Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมจัดงาน 1-5กุมภาพันธ์นี้


Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมจัดงาน 1-5กุมภาพันธ์นี้
Bangkok Motorbike Festival 2017 พร้อมจัดงาน 1-5กุมภาพันธ์นี้
แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) เทศกาลสำหรับคนที่หลงใหลในรถจักรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2560ชมฟรี!! ตลอดงาน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ราชประสงค์) จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "Spirit of Ride" ที่จะพาแฟนพันธุ์แท้และผู้หลงใหลในรถจักรยานยนต์ย้อนไปสู่รากเหง้าและจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ทั้งภายในและบริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าฯ
 
แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) จัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา โดยมีค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำระดับโลกขานรับร่วมงานมากมาย อาทิBenelli, BMW, Ducati, Harley-Davidson, Honda, Indian, Kawasaki, Royal Enfield, Suzuki, Triumph, Ural, Victory, Yamaha และ Zero Engineering รวมถึงบริษัท และห้างร้านผู้จำหน่ายอะไหล่, อุปกรณ์ตกแต่ง, เครื่องแต่งกาย และบริการต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่างมากมายครบครัน พร้อมด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
 
อย่าพลาด!!! แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) จัดระหว่างวันที่ 1-5กุมภาพันธ์ 2560 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ราชประสงค์) ชมฟรี!! ตลอดงาน
 
ติดตามข่าวสารความคืบหน้าของ แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017” (Bangkok Motorbike Festival 2017) เพิ่มเติมได้ที่ www.bangkokmotorbikefestival.com
 

ฮอนด้า เดินหน้าโครงการวิจัยเพื่อเมือง ไทยไร้อุบัติเหตุ ต่อเนื่อง 4 ปี เป็นแห่งแรกของโลก หวังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ บนท้องถนนในประเทศไทย


ฮอนด้า เดินหน้าโครงการวิจัยเพื่อเมือง ไทยไร้อุบัติเหตุ ต่อเนื่อง ปี เป็นแห่งแรกของโลก หวังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ บนท้องถนนในประเทศไทย
         ฮอนด้าประกาศจัดทำโครงการวิจัย “เพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ โดยฮอนด้า” เพื่อศึกษาสาเหตุการเกิดอุบัติเ หตุยานยนต์ในเอเชียและโอเชียเนี ย ระหว่างปี 2559-2063 นำร่องประเทศไทยเป็นแห่งแรก โดยผนึกกำลังศูนย์วิจัยอุบัติเห ตุแห่งประเทศไทย หรือ TARC ในการศึกษา 1,000 กรณีจากเหตุการณ์จริง คาดสามารถยกระดับและพัฒนาเทคโนโ ลยีความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้  
โดยในงานแถลงข่าว ได้รับเกียรติจาก นายกอบชัย บุญอรณะรองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสา ธารณภัยกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย มร.โนริอากิ อาเบะ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารปฏิ บัติการ ประจําภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนี ย, บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัดประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด รศ.ดร. กัณวีร์ กริษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแ ห่งประเทศไทย และ นพ.แท้จริง ศิริพาณิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมงานแถลงข่าวโครงการวิจัย “เพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ โดยฮอนด้า”
จากการที่ฮอนด้าซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายยานยนต์ มีสินค้าหลากหลายตอบสนองการใช้ชี วิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก ฮอนด้าได้เล็งเห็นความปลอดภัยเป็ นมาตรฐานสูงสุด จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างควา มมั่นใจเรื่องความปลอดภัยแก่ผู้ ใช้รถใช้ถนนทุกภาคส่วน อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน ตลอดจนผู้ใช้ถนนทั่วไป ดังสโลแกนฮอนด้าทั่วโลก “Safety for Everyone” ภายใต้คำมั่นนี้ ฮอนด้าจึงมุ่งที่จะลดปัญหาความสู ญเสียอันเกิดจากอุบัติเหตุ จากการจราจรเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ ถนนขับรถได้อย่างเสรีและมีความป ลอดภัย
ทั้งนี้พบว่าบางภูมิภาคในโลกยัง มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่สูง มาก โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย อันเป็นที่มาของโครงการวิจัยเชิ งลึกหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุย านยนต์ในเอเชียและโอเชียเนียครั้ งนี้ ซึ่งจะเริ่มนำร่องที่ประเทศไทยเ ป็นแห่งแรก ด้วยเป็นประเทศที่มีอัตราการเสี ยชีวิตจากอุบัติเหตุสูงที่สุดใน เอเชีย (อ้างอิงจาก Global Status Report on Road Safety 2015 โดยองค์การอนามัยโลก(WHO) )
มร.อาเบะ กล่าวว่า "ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นที่จะสร้า งสรรค์สังคมปลอดอุบัติเหตุ" เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความสุ ขจากการใช้ยานยนต์ ทั้งนี้อัตราการเกิดอุบัติเหตุใ นภูมิภาคเอเชียถือเป็นเรื่องเร่ งด่วนที่จะต้องแก้ไขโดยเร็ว โดยในส่วนของผู้ผลิตและจำหน่ายย านยนต์ ฮอนด้าจะทำการศึกษาวิเคราะห์เพื่อค้นหาปัจจัยต้นเหตุของการเกิดอุ บัติเหตุเพื่อนำไปสู่การการแก้ ปัญหาอย่างตรงจุดและเหมาะสมต่ อไป เราเชื่อมั่นว่าโครงการวิจัยอุบั ติเหตุในประเทศไทยครั้งนี้ จะเป็นโครงการนำร่องที่สามารถเพิ่ มพูนองค์ความรู้ต่างๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีและความรู้ด้ านความปลอดภัยบนท้องถนนรวมทั้งช่ วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในปร ะเทศไทยและภูมิภาคได้อย่างแน่ นอน
สำหรับโครงการวิจัยฯ ดังกล่าวจะทำการศึกษาเป็นระยะเว ลา 4 ปี โดยจะศึกษาจังหวัดที่มีอัตราการ เกิดอุบัติเหตุสูง เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, นครราชสีมา และสงขลา โดยจะทำการศึกษาจากเหตุการณ์จริ งจำนวน 1,000 กรณี ในระหว่าง พ.ศ. 2559-2563
สำหรับกระบวนการศึกษานั้น ฮอนด้าจะร่วมกับศูนย์วิจัยอุบัติ เหตุแห่งประเทศไทย หรือ TARC ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการเก็บข้อ มูลอุบัติเหตุ โดยจะส่งทีม TARC ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลตามกรอ บการศึกษาและระเบียบวิธีวิจัย จากนั้นจะวิเคราะห์ข้อมูลและส่ง รายงานให้ฮอนด้าเพื่อวิเคราะห์แ ละนำไปปรับใช้ในงานวิจัยและพัฒน าของตนในขั้นต่อไป โดยคาดว่าผลการศึกษาชิ้นแรกจะเส ร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2560
ขั้นตอนการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้ อมูลเริ่มจากทีม TARC จะแบ่งทีมลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อ มูลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยจะเก็บข้อมูลครอบคลุมหลายด้า น อาทิ ระดับอาการบาดเจ็บของผู้ประสบอุ บัติเหตุ ระดับความเสียหายของยานยนต์ ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ที่เกิ ดอุบัติเหตุ สัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบเหตุการณ์จากกล้องวงจ รปิด ซึ่งทีม TARC จะทำการบันทึก เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้ มา และสรุปปัจจัยสาเหตุของการเกิดอุ บัติเหตุ เพื่อส่งรายงานให้กับฮอนด้าเพื่ อการวิเคราะห์ในขั้นต่อไป
ทั้งนี้ ฮอนด้าและทีม TARC ได้ดำเนินโครงการนำร่องโดยศึกษา อุบัติเหตุจริง 30 กรณีมาเมื่อต้นปี 2559  และโครงการศึกษาในครั้งนี้ เป็นการขยายจำนวนและพื้นที่การวิ จัยให้กว้างมากขึ้นต่อยอดจากโคร งการนำร่องดังกล่าว
ฮอนด้าคาดว่าข้อค้นพบจากการศึกษ าในครั้งนี้ จะนำไปสู่การปฎิบัติเพื่อลดอุบั ติเหตุจากการจราจร ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีด้านค วามปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสำหรั บยานยนต์ฮอนด้าในท้องตลาด อีกทั้งช่วยปรับปรุงเนื้อหาการฝึ กอบรมการขับขี่ยานยนต์ให้ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้ น ฮอนด้าหวังว่าโครงการวิจัยอุบัติ เหตุนี้จะนำประโยชนมาสู่สังคมแล ะสร้างจิตสำนึกการขับขี่อย่ างปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้จริงต่ อไปในอนาคต

เอ.พี. ฮอนด้า ผนึกภาครัฐ-เอกชน-องค์กรอิสระ ดึงพิธีกรและนักแข่งดัง เปิดแคม เปญรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่ วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจเช็ครถจั กรยานยนต์ฟรี!



เอ.พี. ฮอนด้า ผนึกภาครัฐ-เอกชน-องค์กรอิสระ ดึงพิธีกรและนักแข่งดัง เปิดแคม เปญรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่ วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจเช็ครถจั กรยานยนต์ฟรี! พร้อมสถานีพักระหว่างบนทางหลวงส ายมิตรภาพ

เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้ าในประเทศไทย มุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมด้านการขั บขี่ปลอดภัยในเมืองไทยมาอย่างต่ อเนื่อง ล่าสุดแถลงข่าวเปิดแคมเปญรณรงค์ ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2560 ภายใต้โครงการ“ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย” โดยผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระ พร้อมดึง จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ พรีเซ็นเตอร์แคมเปญ “สังคมหัวแข็ง”, ฟิล์ม รัฐภาคย์ และโฟลท รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ สองพี่น้อง นักแข่งรถจักรยานยนต์ชื่อดังของ เมืองไทย มาร่วมกันรณรงค์ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก เริ่มจากกิจกรรมให้บริการตรวจเช็ ครถจักรยานยนต์ฟรีที่ศูนย์ฮอนด้ า วิง เซ็นเตอร์ ทั่วประเทศ รวมถึงจัดตั้งจุด Honda Rest Station จุดบริการพักรถพิเศษที่ตั้งบนทา งหลวงสายมิตรภาพเพื่อให้ผู้ขั บขี่ได้พักเหนื่อยและสามารถนำรถ เข้าซ่อมบำรุงได้สำหรับรถจั กรยานยนต์ทุกประเภท พร้อมกันนี้ เอ.พี. ฮอนด้ายังได้ร่วมมือกับผู้จำหน่ ายฯ จัดฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้กั บนักศึกษาก่อนออกหน่วยบริการประ ชาชนของสำนักคณะกรรมการอาชีวศึ กษาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 250 จุดทั่วประเทศ

คุณอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “เทศกาลปีใหม่จะเป็นเทศกาลแห่งค วามสุขได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ ความสูญเสียต้องไม่เกิดขึ้น เอ.พี.ฮอนด้าเองตระหนักในสิ่งนี้ เราจึงได้จัดแคมเปญรณรงค์ลดอุบั ติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในทุกๆปี โดยปีนี้เราได้ร่วมมือกับภาคีเค รือข่ายลดอุบัติเหตุ ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมทั้งยังได้พลังคนรุ่นใหม่อ ย่างจอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ สองพี่น้องนักแข่งรถจักรยานยนต์ ชื่อดังของเมืองไทย ฟิล์ม รัฐภาคย์ และโฟลท รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ รวมถึงมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช จากทีมเอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ มาช่วยรณรงค์เพื่อกระตุ้นให้คนไ ทยตระหนักถึงอุบัติเหตุและผลั กดันแคมเปญนี้ไปพร้อมๆกัน”

“การรณรงค์และดำเนินกิจกรรมในเปิ ดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เราทำอย่างครบวงจร อันดับแรกคือมุ่งสร้างจิตสำนึกใ ห้พร้อม ผ่านแคมเปญ “สังคมหัวแข็ง” ที่สร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาใ ส่หมวกกันน็อกจนเป็นนิสัยเมื่ อใช้รถจักรยานยนต์ ต่อมาคือการเตรียมรถให้พร้อมและ ปลอดภัยในการขับขี่ผ่านการให้ บริการตรวจเช็ครถจักรยานยนต์ฟรี และสุดท้ายคือการทำให้คนพร้อมต่ อการขับขี่ยานพาหนะ โดยเราได้ตั้งจุด Honda Rest Station บนเส้นทางถนนมิตรภาพเพื่อเป็นจุ ดแวะพักให้แก่ผู้ขับขี่ ซึ่งเราได้จัดเตรียมจุดบริการซ่ อมบำรุงรถจักรยานยนต์ บริการนวดผ่อนคลาย จุดชาร์ตแบตเตอรี่มือถือ รวมถึงเครื่องดื่มและของว่างต่า งๆไว้คอยบริการ รวมทั้งยังให้บริการจำหน่ายหมวก กันน็อคราคาพิเศษ โดยรายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดจ ะมอบให้กับมูลนิธิเมาไม่ขับ”

“ในปีนี้เรายังได้จัดเตรียมโซนสำ หรับผู้ที่เข้ามารับบริการจะได้ ร่วมกันถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช อีกด้วย”
สำหรับบริการตรวจเช็คฟรี (Free Service) ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสามาร ถนำรถเข้ารับตรวจฟรี 10 รายการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ในราคาพิเศษเพียง 30 บาท และส่วนลดพิเศษ 30%สำหรับอะไหล่ ยางนอก และแบตเตอรี่ ที่ศูนย์จำหน่ายและบริการฮอนด้า วิง เซ็นเตอร์ ทั่วประเทศระหว่างวันที่ 22 – 24 ธันวาคม2559 ในส่วนของจุดแวะพักพิเศษ (Honda Rest Station) ตั้งอยู่ที่จุดพักรถกิโลเมตรที่ 15 (ขาออก) เทศบาลตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ระหว่างวันที่ 28 – 31 ธันวาคม 2559 โดยไม่คิดค่าบริการแต่อย่างใด

ไทยฮอนด้า จับมือ เอ็นเซ็ท ยกระดับระบบผลิตพลังงานสะอาดในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์


ไทยฮอนด้า จับมือ เอ็นเซ็ท ยกระดับระบบผลิตพลังงานสะอาดในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์
 
กรุงเทพฯ, 15 ธันวาคม 2559 – ไทยฮอนด้าจับมือเอ็นเซ็ท ยกระดับกระบวนการผลิตในโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ด้วยพลังงานสะอาด ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิตร้อยละ 13 ต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ปีละกว่า 7 พันตันคาร์บอน* ตอกย้ำวิสัยทัศน์การสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีให้สังคมไทยเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเปิดดำเนินการภายในต้นปี 2561
บริษัทไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (ไทยฮอนด้า) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัทเอ็นเอส โอจี เอ็นเนอร์จี โซลูชั่นส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (NSET) ผู้ให้บริการด้านธุรกิจพลังงานแก่โรงงานอุตสาหกรรม ประกาศเริ่มวางระบบผลิตพลังงานร่วม  (Co-generation Power Plant) บนพื้นที่ภายในบริษัทไทยฮอนด้าที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ช่วยให้กระบวนการผลิตพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งลดการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากทุกการดำเนินงานของทั้งสององค์กร
ระบบผลิตพลังงานร่วมแห่งนี้ จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการภายในต้นปี 2561 โดยเทคโนโลยีอันทันสมัยของระบบจะสนับสนุนให้ไทยฮอนด้าสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าพร้อมพลังงานร่วมได้แก่ ไอน้ำ น้ำร้อน และน้ำเย็น สู่กระบวนการผลิตได้อย่างเหมาะสมและเต็มกำลัง ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิตได้ถึงร้อยละ 13 ต่อปี พร้อมทั้งเพิ่มเสถียรภาพให้ระบบการจ่ายพลังงานของโรงงานไทยฮอนด้า ผลจากการลดพลังงานทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) ได้ถึงปีละกว่า 7 พันตันคาร์บอน* นอกจากนี้ โครงการยังได้รับการสนับสนุนในการดำเนินการจาก Joint Credit Mechanism (JCM) ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ความร่วมมือนี้เริ่มจากพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมของไทยฮอนด้า ที่ต้องการลด CO2 ในทุกกิจกรรมในองค์กร โดยไทยฮอนด้าร่วมมือกับ NSET ซึ่งเชี่ยวชาญการวางระบบพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุงและวางระบบพลังงานร่วมดังกล่าว โดยไทยฮอนด้าได้ให้ข้อมูลการใช้พลังงานที่ต้องการแก่ NSET เพื่อนำไปใช้ออกแบบและวางระบบ ซึ่ง NSET จะให้บริการครอบคลุมงานด้านวิศวกรรมโยธา การจัดหาอุปกรณ์ งานก่อสร้าง และให้คำปรึกษาด้านการควบคุมการทำงาน พร้อมทั้งดูแลรักษาระบบเป็นระยะเวลา 15 ปี
ไทยฮอนด้า และ NSET คาดว่าระบบพลังงานสะอาดใหม่นี้จะร่วมสนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมคาร์บอนต่ำตามปณิธานของทั้งสององค์กรที่จะสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเมืองไทยและโลกใบนี้ต่อไป 
*ข้อมูลตามประกาศ Global Environment Center Foundation ประเทศญี่ปุ่น
                                          

MOTOR EXPO 2016 ปิดฉากประทับใจ ทุกฝ่ายชื่นชม รถหรู บิกไบค์ขายดี เงินหมุนเวียน 4.5 หมื่นล้าน!


MOTOR EXPO 2016 ปิดฉากประทับใจ ทุกฝ่ายชื่นชม
รถหรู บิกไบค์ขายดี เงินหมุนเวียน 4.5 หมื่นล้าน!


สิ้นสุดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” ทั้งภาครัฐ สื่อมวลชน และผู้ชมล้วนชื่นชมจัดงานได้เหมาะสม ทุกค่ายรถพอใจ ตลาดรถหรูขยายตัวชัดเจน จักรยานยนต์มาแรง ยอดจองสูงเป็นประวัติการณ์ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนรวม 4.5 หมื่นล้านบาท

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33” เปิดเผยว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจและขอขอบคุณทุกคำชมเชยเกี่ยวกับการจัดงาน โดยเฉพาะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า งานนี้แสดงถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งชื่นชมการแต่งกายของพริททีในงาน มีความเรียบหรู สวยสง่า เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองและวัฒนธรรมที่งดงามของไทย”

“นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังมีหนังสือขอบคุณและชื่นชมบริษัท สื่อสากล จำกัด ที่เอาใจใส่กวดขันการแต่งกายของพริททีในงาน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองเช่นเดียวกัน ซึ่งคำชมดังกล่าวผมขอส่งต่อให้ผู้ร่วมจัดแสดงที่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้อย่างเต็มที่”

ด้านยอดจองรถในงานปีนี้มีตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดจองสูงถึง 7,942 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 98.6 % อันดับ 1 ได้แก่ GPX 1,109 คัน อันดับ 2 VESPA 1,059 คัน อันดับ 3 YAMAHA 1,040 คัน อันดับ 4 HONDA 791 คัน และ อันดับ 5 STALLIONS 722 คัน

ขณะที่รถยนต์มียอดจองรวมอยู่ที่ 32,422 คัน ลดลงจากปีก่อน 17.1% เนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า รวมทั้งรถใหม่หลายรุ่นที่ประชาชนสนใจได้เลื่อนการเปิดตัวออกไป อย่างไรก็ตาม ตลาดรถหรูซึ่งมีรถรุ่นใหม่มาแนะนำ ยอดจองเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดย MERCEDES-BENZ ขายได้ 1,722 คัน BMW 979 คัน VOLVO 206 คัน LEXUS 106 คัน PORSCHE 70 คัน LAND ROVER 15 คัน JAGUAR 11 คัน ASTON MARTIN 2 คัน และ ROLLS-ROYCE 2 คัน

ส่วนรถยนต์ทั่วไป 5 อันดับยอดจองสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 TOYOTA 5,124 คัน อันดับ 2 HONDA 4,902 คัน อันดับ 3 ISUZU 3,620 คัน อันดับ 4 MAZDA 3,434 คัน และอันดับ 5 FORD 2,441 คัน

ด้านราคาเฉลี่ยรถที่ขายได้ในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,177,393 บาท เนื่องจากปีนี้ผู้บริโภคให้ความสนใจรถเก๋งหรู รถเอสยูวี และรถกระบะ เพิ่มมากขึ้น ทำให้เงินหมุนเวียนภายในงานปีนี้อยู่ที่ 45,000 ล้านบาท ผู้เข้าชมงานจำนวน 1,191,718 คน ลดลง 19.3%

ต.สยาม เปิดประตูสู่อีสาน ปักหมุด! สระบุรี เปิดGRIP by ประดิษฐ์การยาง




ต.สยาม เปิดประตูสู่อีสาน ปักหมุด! สระบุรี เปิดGRIP by ประดิษฐ์การยาง

บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายยาง TOYO TIRES , NITTO TIRE และ KUMHO TIRE อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัว GRIP by ประดิษฐ์การยาง ณ อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็น ศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “GRIP” ร้านแรกของจังหวัดสระบุรี ซึ่งถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่ภาคอีสาน โดยได้รับเกียรติจาก นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล ให้เกียรติเข้าร่วมเป็นประธานในพิธี

ศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร GRIP by ประดิษฐ์การยาง เป็นศูนย์บริการและจำหน่ายยางรถยนต์ และสินค้าตกแต่งรถยนต์ ให้บริการครบทุกด้าน เช่น จำหน่ายยางรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ระดับโลก อาทิ TOYO TIRES, NITTO TIRE และ KUMHO TIRE และจำหน่ายล้อแม็กซ์มากมายหลายขนาด กว่า 100 ลาย นอกจากนั้นยังมีบริการ ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซ่อมช่วงล่าง เติมลมไนโตรเจน ซึ่งครบครันด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ในการตรวจสอบที่ทันสมัยพร้อมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ในด้านการดูแลรักษารถยนต์

สำหรับชาวสระบุรี และที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง หรือผู้ที่เดินทางสู่ภาคอีสาน สามารถแวะใช้บริการที่สนใจใช้บริการได้แล้ววันนี้ ที่ GRIP by ประดิษฐ์การยาง สระบุรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 081-946-1797 และเตรียมพบกับร้าน GRIP สาขาต่อไปใกล้บ้านท่านเร็วๆนี้

คาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำพาธารน้ำใจจากประชาคม อีซูซุสู่โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ “พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพราะเราเชื่อว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ไปถึงได้ทุกที่ พลังที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ นั่นคือ...พลังของความดี



คาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำพาธารน้ำใจจากประชาคม อีซูซุสู่โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
“พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพราะเราเชื่อว่า พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ไปถึงได้ทุกที่ พลังที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ นั่นคือ...พลังของความดี


นับจากอีซูซุได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางจัดทำและเผยแพร่ภาพยนตร์สั้น “เรื่องจริง...พลังแห่งความดีที่อมก๋อย” ผ่านสื่อโซเซียลเน็ตเวิร์ค ภายใต้แนวคิด “พลังดี...เปลี่ยนโลก” เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มุ่งมั่นใช้พลังดีในตัวเปลี่ยนโลกนี้ให้น่าอยู่ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงที่ยากลำบากของเหล่าครู โรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในโรงเรียนที่ได้ชื่อว่าอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่สุดของประเทศไทย กลุ่มครูผู้มีพลังดีอยู่เต็มตัวและหัวใจที่ยอมละทิ้งความสะดวกสบาย เพื่อไปเป็นครูจิตอาสาที่เป็นมากกว่าครูในที่ที่ห่างไกลและทุรกันดาร โดยมีพลังใจที่ยิ่งใหญ่ คือเด็กนักเรียนกว่า 100 ชีวิตที่มีความตั้งใจอยากมาเรียนให้สังคมได้รับรู้ ด้วยเนื้อหาที่กินใจจนหลายๆ คนน้ำตาซึม ทำให้มียอดคนดูพุ่งสูงกว่า 3.3 ล้านวิวภายในระยะเวลาอันสั้น

ล่าสุดกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยจึงขอต่อยอดตอบแทนพลังดีเหล่านั้น ด้วยการรวบรวมน้ำใจของชาวประชาคมอีซูซุทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนบ้านแม่สะเตอย่างจริงจัง โดยจัดขบวนคาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” นำคณะผู้บริหารของกลุ่มอีซูซุและเหล่าพนักงานจิตอาสานำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้กับทางโรงเรียน ซึ่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ อีซูซุ วี-ครอส จำนวน 16 คัน เริ่มออกเดินทางจากตัวอำเภออมก๋อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เส้นทางบนเขาระยะทางเพียง 67 กม. ในช่วงหน้าหนาวที่พื้นแห้ง ว่ากันว่าลดความโหดของเส้นทางช่วงหน้าฝนไปถึง 50% นั้นมีครบทุกรูปแบบทั้งทางหิน ร่องยาว ธารน้ำ ยกเว้นถนนดี รอพิสูจน์ความตั้งใจจริงของทุกคน เพราะต้องใช้เวลาในการขับเคี่ยวอยู่นานมากกว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะเข้าถึงโรงเรียนบ้านแม่สะเตที่มีน้องๆ นักเรียนตัวจริงที่เห็นจากภาพยนตร์สั้น “เรื่องจริง...พลังแห่งความดีที่อมก๋อย” มารอต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอันสดใส

ทั้งนี้ นายวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ได้เป็นตัวแทนกลุ่มอีซูซุมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 1,039,674 บาท โดยได้นำเงินบริจาคส่วนหนึ่งไปใช้จัดสร้างถนนในช่วงที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรของครู นักเรียน และชาวบ้านทั่วไปเพื่อให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้นตามความประสงค์ของทางโรงเรียน อีกทั้งมอบรถ “รถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ อีซูซุ วี-ครอส” พร้อมอุปกรณ์ออฟโรด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเติมเต็มความคล่องตัวสำหรับทางโรงเรียนในการเดินทางขึ้น-ลงเขาที่ต้องลุยฝ่าเส้นทางหฤโหด พร้อมกันนี้ทางกลุ่มอีซูซุยังได้จัดเต็ม นำเมนูที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวและของกินอื่นๆ มาจัดเลี้ยงเป็นอาหารกลางวัน หลังจากได้สอบถามมาแล้วว่าเป็นอาหารโปรดที่นานๆ จะได้ลิ้มรส เพราะโรงเรียนไม่มีตู้เย็นจึงไม่สามารถเก็บเนื้อสัตว์และอาหารสดไว้ได้ โปรตีนที่คุ้นเคยที่สุดของครูและนักเรียนที่นี่ คือ โปรตีนจากปลากระป๋อง

นายพงษ์วิศรุต ปันมูล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่สะเต
ผู้ซึ่งสอนที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นปีที่ 10 กล่าวขอบคุณด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ทุกคนในโรงเรียนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของชาวอีซูซุที่ได้จัดทำภาพยนตร์สั้นเรื่องราวของพวกเราและเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้มีน้ำใจหลั่งไหลมาที่โรงเรียนมากมาย และตอนนี้ความฝันเป็นจริง รถอีซูซุ วี-ครอสที่ได้รับมอบนั้น เราจะใช้สำหรับรับ-ส่งนักเรียนที่อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไปให้พวกเขาได้มีโอกาสมาเรียนมากขึ้น และใช้ขนสัมภาระในกิจกรรมต่างๆ ต้องขอบคุณอีซูซุในทุกเรื่องด้วยครับ”

ท่ามกลางความขาดแคลนไปเสียทุกอย่างของโรงเรียนบ้านแม่สะเต อำเภออมก๋อย แต่ที่นี่กลับล้นเหลือไปด้วย “พลังดี...เปลี่ยนโลก” ที่มาจากความเสียสละความสุขส่วนตัวของเหล่าครูอาสาที่ไม่เคยหยุดจะเป็นผู้ให้ ทำให้ระยะทางขากลับสู่ตัวอำเภออมก๋อยอีก 4 ชั่วโมงของคาราวาน “อีซูซุ วี-ครอส พลังดี...เปลี่ยนโลก” ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความอิ่มเอมใน “พลังดี” ตามแบบวิถีอีซูซุ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา”

ไทยนา” ประกาศรุกตลาดรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง เปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 ชูราคาดีสุดในตลาด พร้อมรับประกัน 3 ปี 100,000 กิโลเมตร


ไทยนา” ประกาศรุกตลาดรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง
เปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016
ชูราคาดีสุดในตลาด พร้อมรับประกัน 3 ปี 100,000 กิโลเมตร


“ไทยนา มอเตอร์” ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง ยี่ห้อ “ไทยนา” (Thaina) ประกาศรุกตลาดLight Truck ในประเทศไทย เปิดตัวรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลางพร้อมกัน 2 รุ่น หวังเจาะลูกค้ากลุ่มโลจิสติกส์ สตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี ชูจุดขายราคาดีสุดในตลาด ผสานเทคโนโลยีจากซัพพลายเออร์ชั้นนำ อาทิ เครื่องยนต์เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ชุดเกียร์แซดเอฟ โดยอวดโฉมครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 พร้อมการรับประกันสินค้า 3 ปี 100,000 กิโลเมตร

มร. พอล เอม มาร์คแฮม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยนา มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “จากภาพรวมของตลาดรถบรรทุกขนาดกลางในประเทศไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมามียอดขายในประเทศไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน อีกทั้งในปีนี้ยังมีปัจจัยบวกเสริมในเรื่องของการเปิดเขตการค้าเสรี (AEC) ที่ทำให้รถกลุ่มนี้มีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น บริษัทฯ จึงได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ประกาศรุกทำตลาดรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง หรือ Light Truck ในประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยได้เปิดตัวรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง ยี่ห้อ “ไทยนา” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2559 โดยหวังเจาะกุล่มลูกค้า โลจิสติกส์ สตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี

สำหรับรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง “ไทยนา” จัดเป็นผู้นำด้านรถบรรทุกขนส่งสินค้าขนาดกลางที่มีสมรรถนะสูง มีความโดดเด่นสามารถรองรับการเดินทางขนส่งได้ทุกสภาพถนนของประเทศไทย ถูกต้องตามข้อกำหนดการจราจรในประเทศ โดยการเปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป นี้ ได้เปิดตัวพร้อมกันทีเดียวถึง 2 รุ่น ได้แก่

ไทยนา เพโทรล ทีจี150 (Thaina Petrol TG150) ที่ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกอย่างทันสมัย ขุมพลังเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซินของโตโยต้า ขนาดความจุ 2.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 4,200-4,600 รอบต่อนาที และแรงบิด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,600 รอบต่อนาที

ไทยนา ดีเซล ทีดี175 (Thaina Diesel TD175) ที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ ประหยัดคุ้มค่าจากขุมพลังที่เลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซลของอีซูซุ ขนาดความจุ 2.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

โดยทั้ง2 รุ่น ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด จากแซดเอฟ (ZF) ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 120 กม./ชม. ผ่านมาตรฐานยูโร IV โดยสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้มากสุดถึง 2.2 ตัน

พร้อมกันนี้ในส่วนของนโยบายการตลาด ทางบริษัทฯ เน้นการตั้งราคาเพื่อตอบโจทย์ความคุ้มค่า ของลูกค้า โดยรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลางของไทยนา ทั้ง 2 รุ่น ถือว่ามีราคาจำหน่ายดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน โดยในส่วนของ ไทยนา เพโทรล ทีจี 150 ทางบริษัทฯ ได้ตั้งราคาจำหน่าย 525,000 บาท ในขณะที่ ไทยนา ดีเซล ทีดี175 ทางบริษัทฯ ได้ตั้งราคาจำหน่าย 595,000 บาท และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ทาง ไทยนา มอเตอร์ มอบการรับประกันสินค้านาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

โดยในส่วนของช่องทางการจำหน่ายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายดีลเลอร์เน็ตเวิร์ค ซึ่งปัจจุบันมีครอบคลุมในพื้นที่ กทม. 3 ราย และต่างจังหวัด อาทิ ชลบุรี ระยอง และราชบุรี โดยทุกดีลเลอร์จะเน้นให้บริการทั้ง 3 S ประกอบด้วย เซลล์, เซอร์วิส และสแปร์พาร์ท ซึ่งคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีดีลเลอร์เน็ตเวิร์คครอบคลุมมากถึง 10 แห่งทั่วประเทศ และตั้งเป้าขยายต่อไปให้ถึง 30 แห่งทั่วประเทศ”

มร. พอล เอม มาร์คแฮม กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาดในประเทศไทยว่า “บริษัท ฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายสำหรับรถบรรทุก 4 ล้อขนาดกลาง ไทยนา ในปี 2560 ไว้ที่ 1,000 คัน โดยหวังมีส่วนแบ่งทางการตลาด 5% สำหรับตลาดรถในกลุ่มนี้ อีกทั้งเรายังมีเป้าหมายที่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคอาเซียน” มร. พอล เอม มาร์คแฮม กล่าวปิดท้าย



สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2016 ในวันที่ 1-12ธันวาคม 2016 รถบรรทุกขนาดกลางไทยนา มีข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองภายใน พร้อมชมและสัมผัสรถบรรทุก4 ล้อขนาดกลางไทยนา ได้ที่บูธ B-03 อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี

รอยัล เอนฟิลด์ เปิดตัว Custom Bike ดีไซน์รถยุคสงครามโลก ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33



รอยัล เอนฟิลด์ เปิดตัว Custom Bike ดีไซน์รถยุคสงครามโลก ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33

เปิดตัว รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ โดยนำเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในยุคสงครามโลกมาถ่ายทอดลงบนรถ ได้แก่ คัสตอม รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค 500 ไซด์ คาร์, คัสตอม รอยัล เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที ไวท์ และ คัสตอม รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค ฟลายอิ้ง ไทเกอร์

รอยัล เอนฟิลด์มอบหมวกนิรภัย Open Face ทรง คลาสสิควินเทจสีดำ มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท

เผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน, รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์, รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน และรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู

ภาพข่าว (จากซ้ายไปขวา) : รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ร่วมถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก เปิดตัวสีใหม่และแนะนำ รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ในมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33 โดยมี คุณวราทิพย์ เชยศักดิ์ (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล เอ็กซ์โป จำกัด และคุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านปฏิบัติงาน ทั่วไปของงานมหกรรมยานยนต์ ให้เกียรติถ่ายรูปร่วมกับ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่าย รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ และนีโน่-เมทนี บุรณศิริ (ที่ 4 จากซ้าย) ณ บูธ รอยัล เอนฟิลด์

กรุงเทพฯ, พฤศจิกายน 2559 - รอยัล เอนฟิลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งดีไซน์รถในสมรภูมิรบยุคสงครามโลก ลงบนรอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ พร้อมเปิดตัวรถรอยัล เอนฟิลด์รุ่นใหม่ เซอร์ไพรส์ แคมเปญพิเศษในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016

ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด หรือศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ กล่าวว่า “รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสไตล์รถทหารที่ใช้ในสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2”

“รอยัล เอนฟิลด์เป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิคสัญชาติอังกฤษที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลกถึง 115 ปี โดยสายการผลิตเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2444 ต่อมาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 (พ.ศ.2457 – พ.ศ.2461) ทางรอยัล เอนฟิลด์ได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งแรกด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้แก่กองทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีรถพ่วงข้างติดปืนกลแบบวิคเกอร์ที่สามารถโจมตีทางด้านอากาศ นอกจากนี้รอยัล เอนฟิลด์ยังได้ผลิตรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมากให้กับกรมกิจการสงครามอังกฤษและรัฐบาลจักรวรรดิรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกันจนกระทั่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2

(พ.ศ. 2482 – พ.ศ.2488) ทางรอยัล เอนฟิลด์ก็ได้รับคำสั่งให้ช่วยผลิตรถจักรยานยนต์สำหรับกองทหารอังกฤษอีกครั้ง โดยรถคันดังกล่าวถูกเรียกขานโดยเหล่าทหารว่า “เจ้าหมัดบิน” (Flying Flea) ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซี ที่ออกแบบสำหรับใช้ลำเลียงไปกับร่มชูชีพโดยกองกำลังทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง รอยัล เอนฟิลด์ยังคงผลิตรถรุ่นที่พัฒนาขึ้นในช่วงสงครามมาอย่างต่อเนื่องจนได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนานของรถจักรยานยนต์อันยิ่งใหญ่อย่างรถรุ่น Bullet ในเวลาต่อมา และกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ยังคงมีการผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ด้วยจุดเด่นด้านความทนทานและสามารถใช้งานได้ทุกสภาวะ ชื่อของรอยัล เอนฟิลด์จึงถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่เคียงคู่กับเหล่าทหารกล้าแห่งสมรภูมิรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2” ม.ล.พลอยนภัส กล่าวเสริม

สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ 2016 ในครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ ได้สานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของรอยัล เอนฟิลด์ด้วยการนำเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ในยุคสงครามโลกมาถ่ายทอดดีไซน์ใน รอยัล เอนฟิลด์ คัสตอมไบค์ ยุคสมัยปัจจุบัน โดยสำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต (Libero Moto) หลากหลายรุ่นดังนี้

1. รถ Custom Royal Enfield Classic 500 Side Car

รถคัสตอมแบบพ่วงข้างกลิ่นอายสมัยสงครามโลก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน ทั้งชิลด์หน้าทรงสูง กันชนหน้าสแตนเลส ระบบดิสก์เบรคลิงค์กับเบรคหลัง ระบบสัญญาณหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย กล่องเก็บของพร้อมตะแกรงหลัง รวมถึงเบาะที่นั่งพร้อมเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 255,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic 500 Side Car และราคา 269,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Classic Chrome Side Car

2. รถ Custom Royal Enfield Continental GT White

อิสรภาพที่แลกมาซึ่งความเสียสละของเหล่านักรบ ทั้งหลาย โดดเด่นด้วยตัวถังน้ำมันสีขาวคาดดำ มาพร้อมแผงคอบนล่าง และบังโคลนหน้าหลังสีเงิน นอกจากนี้ ยังให้ความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันผ่านการคัสตอมองค์ประกอบต่างๆ ทั้งก้านเบรค คลัช แฮนด์ ปลอกแฮนด์ กระจกปลายแฮนด์ทรงกลม ฝาครอบด้านข้างซ้ายขวา ยางหุ้มโช้ค ชุดเกียร์โยง และไฟท้ายใน โทนสีดำ เบาะยาว
สะดวกกับคนซ้อนมากขึ้น ล้อรางนี้พร้อมชุดซี่ลวดขอบ 17 นิ้วหน้าหลังสีเงิน ท่อจาก สำนักแต่งรถ ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 289,800 บาท

3. รถ Custom Royal Enfield Classic Flying Tigers

ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝูงบินของนักบิน อาสาสมัครช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีสัญลักษณ์รูปฉลามบนส่วนหัวของเครื่องบินรบ P-40 เพื่อใช้ในการข่มขวัญคู่ต่อสู้ ทั้งนี้ เพื่อ เป็นการรำลึกถึงผู้กล้าที่ฝ่าฟันข้าศึก รถคัสตอม Classic Flying Tigers คันนี้ จึงมีการใช้ถังน้ำมันรูปฉลาม ซึ่งมีงานตัวอักษรที่ฝาครอบและกรองอากาศแบบเดียวกับเครื่องบินรบ P-40 พร้อมของแต่งทั้งมือเบรคคลัทช์ ไฟเลี้ยว ท่อ Fully System จาก ลิเบอโร่ โมโต ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 218,800 บาท

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีการเผยโฉมรถรอยัล เอนฟิลด์สีใหม่ของรุ่นต่างๆ ในงาน Motor Expo 2016 ทั้ง รอยัล

เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล จีที กรีน (Royal Enfield Continental GT Green) รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคโครม กรีน (Royal

Enfield Classic Chrome Green) และ รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สควอดรอน บลู (Royal Enfield Classic Squadron

Blue) รวมถึง รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มาช เกรย์ (Royal Enfield Bullet Marsh Grey) รุ่นต่างๆเหล่านี้ยังมีดีไซน์ที่คงความเป็นตำนานคลาสสิคได้อย่างชัดเจน

สำหรับแคมเปญพิเศษในงาน Motor Expo 2016 ครั้งนี้ ทางรอยัล เอนฟิลด์จะมอบหมวกนิรภัย Open Face ทรงคลาสสิควินเทจสีดำ ขอบหมวกหุ้มด้วยหนังแท้สีน้ำตาล มูลค่า 3,500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถรอยัล เอนฟิลด์เป็นจำนวนเงินจอง 10,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ -12 ธันวาคม 2559 โดยสามารถจองได้ทั้งภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ และที่ รอยัล เอนฟิลด์ ทองหล่อ

ซูซูกิ ฮือฮาส่งท้ายปี เปิดตัว 3 โมเดลใหม่ ลุยตลาด 3 เซ็กเมนต์!!! เปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป



ซูซูกิ ฮือฮาส่งท้ายปี เปิดตัว 3 โมเดลใหม่
ลุยตลาด 3 เซ็กเมนต์!!! เปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป


บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ถึง 3 รุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 ที่จัดขึ้นในวันที่ 1 - 12 ธันวาคมนี้

โดยงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เชื่อมโลก...เชื่อมคน ยานยนต์อัจฉริยะ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ ซูซูกิ ให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อีกทั้งยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค พร้อมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่าให้กับผู้บริโภคให้เข้าถึงได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

ซึ่งในงานนี้ ซูซูกิ ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดถึง 3 รุ่น พร้อมกัน โดยทั้ง 3 รุ่น มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์อันหลากหลายให้กับผู้บริโภค โดยเปิดตัวในงานนี้เป็นครั้งแรกเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้นำรถจักรยานยนต์ระดับโลกรุ่นต่างๆ ที่ได้รับความนิยมและยอมรับอย่างกว้างขวางมาจัดแสดง ให้เข้าชมได้อย่างใกล้ชิด พร้อมโปรโมชั่นส่งท้ายปีที่พลาดไม่ได้

ซูซูกิ พร้อมแล้วที่จะเปิดประสบการณ์ให้ทุกท่าน ได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์อย่างใกล้ชิด ขอเชิญทุกท่านเข้ามาเยี่ยมชมที่บูธ ซูซูกิ ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 โซนรถยนต์

ในปีนี้ทุกท่านจะได้พบกับแนวคิดการออกแบบบูธ ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวภายใต้ตราสินค้าจาก ซูซูกิ ที่ได้รวมผลิตภัณฑ์ของซูซูกิไว้ในบูธเดียว โดยในโซนของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ซูซูกิ นั้นได้นำรถระดับพรีเมี่ยมรุ่นต่างๆ มาจัดแสดงไว้อย่างมากมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Passion of Racing” ให้ความรู้สึกเร้าใจและตื่นเต้น ภายในบูธของรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ ซูซูกิ โดยในปีนี้ ซูซูกิ ได้นำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่มาเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย และยังได้นำรถจักรยานยนต์เวอร์ชั่นพิเศษที่เป็นรถจักรยานยนต์ระดับตำนานอย่าง Suzuki GSX1300R Hayabusa มาเปลี่ยนโฉม โดยใช้โค้ดเรียกว่า Suzuki Hayabusa Yoshimura X-1 หรือเรียกสั้นๆว่า Hayabusa X-1 นั่นเอง

นอกจากนี้ ในงานยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ซูซูกิรุ่นต่างๆ มากมาย อีกทั้งเครื่องแต่งกายลิขสิทธิ์แท้จาก ซูซูกิ ที่รอให้ทุกท่านมาสัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของอย่างใกล้ชิด

ปอร์สปอร์ตระดับตำนาน ติดอาวุธให้เข้ากับเทคโนโลยีล่าสุดจาก ซูซูกิ ปรับจูนมาให้พร้อมรับในทุกสภาพถนน สร้างขึ้นเพื่อเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ Naked Sport ในคลาส 750 ซีซี นี่คือ Suzuki GSX-S750 สุดยอดนักล่าสายพันธุ์สปอร์ตอย่างแท้จริง

Suzuki VanVan 200 - Kick the Ground !!!
ลุยทันที...ที่แตะพื้น!!!

Suzuki VanVan 200 รถจักรยานยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์จาก ซูซูกิ ด้วยการออกแบบที่โดดเด่น โดยเน้นที่ความสบายในการขับขี่ ด้วยนิยามคำว่า “กว้างและต่ำ” เป็นพื้นฐาน ที่พร้อมจะเชิญชวนให้คุณออกไปขับขี่โลดแล่นไปได้ตามจินตนาการ ด้วยความกว้าง, ยาวของเบาะนั่ง และรวมไปถึง แฮนด์ที่กว้าง บนฐานล้อ และโครงสร้างของรถที่ยาวผสานได้อย่างลงตัว ในต่ำแหน่งที่กว้างขวางสำหรับการขับขี่ที่ผ่อนคลายในทุกสภาพถนน

ด้วยยางที่หนาขนาดใหญ่ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น ในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนทั่วไป, ขับขี่บนชายหาด หรือถนนตามชนบทเล็กๆ ที่ไม่ได้ลาดยาง คำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว : ความเพียบพร้อม ที่มาพร้อมกับความกะทัดรัด ที่พร้อมรองรับทุกแอ๊คชั่นที่อุทิศให้จิตวิญญาณแห่งอิสรภาพ เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณแห่ง VanVan

Suzuki Raider R150 - สปอร์ตตัวจริง...เร้าใจตั้งแต่แรกเห็น
ที่สุดแห่งรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต ที่ทุกคนให้การยอมรับ

ดีไซน์ใหม่หมดทั้งคัน ตั้งแต่หัวจรดท้าย ดุดัน เท่ ทั้งคัน ด้วยความล้ำสมัยในการออกแบบที่ทำให้ทุกมุมมองโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว เพรียวบาง โดยถอดแบบมาจากรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตอย่าง GSX-R ซีรีย์ ด้วยขุมพลังที่ได้รับการการันตีในความแรงมาแล้วทั้งในสนามแข่งและบนท้องถนน ผสานเทคโนโลยีและขุมพลังเครื่องยนต์ระดับตำนาน ต้นแบบเครื่องยนต์ Twincam 4 Valve DOHC 150 ซีซี พร้อมเติมเต็มความแรง สนองทุกแรงบิดสะใจด้วย ระบบเกียร์ 6 สปีด คลัทช์มือ สุดเร้าใจเกินบรรยาย ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งผลทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน และการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบสูงได้อย่างดีเยี่ยม ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด (Fuel Injection) ใช้หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ 2 - Spray - Type ซึ่งสามารถสูบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าตรงไปยังวาล์วไอดีทั้งสองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ให้อัตราเร่งตอบสนองแรงบิดในทุกรอบความเร็ว

Hayabusa X-1 (Suzuki GSX1300R Hayabusa Yoshimura X-1)

ที่สุดของความแรง ในการจับมือกันระหว่างสำนักแต่งชื่อดังและซูซูกิ โปรเจ็คนี้จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยนวัตกรรมของเทคโนโลยีที่ผสานกันอย่างลงตัว เมื่อสำนักแต่งชื่อดังอย่าง Yoshimura จับรถจักรยานยนต์ในตำนานอย่าง Suzuki GSX1300R Hayabusa มาแปลงโฉมพร้อมจูนอัพ เพิ่มความแรงตามสูตรเฉพาะ การันตีด้วยรางวัลแชมป์รายการ All Japan Road Race Championship (X-Formula Class) และรายการ Suzuka 8 Hours World Endurance Championship Race (X-Formula Class) นี่คือ Hayabusa X-1 หรือ Suzuki GSX1300R Hayabusa Yoshimura X-1 ที่ ซูซูกิ นำมาให้คุณชมและสัมผัสถึงความแรงอย่างใกล้ชิด

Suzuki GSX-S1000 “The Pure Sport Roadster”

Suzuki GSX-S1000F “Beyond The Sportbike”


Suzuki GSX-S1000 รถจักรยานยนต์สไตล์ Naked และ Suzuki GSX-S1000F รถจักรยานยนต์สไตล์ Full Fairing ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์แนวสปอร์ตไบค์สมรรถนะสูง และมีกำลังแรงในทุกย่านความเร็ว ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและบังคับรถได้อย่างแม่นยำ เฉียบคม นอกจากนั้นยังมีความแข็งแรง ทนทานเป็นเลิศ และยังได้รับการถ่ายทอดทางวิศวกรรมจากรถแข่ง MotoGP สู่รถจักรยานยนต์ทางเรียบสไตล์สตรีทสปอร์ต

Suzuki GSX-S1000 รถจักรยานยนต์สไตล์ Naked ที่ได้รับการออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รูปทรงโดดเด่น ปราดเปรียด แต่ดุดัน และ Suzuki GSX-S1000F รถจักรยานยนต์สไตล์ Full Fairing ที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ให้ดูเซ็กซี่ เพรียวบาง แต่แข็งแกร่ง ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมไฟหน้าโคมคู่แบบ มัลติรีเฟลกเตอร์ ส่องสว่างไกล มั่นใจทุกเส้นทาง

ซึ่งทั้งคู่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 999 ซีซี DOHC 4 จังหวะ 4 สูบ และได้ปรับองศาเพลาลูกเบี้ยวใหม่ โดยเพิ่มทอร์คในรอบต่ำและกลาง ทำให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองอัตราเร่งได้เต็มประสิทธิภาพ และมีอัตราเร่งที่ดีในความเร็วรอบต่ำและกลางเป็นเยี่ยม ทำให้ขับขี่ได้สนุกสนาน และมีเสียงคำรามที่ดุดัน พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม

SV650 “Back to Its Origin”

คอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบรถจักรยานยนต์ซูซูกิ SV650 ใหม่นี้ คือการถ่ายทอดและส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ V-Twin และความเพรียวบางที่เรียบง่ายและน้ำหนักเบา

ที่สุดแห่งสุดยอดเครื่องยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง V-Twin 90 องศา 2 สูบ สมรรถนะเยี่ยม ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และสามารถพาคุณโลดแล่นไปบนเส้นทางแห่งความเร้าใจ ตอบสนองการขับขี่ได้ทุกรูปแบบ และสำหรับในปี 2016 นี้ ซูซูกิขอแนะนำ Suzuki SV650 ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์สมรรถนะที่สูงขึ้น พร้อมประหยัดน้ำมันเพลิงสูงสุดในคลาสเดียวกัน น้ำหนักเบา และรูปลักษณ์ทรงสปอร์ต เร้าใจ

ซูซูกิ SV650 มีน้ำหนักเพียง 197 กก. โดยมีชิ้นส่วนใหม่มากกว่า 70 ชิ้นส่วน และมีโครงสร้างที่เพรียวบางโครงสร้างตัวถังได้มีการออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา คล่องตัวเพื่อให้ขับขี่สนุกพร้อมกับสัมผัสความรู้สึกที่หลากหลาย และเป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุดในโลกแห่งความเป็นจริง มีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม สามารถตอบสนองทุกความต้องการบนท้องถนน เรือนไมล์มีการออกแบบใหม่โดยแสดงผลด้วย Full LCD แบบ Multi-Function Instrument Panel ที่แสดงผลอย่างครบครัน โดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลมแบบ Multi-Reflector ส่องสว่าง ชัดเจน แม้ในเวลากลางวัน พร้อมไฟท้ายรูปทรงเพรียวบางสวยงามแบบ LED ซึ่งมีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างที่ชัดเจน สวยงามสไตล์สปอร์ต 

Suzuki Gladius 650 – Get Your New Own Style


รถจักรยานยนต์สไตล์ Naked ตัวจริง กับรูปลักษณ์ที่สง่างาม โฉบเฉี่ยว ที่ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่สนุกสนานได้ ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของซูซูกิ สามารถผสมผสานรูปลักษณ์ที่สวยงาม และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เข้ากันเป็นหนึ่งเดียว นี่คืออิสรภาพที่ไร้ขีดจำกัดครั้งใหม่ที่คุณจะไม่อาจลืม ด้วยเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงแบบ V-Twin 90 องศา 2 สูบ 4 จังหวะ DOHC ขนาด 645 ซีซี สามารถเติมเต็ม การขับขี่ที่สนุกสนานให้กับชีวิตคุณ ตอบสนองอัตราเร่ง ได้อย่างดีเยี่ยม เต็มประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การดีไซน์ที่ลงตัวในทุกมุมมอง รูปลักษณ์ที่โค้งมนอย่างลงตัว เฟรมที่กระชับ และมีรายละเอียดที่มีเสน่ห์ต่อนักขี่ทุกระดับ ส่องสว่างกว้างไกลแม้ในยามค่ำคืนด้วยไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ท่อไอเสียแบบอะลูมิเนียม โดดเด่นสวยงามสะดุดตา และเฟรมถักที่เป็นเอกลักษณ์ของ Suzuki Gladius

Suzuki V-Strom 1000 ABS – All Adventure No Compromises

สู่การผจญภัยที่ไร้ขีดจำกัดไปกับ Suzuki V-Strom 1000 ABS จะพาคุณโลดแล่นผ่านอุปสรรคและความเร้าใจของการขับขี่ในทุกๆ สภาพถนน ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลังแบบ DOHC 4 จังหวะ ขนาด 1,037 ซีซี V-Twin 90 องศา 6 สปีด มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมติดตั้งระบบ Traction Control เพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถ ป้องกันการลื่นไถลในทุกเส้นทาง พร้อมระบบเบรก ABS เพิ่มความมั่นใจในการ ขับขี่ ระบบกันสะเทือนหน้า Inverted Telescopic แบบปรับได้และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Link Type สปริงแบบพรีโหลดที่สามารถปรับค่าได้ ทำให้การขับขี่ ผจญภัยเป็นเรื่องสนุกและเร้าใจในทุกๆ ท้องถนน

Suzuki V-Strom 650XT ABS - Escape Anywhere

การเดินทางเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพท้องถนนแบบไหน Suzuki V-Strom 650XT ABS ก็สามารถนำพาคุณไปถึงที่หมายอย่างง่ายดาย ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ V-Twin 90 องศา DOHC ขนาด 645 ซีซี ที่ได้ถูกพัฒนาองศาแคม, เพลาลูกเบี้ยวและสปริงวาล์วมาอย่างดี ให้ประสิทธิภาพแรงบิดอันทรงพลังและมีอัตราเร่งที่ดีในรอบความเร็วต่ำและกลางเป็นเยี่ยม พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด และติดตั้ง Suzuki Dual Throttle Valve (SDTV) ที่มีประสิทธิภาพในการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างแม่นยำ ทำงานร่วมกับกล่องสมองกล (ECU) มีหน่วยความจำ 32 Bit เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ อีกทั้งยังจุดระเบิดเต็มประสิทธิภาพด้วยหัวเทียนคู่แบบอิริเดียม จึงสตาร์ทติดง่าย ตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจและยังช่วยลดมลพิษของเสียอีกด้วย Suzuki V-Strom 650XT ABS มาพร้อมล้อซี่ลวดที่สามารถซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดีในทุกๆ สภาพถนน มั่นใจด้วยระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้ผู้ขับขี่ ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าทุกการเดินทางเป็นเรื่องที่ ท้าทาย

Suzuki V-Strom 650 ABS – Time For Real Adventures


ถึงเวลาของการผจญภัยที่แท้จริงกับ Suzuki V-Strom 650 ABS ด้วยเครื่องยนต์แบบ V-Twin 90 องศา DOHC ขนาด 645 ซีซี 4 จังหวะ โครงสร้างตัวถังแบบทวิน-สปา อะลูมิเนียมอัลลอยด์ และสวิงอาร์ม ที่ได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา และแข็งแรง พร้อมล้อแม็กอะลูมิเนียมแบบ 3 ก้าน ช่วยให้การทรงตัวเป็นเยี่ยมแม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบเบรกหน้าแบบ Twin Disc ขนาด 310 มิลลิเมตรและหลังแบบ Single Disc ขนาด 260 มิลลิเมตร มาพร้อมระบบเบรก ABS หน้า-หลัง ช่วยป้องกันล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้ ผู้ขับขี่ ที่พร้อมจะนำทุกท่านไปสู่การเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างที่ต้องการ

Suzuki Boulevard Classic Rumble – Modern Comfort

ด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ V-Twin 45 องศา 4 จังหวะ 4 วาวล์ / 1 สูบ ขนาด 805 ซีซี พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้แรงบิดได้เต็มพิกัด อีกทั้งยังได้นำเทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดที่มีประสิทธิภาพทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมระบบจุดระเบิดที่ทันสมัยแบบ 3D-Mapped Digital ซึ่งทำงานร่วมกับ Throttle-Position Sensor ส่งผลให้สมรรถนะของเครื่องยนต์มีแรงบิดที่ดีเยี่ยมในรอบต่ำและกลาง มาพร้อมระบบเกียร์ 5 สปีด การออกแบบของ Suzuki Boulevard นั้นถูกออกแบบมาเพื่อสื่อถึงความหรูหรามีระดับและความสง่างามในการขับขี่ ผสมผสานความดิบได้อย่างลงตัว ตามสไตล์ครูสเซอร์พันธุ์แท้ตั้งแต่หัวจรดท้าย ชิ้นส่วนต่างๆ ชุบโครเมี่ยมรอบคัน พร้อมกับโคมไฟหน้าทรงกลมแบบ Multi-Reflector ส่องสว่างกว้างไกล, ไฟท้ายแบบ LED สวยสง่าชัดเจน มั่นใจด้วยระบบเบรกแบบดิสก์เบรกหน้ามาพร้อมคาลิเปอร์ 2 พอร์ต แผงหน้าปัดสุดคลาสสิกถูกนำมาติดบนถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนขณะขับขี่ นี่คือคำตอบของนักขับขี่สไตล์ครูสเซอร์ที่เฝ้ารอมานาน
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved