว่า Suzuki Hayabusa Yoshimura X-1 หรือเรียกสั้นๆว่า Hayabusa X-1 นั่นเอง
นอกจากนี้ ในงานยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ซูซูกิรุ่นต่างๆ มากมาย อีกทั้งเครื่องแต่งกายลิขสิทธิ์แท้จาก ซูซูกิ ที่รอให้ทุกท่านมาสัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของอย่างใกล้ชิด
ปอร์สปอร์ตระดับตำนาน ติดอาวุธให้เข้ากับเทคโนโลยีล่าสุดจาก ซูซูกิ ปรับจูนมาให้พร้อมรับในทุกสภาพถนน สร้างขึ้นเพื่อเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ Naked Sport ในคลาส 750 ซีซี นี่คือ Suzuki GSX-S750 สุดยอดนักล่าสายพันธุ์สปอร์ตอย่างแท้จริง
Suzuki VanVan 200 - Kick the Ground !!!
ลุยทันที...ที่แตะพื้น!!!
Suzuki VanVan 200 รถจักรยานยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์จาก ซูซูกิ ด้วยการออกแบบที่โดดเด่น โดยเน้นที่ความสบายในการขับขี่ ด้วยนิยามคำว่า “กว้างและต่ำ” เป็นพื้นฐาน ที่พร้อมจะเชิญชวนให้คุณออกไปขับขี่โลดแล่นไปได้ตามจินตนาการ ด้วยความกว้าง, ยาวของเบาะนั่ง และรวมไปถึง แฮนด์ที่กว้าง บนฐานล้อ และโครงสร้างของรถที่ยาวผสานได้อย่างลงตัว ในต่ำแหน่งที่กว้างขวางสำหรับการขับขี่ที่ผ่อนคลายในทุกสภาพถนน
ด้วยยางที่หนาขนาดใหญ่ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น ในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนทั่วไป, ขับขี่บนชายหาด หรือถนนตามชนบทเล็กๆ ที่ไม่ได้ลาดยาง คำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว : ความเพียบพร้อม ที่มาพร้อมกับความกะทัดรัด ที่พร้อมรองรับทุกแอ๊คชั่นที่อุทิศให้จิตวิญญาณแห่งอิสรภาพ เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณแห่ง VanVan
Suzuki Raider R150 - สปอร์ตตัวจริง...เร้าใจตั้งแต่แรกเห็น
ที่สุดแห่งรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต ที่ทุกคนให้การยอมรับ
ดีไซน์ใหม่หมดทั้งคัน ตั้งแต่หัวจรดท้าย ดุดัน เท่ ทั้งคัน ด้วยความล้ำสมัยในการออกแบบที่ทำให้ทุกมุมมองโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว เพรียวบาง โดยถอดแบบมาจากรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตอย่าง GSX-R ซีรีย์ ด้วยขุมพลังที่ได้รับการการันตีในความแรงมาแล้วทั้งในสนามแข่งและบนท้องถนน ผสานเทคโนโลยีและขุมพลังเครื่องยนต์ระดับตำนาน ต้นแบบเครื่องยนต์ Twincam 4 Valve DOHC 150 ซีซี พร้อมเติมเต็มความแรง สนองทุกแรงบิดสะใจด้วย ระบบเกียร์ 6 สปีด คลัทช์มือ สุดเร้าใจเกินบรรยาย ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งผลทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน และการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบสูงได้อย่างดีเยี่ยม ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด (Fuel Injection) ใช้หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ 2 - Spray - Type ซึ่งสามารถสูบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าตรงไปยังวาล์วไอดีทั้งสองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ให้อัตราเร่งตอบสนองแรงบิดในทุกรอบความเร็ว
Hayabusa X-1 (Suzuki GSX1300R Hayabusa Yoshimura X-1)
ที่สุดของความแรง ในการจับมือกันระหว่างสำนักแต่งชื่อดังและซูซูกิ โปรเจ็คนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยนวัตกรรมของเทคโนโลยีที่ผสานกันอย่างลงตัว เมื่อสำนักแต่งชื่อดังอย่าง Yoshimura จับรถจักรยานยนต์ในตำนานอย่าง Suzuki GSX1300R Hayabusa มาแปลงโฉมพร้อมจูนอัพ เพิ่มความแรงตามสูตรเฉพาะ การันตีด้วยรางวัลแชมป์รายการ All Japan Road Race Championship (X-Formula Class) และรายการ Suzuka 8 Hours World Endurance Championship Race (X-Formula Class) นี่คือ Hayabusa X-1 หรือ Suzuki GSX1300R Hayabusa Yoshimura X-1 ที่ ซูซูกิ นำมาให้คุณชมและสัมผัสถึงความแรงอย่างใกล้ชิด
Suzuki GSX-S1000 “The Pure Sport Roadster”
Suzuki GSX-S1000F “Beyond The Sportbike”
Suzuki GSX-S1000 รถจักรยานยนต์สไตล์ Naked และ Suzuki GSX-S1000F รถจักรยานยนต์สไตล์ Full Fairing ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์แนวสปอร์ตไบค์สมรรถนะสูง และมีกำลังแรงในทุกย่านความเร็ว ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและบังคับรถได้อย่างแม่นยำ เฉียบคม นอกจากนั้นยังมีความแข็งแรง ทนทานเป็นเลิศ และยังได้รับการถ่ายทอดทางวิศวกรรมจากรถแข่ง MotoGP สู่รถจักรยานยนต์ทางเรียบสไตล์สตรีทสปอร์ต
Suzuki GSX-S1000 รถจักรยานยนต์สไตล์ Naked ที่ได้รับการออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รูปทรงโดดเด่น ปราดเปรียด แต่ดุดัน และ Suzuki GSX-S1000F รถจักรยานยนต์สไตล์ Full Fairing ที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ให้ดูเซ็กซี่ เพรียวบาง แต่แข็งแกร่ง ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมไฟหน้าโคมคู่แบบ มัลติรีเฟลกเตอร์ ส่องสว่างไกล มั่นใจทุกเส้นทาง
ซึ่งทั้งคู่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 999 ซีซี DOHC 4 จังหวะ 4 สูบ และได้ปรับองศาเพลาลูกเบี้ยวใหม่ โดยเพิ่มทอร์คในรอบต่ำและกลาง ทำให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองอัตราเร่งได้เต็มประสิทธิภาพ และมีอัตราเร่งที่ดีในความเร็วรอบต่ำและกลางเป็นเยี่ยม ทำให้ขับขี่ได้สนุกสนาน และมีเสียงคำรามที่ดุดัน พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม
SV650 “Back to Its Origin”
คอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบรถจักรยานยนต์ซูซูกิ SV650 ใหม่นี้ คือการถ่ายทอดและส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ V-Twin และความเพรียวบางที่เรียบง่ายและน้ำหนักเบา
ที่สุดแห่งสุดยอดเครื่องยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง V-Twin 90 องศา 2 สูบ สมรรถนะเยี่ยม ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และสามารถพาคุณโลดแล่นไปบนเส้นทางแห่งความเร้าใจ ตอบสนองการขับขี่ได้ทุกรูปแบบ และสำหรับในปี 2016 นี้ ซูซูกิขอแนะนำ Suzuki SV650 ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์สมรรถนะที่สูงขึ้น พร้อมประหยัดน้ำมันเพลิงสูงสุดในคลาสเดียวกัน น้ำหนักเบา และรูปลักษณ์ทรงสปอร์ต เร้าใจ
ซูซูกิ SV650 มีน้ำหนักเพียง 197 กก. โดยมีชิ้นส่วนใหม่มากกว่า 70 ชิ้นส่วน และมีโครงสร้างที่เพรียวบางโครงสร้างตัวถังได้มีการออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา คล่องตัวเพื่อให้ขับขี่สนุกพร้อมกับสัมผัสความรู้สึกที่หลากหลาย และเป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุดในโลกแห่งความเป็นจริง มีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม สามารถตอบสนองทุกความต้องการบนท้องถนน เรือนไมล์มีการออกแบบใหม่โดยแสดงผลด้วย Full LCD แบบ Multi-Function Instrument Panel ที่แสดงผลอย่างครบครัน โดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลมแบบ Multi-Reflector ส่องสว่าง ชัดเจน แม้ในเวลากลางวัน พร้อมไฟท้ายรูปทรงเพรียวบางสวยงามแบบ LED ซึ่งมีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างที่ชัดเจน สวยงามสไตล์สปอร์ต
Suzuki Gladius 650 – Get Your New Own Style
รถจักรยานยนต์สไตล์ Naked ตัวจริง กับรูปลักษณ์ที่สง่างาม โฉบเฉี่ยว ที่ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่สนุกสนานได้ ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของซูซูกิ สามารถผสมผสานรูปลักษณ์ที่สวยงาม และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เข้ากันเป็นหนึ่งเดียว นี่คืออิสรภาพที่ไร้ขีดจำกัดครั้งใหม่ที่คุณจะไม่อาจลืม ด้วยเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงแบบ V-Twin 90 องศา 2 สูบ 4 จังหวะ DOHC ขนาด 645 ซีซี สามารถเติมเต็ม การขับขี่ที่สนุกสนานให้กับชีวิตคุณ ตอบสนองอัตราเร่ง ได้อย่างดีเยี่ยม เต็มประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การดีไซน์ที่ลงตัวในทุกมุมมอง รูปลักษณ์ที่โค้งมนอย่างลงตัว เฟรมที่กระชับ และมีรายละเอียดที่มีเสน่ห์ต่อนักขี่ทุกระดับ ส่องสว่างกว้างไกลแม้ในยามค่ำคืนด้วยไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ท่อไอเสียแบบอะลูมิเนียม โดดเด่นสวยงามสะดุดตา และเฟรมถักที่เป็นเอกลักษณ์ของ Suzuki Gladius
Suzuki V-Strom 1000 ABS – All Adventure No Compromises
สู่การผจญภัยที่ไร้ขีดจำกัดไปกับ Suzuki V-Strom 1000 ABS จะพาคุณโลดแล่นผ่านอุปสรรคและความเร้าใจของการขับขี่ในทุกๆ สภาพถนน ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังแบบ DOHC 4 จังหวะ ขนาด 1,037 ซีซี V-Twin 90 องศา 6 สปีด มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมติดตั้งระบบ Traction Control เพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถ ป้องกันการลื่นไถลในทุกเส้นทาง พร้อมระบบเบรก ABS เพิ่มความมั่นใจในการ ขับขี่ ระบบกันสะเทือนหน้า Inverted Telescopic แบบปรับได้และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Link Type สปริงแบบพรีโหลดที่สามารถปรับค่าได้ ทำให้การขับขี่ ผจญภัยเป็นเรื่องสนุกและเร้าใจในทุกๆ ท้องถนน
Suzuki V-Strom 650XT ABS - Escape Anywhere
การเดินทางเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพท้องถนนแบบไหน Suzuki V-Strom 650XT ABS ก็สามารถนำพาคุณไปถึงที่หมายอย่างง่ายดาย ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ V-Twin 90 องศา DOHC ขนาด 645 ซีซี ที่ได้ถูกพัฒนาองศาแคม, เพลาลูกเบี้ยวและสปริงวาล์วมาอย่างดี ให้ประสิทธิภาพแรงบิดอันทรงพลังและมีอัตราเร่งที่ดีในรอบความเร็วต่ำและกลางเป็นเยี่ยม พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด และติดตั้ง Suzuki Dual Throttle Valve (SDTV) ที่มีประสิทธิภาพในการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างแม่นยำ ทำงานร่วมกับกล่องสมองกล (ECU) มีหน่วยความจำ 32 Bit เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ อีกทั้งยังจุดระเบิดเต็มประสิทธิภาพด้วยหัวเทียนคู่แบบอิริเดียม จึงสตาร์ทติดง่าย ตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจและยังช่วยลดมลพิษของเสียอีกด้วย Suzuki V-Strom 650XT ABS มาพร้อมล้อซี่ลวดที่สามารถซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดีในทุกๆ สภาพถนน มั่นใจด้วยระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้ผู้ขับขี่ ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าทุกการเดินทางเป็นเรื่องที่ ท้าทาย
Suzuki V-Strom 650 ABS – Time For Real Adventures
ถึงเวลาของการผจญภัยที่แท้จริงกับ Suzuki V-Strom 650 ABS ด้วยเครื่องยนต์แบบ V-Twin 90 องศา DOHC ขนาด 645 ซีซี 4 จังหวะ โครงสร้างตัวถังแบบทวิน-สปา อะลูมิเนียมอัลลอยด์ และสวิงอาร์ม ที่ได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา และแข็งแรง พร้อมล้อแม็กอะลูมิเนียมแบบ 3 ก้าน ช่วยให้การทรงตัวเป็นเยี่ยมแม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบเบรกหน้าแบบ Twin Disc ขนาด 310 มิลลิเมตรและหลังแบบ Single Disc ขนาด 260 มิลลิเมตร มาพร้อมระบบเบรก ABS หน้า-หลัง ช่วยป้องกันล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้ ผู้ขับขี่ ที่พร้อมจะนำทุกท่านไปสู่การเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างที่ต้องการ
Suzuki Boulevard Classic Rumble – Modern Comfort
ด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ V-Twin 45 องศา 4 จังหวะ 4 วาวล์ / 1 สูบ ขนาด 805 ซีซี พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้แรงบิดได้เต็มพิกัด อีกทั้งยังได้นำเทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดที่มีประสิทธิภาพทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมระบบจุดระเบิดที่ทันสมัยแบบ 3D-Mapped Digital ซึ่งทำงานร่วมกับ Throttle-Position Sensor ส่งผลให้สมรรถนะของเครื่องยนต์มีแรงบิดที่ดีเยี่ยมในรอบต่ำและกลาง มาพร้อมระบบเกียร์ 5 สปีด การออกแบบของ Suzuki Boulevard นั้นถูกออกแบบมาเพื่อสื่อถึงความหรูหรามีระดับและความสง่างามในการขับขี่ ผสมผสานความดิบได้อย่างลงตัว ตามสไตล์ครูสเซอร์พันธุ์แท้ตั้งแต่หัวจรดท้าย ชิ้นส่วนต่างๆ ชุบโครเมี่ยมรอบคัน พร้อมกับโคมไฟหน้าทรงกลมแบบ Multi-Reflector ส่องสว่างกว้างไกล, ไฟท้ายแบบ LED สวยสง่าชัดเจน มั่นใจด้วยระบบเบรกแบบดิสก์เบรกหน้ามาพร้อมคาลิเปอร์ 2 พอร์ต แผงหน้าปัดสุดคลาสสิกถูกนำมาติดบนถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนขณะขับขี่ นี่คือคำตอบของนักขับขี่สไตล์ครูสเซอร์ที่เฝ้ารอมานาน
อีซูซุจัดทัพยนตรกรรม “อีซูซุบลูเพาเวอร์” หลากรุ่นร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่
Posted by Contemporary industry
Posted on 19:05
อีซูซุจัดทัพยนตรกรรม “อีซูซุบลูเพาเวอร์” หลากรุ่นร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่
อีซูซุจัดทัพยนตรกรรมตระกูล “อีซูซุบลูเพาเวอร์” หลากรุ่น อาทิ “อีซูซุดีแมคซ์ บลูเพาเวอร์” “อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์” และ “ใหม่สุด! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4” สปอร์ตออฟโรดที่พลิกโฉมหน้าดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เข้มขึ้นทุกองศา ร่วมโชว์โฉมในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ต่อยอดความสำเร็จของ “ปรากฏการณ์ อีซูซุ บลูเพาเวอร์” นวัตกรรมเปลี่ยนโลกที่ยังครองใจผู้ใช้รถชาวไทยอย่างเหนียวแน่น และกวาดยอดขายสูงสุดสวนกระแสเศรษฐกิจนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน
กลุ่มตรีเพชร โดยคุณปนัดดา เจณณวาสิน กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุได้นำยนตรกรรมในตระกูล “อีซูซุบลูเพาเวอร์” หลากรุ่น ครบทุกเครื่องยนต์มาจัดโชว์ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 นี้ด้วย นำโดย “อีซูซุ ดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ขุมพลังใหม่ของเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคตที่มาพร้อมชุดเกียร์ใหม่ออโตเมติก 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ยังได้รับการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยจุดเปลี่ยนใหม่ของดีไซน์ที่หรูหรา ทันสมัย พร้อมความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นเทคโนโลยีการใช้งาน และความปลอดภัยที่มากขึ้น “อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” รถปิกอัพสายพันธุ์สปอร์ตเรซซิ่งสุดเร้าใจ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์” รถยนต์นั่งอเนกประสงค์สุดหรู ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่น และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย พร้อมมอบความมั่นใจในการขับขี่กับระบบความปลอดภัยรอบด้าน และรถรุ่นล่าสุด “ใหม่สุด! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4” สปอร์ตออฟโรดตัวจริงที่สมบูรณ์แบบที่มาพร้อมกับขุมพลังบลูเพาเวอร์ และรูปลักษณ์ที่ปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมความสะดวกสบายหรูหราของห้องโดยสารใหม่ ผสานสุดยอดสมรรถนะของรถออฟโรดที่พร้อมลุย โดยนำมาจัดแสดงให้ผู้ที่สนใจเลือกหา และจับจองอย่างใกล้ชิด”
“อีซูซุบลูเพาเวอร์” มาพร้อมกับขุมพลังใหม่ที่สะท้อนถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคต ด้วย 2 ขุมพลัง ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,900 ซีซี ที่ให้สมรรถนะสูงกว่า ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที ค่าแรงเสียดทานต่ำสุด ระดับเสียงเครื่องยนต์ต่ำสุด ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ต่ำสุด และค่าบำรุงรักษาต่ำสุด แต่ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้าน ทั้งแรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุด ทนทานสูงสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูงสุดในรถระดับเดียวกัน พร้อมทางเลือกที่ให้กำลังเป็นพิเศษกับเครื่องยนต์ อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ขนาด 3,000 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที นอกจากนี้อีซูซุยังได้พัฒนาระบบส่งกำลังใหม่หมดเพื่อรองรับขุมพลังใหม่ ทั้งเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด ขับขี่นุ่มนวล พร้อมโหมด Rev Tronic ขับขี่แบบสปอร์ต และเกียร์ธรรมดา 6 สปีดพร้อม Genius Sport Shift โดยเป็นเกียร์เดินหน้า 6 สปีด ที่มาพร้อมกับ Overdrive ถึง 2 ตำแหน่ง ที่เกียร์ 5 และ 6 เพื่อส่งถ่ายกำลังได้เต็มประสิทธิภาพและให้ความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ในรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ถ่ายทอดพลังสูงสุด ทนทานเหนือชั้น
สำหรับรถที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ประกอบด้วย
“อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ล่าสุดได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์หรูหรา ออกแบบภายในใหม่! ต่อยอดความสะดวกสบายและทันสมัยขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฟังก์ชั่นเทคโนโลยีการใช้งาน และความปลอดภัยที่มากขึ้น ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรุ่นแตกต่างกันไป อาทิ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อม Silver Ring เท่สะดุดตายิ่งกว่าเดิม พร้อม ไฟซูเปอร์เดย์ไลท์ แบบ Built-in เร้าใจสุดด้วยพวงมาลัย Multifunction ควบคุมเครื่องเสียงและสั่งการจากบนพวงมาลัย ชุดตกแต่งคอนโซลกลาง และดีไซน์ขอบข้างประตูสี Piano Black พร้อมมือจับด้านในสีโครม สปอร์ตหรูด้วยที่พักแขนแบบ Soft Pad ที่คอนโซลกลางและข้างประตู นุ่มสบาย ให้ความรู้สึกเดียวกับรถยนต์นั่งระดับหรู ช่อง USB ชาร์จไฟ ขนาด 5 โวลต์ 1 แอมป์ 1 จุดที่ด้านหน้า และด้านหลังคอนโซลกลาง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control สะดวกสบายยิ่งกว่า ด้วยระบบช่วยขับขี่บนเส้นทางไกล ช่วยควบคุมความเร็วให้คงที่อัตโนมัติ มีให้ครบทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ใหม่ล่าสุด! กับชุดความบันเทิงจาก KENWOOD พร้อม Built-in Navigator หน้าจอใหม่ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว ระบบสัมผัส Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน ผ่าน Wifi Dongle และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)
“ใหม่สุด! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4” สปอร์ตออฟโรดที่จะเปลี่ยนทุกนิยามของการลุย ด้วยที่สุดแห่งปรากฏการณ์แห่งออฟโรด เข้มขึ้นทุกองศา เท่ขึ้นทุกมุมมอง ทรงพลังรอบคันกับสมรรถนะการลุยที่เหนือชั้น ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยชุดแต่งพิเศษดีไซน์ใหม่ เท่ เข้ม โทนเทาดำเต็มทุกมิติ ทั้งโลโก้ V-Cross ด้านข้างประตู กระจกมองข้าง กรอบไฟตัดหมอก ราวเหล็กหลังคา บันไดข้าง กันชนท้าย และ Blackout เสาข้างประตู ใหม่! ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อม SILVER RING คิ้วขอบฝากระโปรงหน้า และกระจังหน้าโทนเทาดำ FRONT GUARD สีทูโทน Fender Lip พร้อม Side Molding และชุดแต่งกระบะท้าย Robust Extender พร้อม Bed Liner เช่นเดียวกับรถ SUV ระดับหรูเสริมความบึกบึนเติมเต็มมิติตัวรถล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ! ขนาด 18 นิ้ว 6 ก้าน ภายในสมบูรณ์แบบในทุกมิติ ใหม่! เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สไตล์ทูโทน น้ำตาล-เทา เดินด้ายสีส้ม พร้อมโลโก้ V-Cross พวงมาลัยแบบ Dual Sport Pattern เดินด้ายสีส้ม พร้อมสวิตช์ Multifunction ดีไซน์ขอบข้างประตู สี Bronze Metallic ต่อเนื่องกับมือจับประตูด้านในสีโครม ชุดตกแต่งคอนโซลกลาง สี Piano Black ที่พักแขนแบบ Soft Pad ที่คอนโซลกลางและข้างประตู พร้อมช่อง USB ชาร์จไฟ ขนาด 5 โวลต์ 1 แอมป์ 2 จุด สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมอัพเดทล่าสุดกับชุดความบันเทิงจาก KENWOOD พร้อม Built-in Navigator หน้าจอใหม่! ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว และใหม่! Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน ผ่าน Wifi Dongle ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์อีซูซุ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ขนาด 3,000 ซีซี 177 แรงม้า มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด แบบ Rev Tronic และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เรียกพลังออฟโรดตัวจริงเพื่อลุยฝ่าทุกอุปสรรค ทนทาน มั่นใจ ปรับได้ตามใจสั่งตามแบบฉบับออฟโรดพันธุ์แท้ อีกขั้นของนวัตกรรมความปลอดภัยด้วย HDC (Hill Descent Control) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน กับ Terrain Command สวิตช์ปรับระดับ การขับเคลื่อนระหว่าง 2 ล้อและ 4 ล้อด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานรวดเร็วแม่นยำ ทนทานตามแบบฉบับออฟโรดพันธุ์แท้
“อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” ปลุกทุกหัวใจสปอร์ตตัวจริงให้โลดแล่นไปกับมิติแห่งดีไซน์ที่ล้ำสมัย ดีไซน์โดดเด่นในโทนดำ-แดงสุดเร้าใจอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีให้เลือกถึง 2 รุ่น ทั้งรุ่น สปีด (SPEED) ปิกอัพสำหรับสปอร์ตเรซซิ่งตัวจริง และรุ่น ไฮแลนเดอร์ (HI-LANDER) ปิกอัพสายพันธุ์สปอร์ตพรีเมี่ยม หรูหราอย่างมีสไตล์ ภายนอก โดดเด่นด้วยชุดแต่งพร้อมเส้นสายสีแดงเสริมความเข้มสะกดทุกสายตา กระจังหน้าดีไซน์ใหม่! มาพร้อมกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ สว่างคมชัด ดีไซน์รับกับด้านหน้าอย่างลงตัว โฉบเฉี่ยวเร้าใจขึ้นอีกขั้นด้วยสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง สำหรับ “อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” รุ่นสปีด (SPEED) ใหม่! ลายคาด คู่หน้า-หลังสุดสปอร์ต ชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน สะกดทุกสายตาด้วยสเกิร์ตหน้า-หลังตกแต่งด้วยสีแดง ไฟท้ายรมดำ สปอร์ตดุดัน ดีไซน์ภายในสีดำ-แดงสุดเร้าใจ มาพร้อมกับชุดแต่งคอนโซลและแผงข้างประตูสีแดงพร้อมสัญลักษณ์ X สุดเท่ และเบาะนั่งสีดำแดงดีไซน์โอบกระชับ และ “อีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” รุ่นไฮแลนเดอร์ (HI-LANDER) ภายนอกโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์หน้าสี Light Grey ตัดกับเส้นสายสีแดง เสริมความเข้มดุดันด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่! ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบในสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม เติมเต็มทุกความเร้าใจในการขับขี่ ด้วยชุดแต่งคอนโซลและแผงข้างประตูสี Dark Grey พร้อมสัญลักษณ์ X และเบาะหนังดีไซน์หรู สปอร์ตเท่ด้วยด้ายแดง พร้อมสัญลักษณ์ X-SERIES สปอร์ตเหนือชั้นด้วยหน้าปัดเรืองแสง Super Vision ดีไซน์แบบ 3D Shape Point และมาตรวัดเรืองแสงแบบ Color Display MID ทั้ง 2 รุ่น
“อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์” รถอเนกประสงค์สุดหรู ครั้งแรกของการนำเครื่องยนต์ขนาด 1,900 ซีซี มาใช้ในรถอเนกประสงค์ เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะกับขุมพลังล่าสุดในเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ นวัตกรรมเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคต ให้ความแรงที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ ทำงานเงียบสุด ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในรถระดับเดียวกัน โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ และเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ มีให้เลือกทั้งชุดเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมให้ทุกการขับขี่นุ่มสบาย และอุ่นใจไปกับระบบ 5-Link Suspension ให้เสถียรภาพการขับขี่ที่มั่นคงและนุ่มนวล ดีไซน์ภายนอก ในสไตล์ Urbanology Exterior ที่ดูงามสง่าภูมิฐานในทุกมิติ ด้วยกระจังหน้าแบบ 3-Dimension ไฟท้ายดีไซน์พิเศษแบบ Arc-dimension สัมผัสทุกสุนทรียภาพในทุกการเดินทางกับภายในหรูหราสไตล์ Modern Art Deco เติมเต็มความสุขให้แก่คนรอบข้างด้วยภายในห้องโดยสารที่กว้างสบายด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ โทนห้องโดยสารสีเข้มอารมณ์สปอร์ต ตกแต่งพิเศษด้วยสี Hi-gloss Black และ Chromium พร้อมการออกแบบอุปกรณ์การใช้งานภายในห้องโดยสารด้วยแนวคิด Isuzu Universal Design มั่นใจอีกขั้นกับระบบเบรกพื้นฐานแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ระบบ ABS พร้อม EBD และ BA ระบบควบคุมการทรงตัว ESC/ TCS และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA เพิ่มความมั่นใจอีกขั้นสำหรับการเดินทางด้วยกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อม Built-in Safety Camera กล้องบันทึกวิดีโอขณะขับขี่แบบ Full-HD สะดวกสบายอีกระดับด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control (ในรุ่นเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี)
สะกดทุกสายตากับ อีซูซุมิว-เอ็กซ์ สีขาวมุก เอเวอเรสต์ (Everest Pearl White) เครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ตกแต่งพิเศษด้วยสติ๊กเกอร์รอบคัน สปอร์ตหรูหราด้วยล้อขอบ 20 นิ้ว ยี่ห้อ TAM รุ่น TM293 ขนาด 9.5"x20" ยางยี่ห้อ TOYO รุ่น ST2 ขนาด 265/50R20 และน็อตล้อ ขนาด 1.5 นิ้ว สีดำอโนไดซ์ โช้คอัพด้านหน้า-หลัง SUB TANK พร้อมสปริงค์พิเศษจาก HOT BITS และท่อไอเสีย HKS รุ่น LEGA MAX TI
พบกับซูเปอร์พรีเซนเตอร์สุดฮอตของอีซูซุ “บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” และ “ก้อง - สหรัถ สังคปรีชา” พร้อมร่วมสัมผัสและทดลองขับ “อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” มาตรฐานใหม่สำหรับรถปิกอัพระดับโลก “ใหม่สุด! อีซูซุดีแมคซ์ V-Cross MAX 4x4” สปอร์ตออฟโรดที่จะเปลี่ยนทุกนิยามของการลุย “อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” รถปิกอัพสำหรับสปอร์ตเรซซิ่งตัวจริง และ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์ บลูเพาเวอร์” ยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู และแคมเพจ์นสุดพิเศษภายในงานที่บูธอีซูซุ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2559 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
The New Volvo S90 ซีดานหรูเรือธงใหม่จากสวีเดนที่กวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก เปิดตัวอย่างอลังการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016 พร้อมควงคู่น้อง Volvo V40 T4 Facelift พรีเมี่ยมสปอร์ตแฮทช์แบ็คเครื่องยนต์ใหม่
Posted by Contemporary industry
Posted on 18:57
The New Volvo S90 ซีดานหรูเรือธงใหม่จากสวีเดนที่กวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก
เปิดตัวอย่างอลังการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016 พร้อมควงคู่น้อง Volvo V40 T4 Facelift พรีเมี่ยมสปอร์ตแฮทช์แบ็คเครื่องยนต์ใหม่
The New Volvo S90 พรีเมี่ยมซีดานระดับเรือธงใหม่ ฉายแววร้อนแรงในงาน “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2016” หลังจากสร้างกระแสฮือฮาและเป็นที่กล่าวขวัญกันทั่วโลก The New Volvo S90 ใหม่คือที่สุดของการออกแบบที่มีความลงตัว รูปโฉมสะกดทุกสายตา ทั้งนวัตกรรม ความสง่าหรูหราอย่างมีเอกลักษณ์ตามแบบสแกนดิเนเวียน ความสะดวกสบาย เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและยังนับว่าเป็นรถที่มีความปลอดภัยมากที่สุดคันหนึ่ง พร้อมเผยโฉม Volvo V40 T4 Facelift ที่มาพร้อมกับโฉมหน้าและหัวใจดวงใหม่ ตอบโจทย์คนรักรถพรีเมี่ยมแฮทช์แบ็ค 5 ประตูสไตล์สปอร์ตที่เปี่ยมด้วยอรรถประโยชน์และสมรรถนะเร้าใจ
นางสาวแอนเนท แอนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งที่ วอลโว่ ภูมิใจนำเสนอรถยนต์วอลโว่รุ่นใหม่ล่าสุด 2 รุ่น ได้แก่ The New Volvo S90 D4 Inscription รถยนต์ซีดานหรูในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม The New S90 ใหม่เป็นรถซีดานหรู 4 ประตู 5 ที่นั่ง เรือธงคันใหม่จากสวีเดน มุ่งกลุ่มเป้าหมายที่มีรสนิยมสูง ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจชั้นนำ ผู้บริหารระดับสูง ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและความก้าวหน้า พวกเขาต้องการรถที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ บ่งบอกสถานะทางสังคมและต้องการเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและทำให้การเดินทางเครียดน้อยลง วอลโว่มีความตั้งใจที่จะให้การมาของ The New S90 ใหม่ ครั้งนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเซ็กเมนต์รถซีดานหรูระดับ พรีเมี่ยม ในราคาแนะนำตลาดที่ 3,990,000 บาท และที่ลืมไม่ได้ คือ Volvo V40 T4 Facelift รถพรีเมี่ยมแฮทช์แบ็ค 5 ประตู สไตล์สปอร์ต ที่ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้สวยสะดุดตามากขึ้น เราเปิดราคาแนะนำตลาดที่ ราคา 1,749,000 บาท สำหรับผู้ที่จองและออกรถภายในปี 2559 นี้เท่านั้น เรามั่นใจว่าด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มาตรฐานความปลอดภัยที่สูง สมรรถนะและความประหยัดที่ไม่เป็นรองใครในตลาด รวมทั้งความพร้อมในการบริการหลังการขายทั่วประเทศ รถทั้งสองรุ่นจะสร้างความพึงพอใจและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน” แอนแนท กล่าว
The New Volvo S90 เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนแนวคิดการออกแบบวอลโว่ คือ Designed Around You โดยคิดคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก The New S90 เป็นรถนั่งซีดานรุ่นใหม่อีกคันหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกกล่าวขวัญถึงมากที่สุด เปี่ยมด้วยบุคลิกสง่าภูมิฐาน สวยหรูในสไตล์รถสแกนดิเนเวียน มิใช่แค่บุคลิกและความหรูหราสะดวกสบายเท่านั้น แต่เป็นนวัตกรรมยานยนต์ความปลอดภัยระดับโลกและมีเทคโนโลยีล้ำสมัย
โครงสร้างตัวรถออกแบบโดย Scalable Product Architecture (SPA) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มการออกแบบทางวิศวกรรมที่นำสมัยที่สุดของวอลโว่และได้นำมาใช้กับรถวอลโว่ซีรี่ย์ 90 รุ่นใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มเนื้อที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางขึ้นและยังช่วยลดน้ำหนักโดยรวมของตัวรถ ประโยชน์ที่ได้ ก็คือ เพิ่มสมรรถนะ ประหยัดเชื้อเพลิง ลดมลภาวะ คล่องตัวและขับขี่ง่าย ทั้งนี้ไม่สูญเสียความแข็งแรงปลอดภัย เพราะใช้วัสดุที่มีแข็งแกร่งสูง เช่น เหล็กกล้าโบรอน (Ultra-High Strength BORON Steel) ทนการบิดและยืดหยุ่นตัวได้สูงมาก และอื่นๆ เป็นต้น
การออกแบบ
ด้านหน้าวอลโว่ S90 ใหม่ได้รับการปรับโฉมหน้าใหม่ให้แฝงด้วยความมั่นใจในแบบฉบับของวอลโว่ โดยมีการออกแบบที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ อันได้แก่ รูปทรงไฟหน้าที่จำลองแบบ “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor Hammer) แบบแอลอีดีผนวกกับกระจังหน้าสวยหรูพร้อมตราโลโก้ iron mark รูปแบบใหม่ของวอลโว่ และโคมไฟท้ายรูปตัว C พร้อมตัวอักษร Volvo ที่ด้านท้ายรถ ตัวถังที่ล่ำสัน แนวไหล่ที่กว้าง สะท้อนความทรงพลัง Volvo S90 ใหม่มีตัวถังยาวและกว้างที่สุดในบรรดารถยนต์นั่งซีดานพรีเมี่ยม ตัวถังยาว 4,963 มม. กว้าง 1,879 มม. สูง 1,443 มม. ฐานล้อ (Wheelbase) 2,941 มม.
The New Volvo S90 D4 Inscription ใหม่ มีสีภายนอกจำนวน 5 สี และภายในจำนวน 2 สี
ภายนอก
สีภายใน/สีเบาะ
สีดำเมทัลลิค (Onyx Black Metallic)
Charcoal /Amber
สีทองเมทัลลิค (Luminous Sand Metallic)
Charcoal /Charcoal
สีขาว (Ice white Solid)
Charcoal /Amber
สีเทาเมทัลลิค (Osmium Grey Metallic)
Charcoal /Amber
สีฟ้าอ่อนเมทัลลิค (Mussel Blue Metallic)
Charcoal /Charcoal
การออกแบบตกแต่งภายในได้นำสไตล์ของ Volvo XC90 มายกระดับขึ้นอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัดที่ออกแบบใหม่ที่แสดงผลกราฟฟิกที่มีสีสันขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ภายในรถตกแต่งด้วยลายไม้ธรรมชาติสไตล์สแกนดิเนเวียน เบาะหนังแท้ Nappa นุ่มเนียนพิเศษต่อการสัมผัส ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและนั่งได้สบายทั้งผู้ขับและผู้นั่งตลอดการเดินทาง หน้าจอสัมผัสขนาด 9.0 นิ้วเหนือคอนโซลกลาง พิถีพิถันแม้กระทั่งปุ่มปรับทิศทางของช่องลมแอร์แนวตั้งที่ขัดเกลาเคลือบด้วยโลหะรูปทรงเพชร ระบบกรองอากาศ Clean Zone ที่ดักละอองฝุ่น เกสรดอกไม้ อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ และสูดสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในรถที่บริสุทธิ์สะอาดเหมือนที่สวีเดน แม้จะเป็นรถยนต์นั่งซีดาน 4 ประตูคันใหญ่ แต่ก็ไม่ลืมคุณสมบัติด้านอรรถประโยชน์ เช่น ช่องเก็บของรอบห้องโดยสาร ที่คอนโซลกลาง และที่วางแขนกลางเบาะหลัง พนักพิงเบาะหลังแยกพับราบได้ 60/40% เพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระ ขณะเดียวกันก็สามารถนั่งโดยสารฝั่งหนึ่งใดของเบาะหลัง
เทคโนโลยี Sensus Connect และระบบเสียงขั้นเทพของ Bowers & Wilkins:
วอลโว่ใหม่ทุกรุ่นติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมสัญญาณสั่งการและสื่อสารผ่านดาวเทียม เรียกชื่อเฉพาะว่า Sensus Connect ระบบแรกของโลกที่เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ในเครือข่าย iOS เช่น iPhone ได้โดยซอฟท์แวร์ที่มากับตัวรถ บังคับควบคุมที่ปุ่มสัมผัสบนแกนพวงมาลัยรถ และ การสั่งการด้วยเสียง Voice Control ของผู้ขับขี่ แสดงข้อมูลบนหน้าจอแสดงผลขนาด 9.0 นิ้ว ทันสมัย สะดวกสบาย และเสริมขับขี่ปลอดภัย ไม่เพียงเท่านั้น วอลโว่ S90 ใหม่ยังติดตั้งเครื่องเสียงติดรถยนต์ “Premium Sound by Bowers & Wilkins” สเตอริโอรอบทิศทางที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดเป็นมิติฟังนุ่มหูที่สุดของโลก ระบบเสียงชั้นนำชุดนี้มาพร้อมกับแอมพลิฟายเออร์ 1,400 วัตต์ 12-แชนเนล คลาส-ดี และลำโพง 19 ตัวรอบห้องโดยสาร สามารถเลือกฟังได้ 3 โหมด ได้แก่ Studio, Individual Stage, และ Gothenburg Concert Hall ที่สร้างสรรค์ประสบการณ์การได้ยินเหมือนนั่งอยู่ใน Gothenburg Concert Hall
Intellisafe ความปลอดภัยอัจฉริยะของโลก:
ระบบความปลอดภัยของวอลโว่ หรือ Intellisafe ควบรวมระบบความปลอดภัยทั้งในป้องกันและปกป้อง The New VolvoS90 ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีระดับแถวหน้าที่วอลโว่มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งและยังเป็นจุดขายของวอลโว่ แสดงออกถึงความเป็นผู้นำที่ล้ำหน้าในการพัฒนาและออกแบบรถยนต์ นั่นคือระบบ Pilot Assist เจนเนอร์เรชั่นที่ 2 เป็นระบบช่วยในการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ระบบนี้ช่วยในการบังคับและควบคุมพวงมาลัย และจะปรับตำแหน่งของรถให้วิ่งอยู่กึ่งกลางของเส้นขีดเลนบนท้องถนน ซึ่งฟังก์ชันดังกล่าวจะทำงานที่อัตราความเร็วสูงสุดที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ต้องอาศัยรถคันหน้าอีกต่อไป ทั้งนี้ Pilot Assist เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญไปสู่วิสัยทัศน์ของวอลโว่ที่ว่า “ในปีค.ศ. 2020 จะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสในรถวอลโว่รุ่นใหม่” นอกจากนี้ The New Volvo S90 ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยอันเป็นนวัตกรรมของโลก คือ ระบบป้องกันรถยนต์วิ่งออกนอกช่องทาง (Run-Off Road Mitigation) ทำงานในย่านความเร็ว 65-140 กม./ชม. รวมทั้งระบบ City Safety ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจจับสัตว์ขนาดใหญ่ (Large Animal Detection) ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่นำระบบเหล่านี้ติดตั้งในรถยนต์นั่งซีดาน เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยตลอดการเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน
ระบบส่งกำลังเทคโนโลยี Drive-E:
นอกจากเทคโนโลยีล้ำสมัยอันเป็นนวัตกรรมดังกล่าวแล้ว ในด้านของสมรรถนะและความประหยัดเชื้อเพลิงของ The New Volvo S90 ใหม่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
Volvo Drive-E Powertrain ที่ติดตั้งใน The New Volvo S90 D4 Inscription ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ทวินเทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง ขนาดความจุ 2,000 ซี.ซี. เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ(DOHC.) พร้อมเทคโนโลยีระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงอัจฉริยะ i-ART กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,250 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 8 สปีดพร้อมเกียร์ทรอนิค (Geartronic) และ 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ Comfort mode(เน้นความสะดวกสบาย), Eco mode(เน้นความประหยัดเชื้อเพลิง), Dynamic mode(เน้นสมรรถนะ), และ Individual mode(ปรับตั้งโปรแกรมขับขี่และน้ำหนักพวงมาลัยได้ตามต้องการ) สมรรถนะโดยรวม คือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 8.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยในเมืองนอกเมือง 19.6 กม./ลิตร ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 133 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร
วอลโว่ เผยโฉม V40 T4 Facelift พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ในไทยที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016
วอลโว่ ขอแนะนำ Volvo V40 T4 Facelift รถพรีเมี่ยมแฮทช์แบ็ค 5 ประตูสไตล์สปอร์ตรุ่นใหม่ ด้วยรายละเอียดตัวรถที่ปรับปรุงใหม่หลายจุด เสริมการออกแบบตามสไตล์สแกนดิเนเวียที่เป็นเอกลักษณ์ ผนวกกับคุณลักษณะเด่นที่ด้านหน้าด้วยโคมไฟหน้ารูปทรง “ค้อนเทพเจ้าธอร์” และโลโก้ Iron Mark แบบใหม่เด่นเป็นสง่า
เครื่องยนต์ Drive-E เบนซินเทอร์โบชาร์จ 2,000 ซี.ซี. 190 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 6.9 วินาทีความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. ประหยัดเชื้อเพลิง 16.4 กม./ลิตร ปริมาณก๊าซไอเสียต่ำมาก คือ 142 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เปลี่ยนพลังความรู้สึกใหม่ ขับสนุก โลดเล่นดั่งใจ ปลอดภัยสูงสุด เปิดราคาแนะนำตลาดที่ ราคา 1,749,000 บาท
Volvo XC90 D5 Momentum เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ แรง ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม
นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงหลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม เพราะล่าสุดยอดจองยาวถึงปีหน้า วอลโว่เติมเต็มตลาดด้วย XC90 D5 Momentum เครื่องยนต์ดีเซลขุมพลังใหม่ 1,969 ซีซี 235 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ (All-Wheel-Drive) อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยในเมืองนอกเมือง 17.2 กม.ต่อลิตร และปล่อยไอเสียเพียง 154 กรัมต่อก.ม. ถือได้ว่ารถ XC90 D5 Momentum เครื่องยนต์ใหม่ ทั้งแรง ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้แนะนำสีภายนอกใหม่อีก 1 สี คือสีเทาเมทัลลิค (Osmium Grey Metallic) ราคา 4,190,000 บาท
ข้อเสนอพิเศษจากวอลโว่สำหรับงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 เท่านั้น
สำหรับรถยนต์วอลโว่รุ่น S60 D4, S60 T5, V60 D4 และ V60 T5
ü เปลี่ยนรถคันใหม่เป็นวอลโว่ เราเพิ่มมูลค่ารถเก่าให้สูงสุดถึง100,000 บาท
ü แคมเปญ “ขับรถวอลโว่วันนี้ ผ่อนอีกทีปีหน้า”
สำหรับรถยนต์รุ่น XC60 D4, XC60 T5 และ V40 cross county D4
ü เมื่อซื้อรถรุ่น XC60 D4 รับส่วนลด มูลค่า 480,000 บาท
ü เมื่อซื้อรถรุ่น XC60 T5 รับส่วนลด มูลค่า 400,000 บาท และ
ü เมื่อซื้อรถรุ่น V40 cross county D4 รับส่วนลดมูลค่า 200,000 บาท
ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์วอลโว่ใหม่ทุกคันจะได้รับ Volvo Maintenance บริการบำรุงรักษาฟรี 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Warranty บริการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 3 ปี มอบเป็นมาตรฐานสำหรับวอลโว่ทุกรุ่นด้วย
พบกับที่สุดแห่งยนตกรรมอัจฉริยะระดับโลกจาก “วอลโว่” ได้ที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคมนี้ ณ บูธ B06-07 อาคารชาเลนเจอร์2 อิมแพค เมืองทองธานี สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-305-4499
ซูบารุ เปิดตัว The New Subaru XV STI อัดเต็มชุดแต่งอารมณ์สปอร์ตครอสโอเวอร์ ปรากฎตัวครั้งแรกในงาน Motor Expo 2016
Posted by Contemporary industry
Posted on 18:44
ซูบารุ เปิดตัว The New Subaru XV STI อัดเต็มชุดแต่งอารมณ์สปอร์ตครอสโอเวอร์
ปรากฎตัวครั้งแรกในงาน Motor Expo 2016
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 30 พฤศจิกายน 2559 - บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัว The New Subaru XV STI โฉมใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ณ พื้นที่แสดงสินค้าซูบารุ หมายเลข A 08 อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
โดยการเปิดตัว The New Subaru XV STI โฉมใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกขั้นแห่งการผสานอารมณ์ความสปอร์ตให้เป็นหนึ่งเดียวกับศักยภาพการขับขี่ที่สบายยิ่งกว่า นอกจากนี้ ผู้เข้าชมยังจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมยนตรกรรมที่หลากหลายจากซูบารุ อาทิ Forester, Levorg, Outback, WRX, WRX STI และ BRZ อีกด้วย
คุณสมบัติที่โดดเด่นของ The New Subaru XV STI:
เครื่องยนต์ Boxer สูบนอน ขนาด 2.0 ลิตร
ตกแต่งพิเศษด้วยชุดแต่งสปอร์ตรอบคันจาก STI ประกอบด้วย ล้อแมกซ์อัลลอยด์รุ่นใหม่ , สเกิร์ตด้านหน้า , ด้านข้าง และด้านหลัง , สปอยเลอร์หลัง , เหล็กค้ำโช๊ค
การตกแต่งภายในที่โฉบเฉี่ยว ประกอบด้วย เบาะหนังสีดำสลับส้มพร้อมการเดินตะเข็บด้วยด้ายสีส้ม , พรมปูพื้น และหัวเกียร์ STI
ทั้งนี้ The New Subaru XV STI โฉมใหม่ ที่ผสานความแรงของเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 4 สูบ ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ Symmetrical AWD นั้นมีให้เลือก 6 สี ประกอบด้วย Pure White ,Ice Silver Metallic, Dark Grey Metallic, Obsidian Black Pearl , Tangerine Orange Pearl และ Desert Khaki ด้วยราคา 1,438,000 บาท สัมผัสความเร้าใจและจับจองสมรรถนะที่เหนือกว่าของรถยนต์ซูบารุเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
ภายในงานจะได้พบกับการกลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับการแสดงโชว์ขับขี่รถยนต์ผาดโผน Subaru Russ Swift Stunt Show โดย Mr. Paul Russell Swift นักขับรถผาดโผนชื่อดังระดับโลก ที่การันตีความสนุกและความเร้าใจด้วยการเป็นเจ้าของสถิติ Guinness World Records 3 รายการ ประกอบด้วย
Parallel Parking in tightest space คือการเข้าจอดระหว่างรถ 2 คัน โดยมีระยะห่างระหว่างรถแคบที่สุดในโลกเพียง 33 เซนติเมตร
J-Turn in tightest space คือการกลับรถแบบเจ-เทิร์น (J-Turn) โดยใช้พื้นที่แคบสุดในโลกเพียง 172 เซนติเมตร
Fastest time doing 10 do-nuts (Driving) คือการขับเพื่อทำโดนัท 10 รอบ เร็วที่สุดในโลก ด้วยเวลาเพียง 16.07 วินาที
โดยการแสดงโชว์ Subaru Russ Swift Stunt Show จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน นี้ รวม 3 รอบต่อวัน ได้แก่ 15.00 น. 17.00 น. และ 19.00 น. ที่ลาน P9 ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี
สัมผัสประสบการณ์ความเร้าใจบทใหม่กับ The New Subaru XV STI โฉมใหม่และร่วมทดสอบและชมศักยภาพของรถยนต์ซูบารุด้วยตัวอง พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสุดผ่อน 0% นาน 48 เดือน ได้ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2559 ณ พื้นที่แสดงสินค้า ซูบารุ หมายเลข A 08 อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.subaru.asia/th
หมวดหมู่ยานยนต์
- 014 Chevrolet Silverado HD (1)
- 10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม (1)
- 2014 Volvo S80 (1)
- 2015 Lincoln MKC crossover (1)
- 2015 Volvo S60 T6 (1)
- 2015 Volvo V40 (1)
- 2016 Chevrolet (1)
- 2016Chevrolet Colorado (1)
- 2016 Toyota Fortuner (1)
- 2018 Mazda CX-5 (1)
- 2018 Toyota Rush (2)
- 2 Stroke Engine (1)
- 5 ประตู (6)
- กระบวนการผลิต (19)
- กระบอกสูบ (1)
- กราฟกำลัง (1)
- กราฟแรงบิด (1)
- ก้านสูบ (1)
- การขับรถอย่างปลอดภัย (1)
- การใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก (1)
- การดูแลรักษารถด้วยตนเอง (2)
- การเติมลม (1)
- การเติมลม กับ ล้อแม็กซ์ (1)
- การถ่วงล้อ (1)
- การบำรุงรักษา (4)
- การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวันรถยนต์คู่ใจ ควรทำอย่างไร (1)
- การปลี่ยนขนาด ยางรถยนต์ (1)
- การเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกลของเครื่องยนต์ (1)
- การเผาไหม้ (11)
- การเผ่าไหม้ (1)
- การวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์ (1)
- การหยุดรถ และการจอดรถ (1)
- การออกแบบ (10)
- แก๊สโซลีน (3)
- ข้อควรปฏิบัติทั่วไป ในการใช้รถยนต์ (1)
- ข้อควรปฏิบัติ เมื่อการขับขี่ในพื้นที่ลักษณะต่างๆ (1)
- ขับเคลื่อน (13)
- ขับอย่างไรเพื่อยืดอายุยาง (1)
- ข่าวยานยนต์ (4)
- ควรจะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ (1)
- คว้านเสื้อสูบ (2)
- ความรู้ (3)
- คอมมอนเรล (1)
- คอยล์จุดระเบิด (8)
- คำศัพท์น่ารู้ (1)
- เครื่องมือ (1)
- เครื่องยนต์ (64)
- เครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์คอมมอนเรล (1)
- เครื่องยนต์ดีเซล (3)
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (1)
- เครื่องยนต์ดีเซลตระกูล GD รุ่นใหม่ (1)
- เครื่องยนต์เบนซิน (1)
- เครื่องยนต์แบบโรตารี่ (1)
- เครื่องยนต์ร้อนแล้วดับ สตาร์ทติดยาก เกิดจากสาเหตุใด และแก้ไขอย่างไร (1)
- เครื่องยนต์เล็ก (2)
- เครื่องยนต์สตาร์ทติดยากตอนอากาศชื้นเกิดจากอะไร ? (1)
- เครื่องยนต์สันดาปภายใน (3)
- เครื่องยนต์หัวฉีด (1)
- เครื่องยนต์ EFI (2)
- เครื่องยนต์V8 (1)
- เคล็ดลับ (2)
- จอดรถให้ปลอดภัย (1)
- จักรยานยนต์ (1)
- จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ EFI (1)
- ชิ้นส่วนยานยนต์ (1)
- ชื่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภาษาไทย และอังกฤษพร้อมรูป คลิปวีดีโอ (1)
- เชฟโรเลต (1)
- เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 (1)
- โช๊คอัพ (5)
- ซ่อม (21)
- ซ่อมเครื่องยนต์ (7)
- ซ่อมบำรุง (6)
- ซุปเปอร์คาร์ (3)
- ซูซุูกิ (2)
- ซูซูกิ ไฮบริด (1)
- โซลินอย (1)
- ดัดแปลง (3)
- ไดชาร์จ (2)
- ไดร์สตาร์ท (10)
- ไดสตาร์ท (12)
- ตรวจสอบเครื่องยนต์ (1)
- ตลับลูกปืน (2)
- ตัวอักษรบนยาง บอกอะไร? (1)
- ตีปลอก (1)
- โตโยต้า (21)
- โตโยต้า 2015 (1)
- ถุงลมนิรภัย (1)
- ที่นั่งเด็ก (5)
- เทคนิคการขับรถป้องกันเชิงอุบัติเหตุ (1)
- เทคนิคการใช้รถและการดูแลรถอย่างง่ายๆ (1)
- เทคโนโลยียานยนต์ (53)
- เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (8)
- เทอร์โบ (1)
- เทอร์โบแปรผัน (7)
- น้ำมันเชื้อเพลิง (14)
- น้ำมันดีเซล (6)
- น้ำมันเบนซิน (4)
- นิตยสาร (3)
- นิสสัน (11)
- บำรุงรักษาเครื่องยนต์ (1)
- บีเอ็มดับเบิ้ลยู (1)
- เบรค (22)
- เบาะรถยนต์ (5)
- เบาะสำหรับเด็ก (5)
- แบตเตอรี่ (3)
- แบรนด์รถยนต์ (1)
- แบริ่ง (1)
- ไบโอดีเซล (2)
- ประกอบเครื่องยนต์ (5)
- ประกอบรถยนต์ (13)
- ประดับยนต์ (5)
- ประเภทรถยนต์ (1)
- ปอร์เช่ (2)
- ปัญหารถยนต์ (1)
- ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ 2015 (1)
- ปิกอัพ (4)
- ปี2017 (3)
- เปลี่ยนอะไหล่ (3)
- ผลิตรถยนต์ (16)
- แผนภาพจังหวะการเปิดของลิ้น (Valve Timing Diagram) เครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบ (1)
- แผนภาพต้นกำลังงานของรถยนต์ (1)
- ฝาสูบ (4)
- พจนานุกรมศัพท์ยานยนต์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒ (1)
- พูเล่ (1)
- เพลาข้อเหวี่ยง (1)
- เพลาท้าย (2)
- ฟอร์ด (1)
- ฟิล์มกรองแสง ติดดี หรือ ไม่ติดดี มีประโยชน์อย่างไร วันนี้ทีคำตอบ (1)
- เฟอรารี่ (3)
- เฟืองท้าย (14)
- ไฟฉุกเฉิน ไม่จำเป็นและไร้สาระ (1)
- ไฟฟ้ารถยนต์ (24)
- ภาพโครงสร้างเครื่องยนต์ EFI (1)
- ภาพรวมรถยนต์ (9)
- มาสด้า (3)
- มิตซูบิชิ (6)
- มินิ (2)
- โมเดลรถยนต์ (3)
- ยนตกรรม (1)
- ยานยนต์ อุตสาหกรรม (26)
- ยาริส (15)
- รถกระบะ (9)
- รถกระบะ Revo (1)
- รถเก๋ง (51)
- รถแข่ง (2)
- รถจิ๊บ (1)
- รถเบนซ์ (19)
- รถยก (27)
- รถยก อุตสาหกรรม (26)
- รถยก อุตสาหกรรมม (1)
- รถยนต์ (3)
- รถยนต์ไฟฟ้า (4)
- รถรุ่นเก่า (1)
- รถศูนย์ (16)
- รถสปอร์ต (10)
- รถหรู (1)
- รถใหม่ (41)
- ระบบขับอัตโนมัติ (1)
- ระบบความร้อน (2)
- ระบบจุดระเบิด (10)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน (Gasoline Fuel Injection System) (1)
- ระบบช่วงล่าง (27)
- ระบบเบรค (22)
- ระบบไฟฟ้า (14)
- ระบบรองรับ (5)
- ระบบระบายความร้อน (6)
- ระบบลม (3)
- ระบบส่งกำลัง (1)
- ระบบหล่อเย็น (2)
- ระบบหัวฉีด (1)
- ระบบห้ามล้อ (14)
- ระบบ Hybrid (1)
- ราคารถยนต์ (5)
- รางร่วม (1)
- รีเลย์ (6)
- รีวิว (15)
- รีวิวรถยนต์ (11)
- รู้ไว้ก่อน : การเปลี่ยนขนาดยาง (1)
- เรื่อง น้ำมันเครื่อง (1)
- โรงงานผลิตรถยนต์ (13)
- ล้อตุนกำลัง (1)
- ลักษณะดอก ยางรถยนต์ (1)
- ลากรถอย่างไรเมื่อรถเสีย (1)
- ลำดับการจุดระเบิด (1)
- ลูกปืนกลม (1)
- ลูกสูบ (3)
- วงจรไฟฟ้า (7)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECCS Nissan RB20E (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECI-multi Mitsubishi 4G61 (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด EFI เครื่องยนต์ Toyota 4A-GE (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด Honda B16A VTEC DOHC รุ่นแรก (1)
- วิชาช่างยนต์ (10)
- วี8 (1)
- สเปกรถยนต์ (5)
- สร้างเครื่องยนต์ (1)
- สร้างโมเดลรถยนต์ (1)
- สายพานเครื่องยนต์ (2)
- สีรถ (8)
- เสื้อสูบ (5)
- หนังสือรถยนต์ (7)
- หม้อน้ำ (2)
- หลักการทำงาน (2)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ (1)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (1)
- หัวเทียน (24)
- ห้ามล้อ (14)
- แหวนลูกสูบ (1)
- องค์ประกอบการสันดาปของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- ออกแบบรถยนต์ (22)
- อะไหล่เครื่องยนต์ (3)
- อะไหล่ยนต์ (1)
- อัตราค่าปรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (1)
- อัตราส่วนผสมอากาศต่อเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- อาการหัวเทียน (12)
- อินเตอร์คูลเลอร์ (6)
- อีโก้คาร์ (5)
- อุตสาหกรรม รถยก (27)
- อุปกรณ์เสริม (6)
- แอร์เริ่มไม่เย็น และส่งกลิ่นอับเวลาเปิดแอร์ใหม่ ควรทำอย่างไร ? (1)
- ไอดี (3)
- ไอเสีย (6)
- ฮอนด้า (6)
- ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด (2)
- Accessories (5)
- All New toyota yaris 2013 2014 (1)
- Alternator (1)
- alternators (1)
- Ativ (7)
- Audi (2)
- Audi A4 (1)
- Automatic drive (1)
- Ball Bearing (1)
- bearing (1)
- biodiesel (2)
- BMW (4)
- Brake (23)
- Brake system (23)
- BT-50 (1)
- Car Family (1)
- Cars (61)
- CAT (Catalytic Converter) เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (1)
- Check Engine (1)
- Chevrolet (1)
- CHEVROLET COLORADO (2)
- Colorado (1)
- commonrail (1)
- Common Rail (1)
- Common Rail Engine (1)
- Concept Car (1)
- Connecting rod (1)
- Crankshaft (1)
- Cylinder head (1)
- Diesel Engine (3)
- Diesel fuel (6)
- differential (12)
- DIY (8)
- DURAMAX ENGINE (1)
- DURAMAX VIN CHART (1)
- ECCS (1)
- EFI (1)
- EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการหมุนเวียนไอเสีย (1)
- Electric car (4)
- Electric cars (4)
- Electronic Fuel Injection Engine (1)
- Engine (37)
- Engine Block (1)
- Engine Curve (1)
- Ferrari (3)
- Flywheel (1)
- Ford (4)
- Ford Ranger (2)
- Fuel (14)
- gasoline (3)
- Gasoline engine (1)
- General Motors (2)
- GMC Canyon (1)
- Honda (11)
- Honda Accord (1)
- HONDA ACCORD HYBRID ใหม่ (1)
- Honda CR-V 2015 (1)
- Honda HR-V (1)
- Honda HRV 2015 (1)
- Honda Jazz (1)
- Honda Vezel (1)
- Hydrogen cars (1)
- i-DTEC (1)
- Ignition Coil (8)
- Ignition System (1)
- i-MMD (1)
- Intercooler (6)
- internal combustion engine (3)
- Jeeb (1)
- lamborghini (4)
- Lamborghini Revuelto (2)
- Mazda (4)
- Mercedes Benz (21)
- Mini (2)
- MINI Cooper (2)
- Mitsubishi (9)
- Mustang (1)
- Navara (2)
- NGV (1)
- Nissan (11)
- nissan np300 navara (1)
- NP300 (1)
- NP300 NAVARA Single Cab (1)
- pickup (6)
- pickup truck. (5)
- Piston (3)
- Piston Ring (1)
- Porsche (2)
- Port Timing Diagram ของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- Ranger (1)
- Rear axle (1)
- Relay (6)
- Revuelto (1)
- Rotary Engine (1)
- S60 (1)
- S90 (1)
- SEAT (1)
- Self Diagnosis System (1)
- Shock Absorbers (5)
- SKODA (1)
- SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (1)
- solenoid (4)
- Spark Plugs (20)
- Starter (6)
- Supper Car (4)
- Suspension System (3)
- Suzuki (2)
- TCCS (1)
- Tesla Model X (1)
- TOYOTA (29)
- Toyota และ Lexus (1)
- Toyota Hilux Revo (1)
- Triton (1)
- V60 (1)
- Ⅴ8 (1)
- Variable Nozzle Turbo (2)
- VGT (5)
- Volkswagen (1)
- Volvo (4)
- Volvo purchased the Polestar brand (1)
- Volvo S90 (1)
- Wankel Engine (1)
- XC90 (1)
- Yaris (15)