Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

สไปเดอร์ฯ จัดโปรใหม่เอาใจคนรักรถครอบครัว


สไปเดอร์ฯ จัดโปรใหม่เอาใจคนรักรถครอบครัว: ขยั๊นขยันออกแคมเปญโปรโมชั่นใหม่ๆเอาใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องสำหรับ คุณป้อ- จักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการ บริษัท สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ท จำกัด  ที่ล่าสุดเจ้าตัวพร้อมทีมผู้บริหารช่วยกันดันแคมเปญสุดว้าวดับร้อน กับสุดยอดแคมเปญที่มีเฉพาะสไปเดอร์ฯเท่านั้นที่ใจป้ำมอบให้ลูกค้าแบบจัดเต็มกันเลยทีเดียว เมื่อลูกค้าออกรถญี่ปุ่น 3 รุ่น Hot วันนี้  Vellfire, Alphard และ Harrier รับทันทีวารันตี 5 ปี กับ 100,000 กิโลเมตร พร้อม ลุ้นรับ Package ทัวร์ ไปเที่ยวดับร้อน ณ ประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นเทรนด์ประเทศน่าท่องเที่ยวที่มาแรงที่สุดในยุโรป พลาดไม่ได้สำหรับลูกค้าที่ชอบรถครอบครัว  โปรนี้คุณป้อการันตีความคุ้มค่า เพราะรถครอบครัว ที่ต้องใช้งานออกต่างจังหวัดบ่อย จะสึกหรอเร็วกว่ารถประเภทอื่น แต่ที่สไปเดอร์ให้วารันตีถึง 5 ปี เพราะฉะนั้นลูกค้าวางใจเรื่องความคุ้มค่าและค่าใช้จ่ายบริการหลังการขาย วารันตียาวๆ คุ้มค่าสุดๆ แบบนี้ หาได้ที่นี่ที่เดียว  อย่ารอช้ากับแคมเปญดีๆแบบนี้มีให้เฉพาะสไปเดอร์ฯ เท่านั้น  รีบไปสัมผัสรถหรูพร้อมการบริการ เหนือระดับ ณ ศูนย์บริการมาตรฐานสากล สไปเดอร์ ออโต้ อิมพอร์ท ทางโชว์รูมพร้อมให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-18.30 น. ตั้งอยู่ริมถนนบางนา-ตราด กม.4   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.spyderautoimport.com หรือเบอร์โทรศัพท์  02-746-9922  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เอ.พี.ฮอนด้าเผยโฉม RC213V-S Prototype ซูเปอร์ไบค์ที่เป็นที่สุดของโลกในมอเตอร์โชว์ 2015 พร้อมนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านบูทคอนเซปต์ “My Rides My Stories” เปิดตัว New MOOVE14 รถเอ.ที.ล้อ 14 นิ้ว ติดตั้งฮอนด้าสมาร์ทเทคโนโลยีครบครัน



เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย แสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีครั้งยิ่งใหญ่ภายในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2015นำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างผ่านบูทขนาดใหญ่ภายใต้คอนเซปต์ “My Rides My Stories ทุกเส้นทางสร้างประสบการณ์ด้วยรถฮอนด้าบิ๊กไบค์และรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กหลากหลายรุ่นแบ่งตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทย เผยโฉม RC213V-S Prototype สุดยอดซูเปอร์ไบค์ต้นแบบที่ทั่วโลกกำลังกล่าวขานถึง ด้วยคอนเซปต์ใหม่ของการถ่ายทอดสุดยอดเทคโนโลยีจาก RC213V รถแข่งระดับแชมป์โลกโมโตจีพี 2 สมัยซ้อนลงสู่ท้องถนนเป็นครั้งแรกในโลก จัดแสดงในเมืองไทยเป็นประเทศที่ 3 ของโลกต่อจากอิตาลีและญี่ปุ่นเพื่อให้คนไทยได้ชมอย่างใกล้ชิดตลอดทั้ง 13 วันของงาน พร้อมเปิดตัว New Honda MOOVE14 รถสมาร์ทเอ.ที.รุ่นใหม่ล้อ 14 นิ้ว ติดตั้งฮอนด้าสมาร์ทเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ โดยมี ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ความสนุกและสมาร์ทในฐานะพรีเซนเตอร์ เตรียมวางจำหน่ายทั่วประเทศเร็วๆนี้ และพบกับความสนุกจากศิลปินชื่อดังและประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้เข้าเยี่ยมชมบูทอีกมากมาย รวมถึงข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จองฮอนด้าบิ๊กไบค์ภายในงาน และสินค้าใหม่ล่าสุดจาก Honda Collection ในราคาพิเศษ

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้เป้าหมายของการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคชาวไทย เอ.พี.ฮอนด้าได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อส่งมอบประสบการณ์จากการขับขี่ที่แตกต่างสำหรับแต่ละไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถบิ๊กไบค์หรือรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ดังนั้นในงาน Bangkok International Motorshow 2015 เราจึงสร้างสรรค์บูทของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าด้วยคอนเซปต์ My Rides My Stories ทุกเส้นทางสร้างประสบการณ์ โดยการออกแบบบูทในปีนี้ เราได้แรงบันดาลใจมาจากชีลด์หน้าของหมวกกันน็อคที่ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ที่ไม่เคยซ้ำกันของผู้ขับขี่ พร้อมกับเปิดตัวไฮไลท์สำคัญอย่าง RC213V-S Prototype รถซูเปอร์ไบค์คันแรกของโลกที่ได้รับการถ่ายทอดสุดยอดเทคโนโลยีจาก RC213V รถแข่งระดับแชมป์โลกโมโตจีพีลงสู่ท้องถนน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราได้รับโอกาสจากฮอนด้ามอเตอร์ประเทศญี่ปุ่น ให้จัดแสดงรถคันนี้ในเมืองไทยเป็นประเทศที่ 3 ของโลกต่อจากอิตาลีและญี่ปุ่นเพื่อให้คนไทยได้ชมอย่างใกล้ชิดตลอดทั้ง 13 วันของงานในปีนี้ โดยจะจัดแสดงพร้อมกับรถ RC213V หมายเลข 93 ของมาร์ค มาร์เกวซ แชมป์โลกโมโตจีพี 2 สมัยซ้อน และเจ้าของสถิติแชมป์สนามมากที่สุด 13 สนามจาก 18 สนาม รวมถึงสถิติแชมป์สนามติดต่อกัน 10 สนามรวดในฤดูกาลที่ผ่านมา

นอกจากสุดยอดซูเปอร์ไบค์แล้ว เรายังได้นำรถบิ๊กไบค์ระดับพรีเมียมมาจัดแสดงแบบครบครันพร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน และจัดแสดงรถแข่งจากทีมแข่ง A.P. Honda Racing Thailand ที่พึ่งจะประกาศศักดาคว้าแชมป์ซัพพอร์ตเรซของเวิลด์ซูเปอร์ไบค์รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซีมาหมาดๆ รวมถึงนำรถแข่งหมายเลข 9 ของฟีม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ เจ้าของแชมป์เวิลด์ซูเปอร์ไบค์รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี คนแรกในประวัติศาสตร์ไทยภายใต้สังกัด คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ และรถแข่งระดับ World GP ในรุ่น Moto2 มาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ เรายังได้เปิดตัว Honda MOOVE14 รถเอ.ที.ล้อ 14 นิ้วที่ล้ำสมัยกว่าใครด้วย Honda Smart Technology ที่ให้ทั้งความสนุก ความประหยัด และความมั่นใจ โดยมี ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยเป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ Fun & Smart ถือเป็นการเปิดตัวล่วงหน้าก่อนวางจำหน่ายจริงทั่วประเทศเร็วๆนี้

สำหรับบูทรถจักรยานยนต์ฮอนด้า “My Rides My Stories ทุกเส้นทางสร้างประสบการณ์แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 โซน โดยใน 3 โซนแรกจะถูกนำเสนอภายใต้แนวคิด “Honda BigBike Excites the World”  ได้แก่
-  Premium Sport โซนจัดแสดงรถซูเปอร์ไบค์ที่เป็นที่สุดของโลกอย่าง RC213V-S Prototype และรถแข่ง RC213V เบอร์ 93 ของมาร์ค มาร์เกวซ แชมป์โลกในรุ่นโมโตจีพีคนปัจจุบัน

-   Sport Racing โซนจัดแสดงรถแข่งจากทีม A.P. Honda Racing Thailand เจ้าของแชมป์ซัพพอร์ตเรซของเวิลด์ซูเปอร์ไบค์รุ่นซุปเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี และรถแข่งระดับ World GP รุ่น Moto2 รวมถึงรถแข่ง Honda CBR300R จากโครงการ Honda CBR300R Thailand Dream Cup

-   Premium Elegance โซนจัดแสดงรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ระดับพรีเมียมครบทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ นำโดย Honda Goldwing รุ่นพิเศษในโอกาสครบรอบ 40 ปีของรถตระกูลโกลด์วิง และ Honda CBR1000RR Champion Special สุดยอดรถซูเปอร์สปอร์ตลายแชมป์โลกเบอร์ 93 ของมาร์ค มาร์เกวซ รวมไปถึงโมเดลระดับท็อปคลาสอื่นๆอาทิ Goldwing F6B, F6C, CB1100, VFR1200X, NM4, CTX1300 เป็นต้น
และอีก 1 โซนสำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก Fun & Smart จะนำเสนอประสบการณ์ความสนุกภายใต้แนวคิด “Power of Fun Projects” นำโดยโมเดลใหม่ล่าสุด Honda MOOVE14 รถเอ.ที.ล้อ 14 นิ้ว ที่เปิดตัวในงานนี้เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยรถแต่ง Customized หลากสไตล์อาทิ MSX125 Masked Rider V1 Model, Zoomer-X Café Racer, Forza300 New Concept และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์วิบาก เอ.พี.ฮอนด้าก็ได้นำHonda CRF250R เวอร์ชันพิเศษจาก James Bond 007 มาร่วมจัดแสดงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับคนชอบลุย

นอกจากรถรุ่นต่างๆแล้ว เอ.พี.ฮอนด้ายังนำความสนุกมาให้ผู้เข้าชมบูทได้เปิดประสบการณ์อีกมากมายอาทิกิจกรรมร่วมกับนักแสดงและศิลปินชื่อดังอย่าง ญาญ่า, น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา, วง 25Hours รวมไปถึงประสบการณ์ความสนุกใหม่ๆจาก Track Feeling Eyeglass หรือแว่นตาแสดงมุมภาพของนักแข่งขณะลงแข่งขัน, Augmented Reality (AR) , Lean Machine, กิจกรรม Red Fan Battle สำหรับแฟนหงส์-สาวกผี และในวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2558 พบกับการจัดแสดงผลงานของทีมนักศึกษาผู้ชนะเลิศการแข่งขันประกวดแผนการตลาด Marketing Plan Contest ครั้งที่ 7 ณ ลานกิจกรรมด้านหลังชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถและการแต่งตัว เอ.พี.ฮอนด้ายังได้นำเสนออุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ H2C ควบคู่ไปกับสินค้าเครื่องแต่งกาย Honda Collection ลิขสิทธิ์แท้ให้ผู้เข้าชมได้เป็นเจ้าของในราคาพิเศษก่อนใคร
ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูท My Rides My Stories ได้ในงาน The 36thBangkok International Motorshow 2015 ที่บูท M1/1 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึงวันที่ 5 เมษายน 2558 ติดตามรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆตลอดงานได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

โคโรลล่า อัลติส เผยโฉม เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น พร้อมแนะนำพรีเซนเตอร์ใหม่ “ไอซ์ – ปรีชญา”



นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์ซีดานสายพันธุ์สปอร์ต โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น ตอกย้ำไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่รักความท้าทายต้องการความเร้าใจ มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นในตัวเองจนคนรอบข้างต้องหันมามอง (Look at Me Now)  พร้อมเปิด   พรีเซนเตอร์คนล่าสุด “ไอซ์ - ปรีชญา พงษ์ธนานิกร” คู่กับ “ไมค์ - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล”  เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2558 ที่ ลานกิจกรรมเซ็นทรัลเวิลด์สแควร์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ

นายวิเชียร กล่าวว่า “การเปิดตัว โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้าที่รักความท้าทาย ต้องการความเร้าใจ โดยเฉพาะผู้ที่รักการขับรถที่ให้อารมณ์สนุกสนานในการขับขี่ โดย โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นในตัวเองจนคนรอบข้างต้องหันมามอง ภายใต้แรงบันดาลใจของรถยนต์ที่ผ่านบทพิสูจน์จากสนามแข่งขันระดับโลกอย่างนูร์เบอร์กริง ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวชัดเจนทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงสมรรถนะในการขับขี่ที่น่าหลงไหล โดยเฉพาะช่วงล่างใหม่ที่ถูกออกแบบเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ให้สอดคล้องกับการขับขี่แบบสปอร์ต ประกอบกับครีบแหวกม่านอากาศออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่วยลดแรงต้านอากาศและลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน”


โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น
แรงบันดาลใจจากการแข่งขันระดับโลกที่พิสูจน์สมรรถนะรถยนต์อย่างแท้จริง
โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจของรถยนต์ที่ผ่านบทพิสูจน์ถึงความทนทานของเครื่องยนต์ ความหนึบของช่วงล่าง รวมถึงความแม่นยำของระบบเบรค ความเข้มข้นของรูปแบบการแข่งขันที่ยาวนาน ความยากและท้าทายของสนามแข่งขันระดับโลกนูร์เบอร์กริง

ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ดุดันสะดุดตา ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) นับตั้งแต่บริเวณใต้ท้องรถ ไปจนถึงกระจกมองข้างและไฟท้าย ช่วยลดแรงต้านอากาศ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความสนุกสนานในการขับขี่ พร้อมกับสมรรถนะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยขุมพลังด้วย เครื่องยนต์เบนซิน DOHC Dual VVT-i 4 สูบแถวเรียง 1,800 ซีซี และระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i ที่ถูกปรับแต่งใหม่เพื่อเพิ่มอารมณ์การขับแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นและประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแต่เกาะถนนดียิ่งขึ้น มีการควบคุมบังคับที่คล่องตัว ระบบเบรคแม่นยำฉับไว ตลอดจนระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น คือ สุดยอดรถยนต์ที่มีความยอดเยี่ยมเร้าใจสไตล์สปอร์ตทั้งดีไซน์และสมรรถนะ

ภายนอก...โฉบเฉี่ยว ด้วยจิตวิญญาณแห่งยานยนต์สปอร์ต
  • ดุดันด้วยกระจังหน้า Piano Black พร้อมแถบ Gun Metallic
  • ดีไซน์เร้าใจสปอร์ตทุกมุมมองด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง ท่อไอเสียแบบสปอร์ต
และสปอยเลอร์หลังดีไซน์พิเศษ
  • บ่งบอกความเป็นรุ่นพิเศษด้วยสติกเกอร์ Nurburgring Edition บริเวณด้านข้างตัวรถ
  • โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อม ไฟ LED Day Time Running Lights
และไฟท้าย LED Surface illumination แบบรมดำ
  • ล้ออัลลอย 17 นิ้ว  ดีไซน์เข้มทุกมุมมอง

ภายใน … เข้ม เต็มอารมณ์ในทุกรายละเอียด
  • ภายในสีดำสไตล์สปอร์ต
  • เบาะหนังคู่หน้าแบบ Bucket Seat กระชับสรีระ ทุกจังหวะการขับขี่ ปั้มโลโก้ ESPORT และ ด้ายแดง
  • วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้าแบบ Piano Black พร้อมแถบสีแดง และบุด้วยวัสดุแบบนุ่ม
  • วัสดุตกแต่งแผงประตูสีแดง บ่งบอกถึงความเป็นสปอร์ตพันธ์แท้
  • แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift เร้าใจสไตล์สปอร์ต
  • มาตรวัดเรืองแสง 3 วง สปอร์ตเต็มขั้น
  • พวงมาลัยหุ้มหนังตะเข็บแดงปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง
  • เครื่องเล่น DVD หน้าจอขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับระบบนำทางอัจฉริยะ Smart G-BOOK

นายวุฒิกร กล่าวว่า “เพื่อเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์อันโดดเด่นของ อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น โตโยต้ามีความยินดีที่ได้นักแสดงสาวมากความสามารถ “ไอซ์ - ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ที่ประสบความสำเร็จจนได้รับการยกย่องเป็นนางเอกร้อยล้านคนล่าสุดจากภาพยนตร์ “ไอฟาย แต้งกิ้ว เลิฟยู้ว” มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น ควบคู่ไปกับ ไมค์ - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล

เรามั่นใจว่าด้วยภาพลักษณ์ที่คล่องแคล่วและเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของทั้ง 2 คน จะสะท้อนเอกลักษณ์ของ โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น ถึงความเป็นยนตรกรรมที่โฉบเฉี่ยวดุดัน ทั้งภายนอกและภายใน เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะความเร้าใจระดับโลกที่ตอบสนองได้ในทุกระดับของการขับขี่”

“เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของรถยนต์โคโรลล่า อัลติส นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น ในฐานะรถ โปรดักชั่นคันแรกที่ผลิตจากสายการผลิตในประเทศไทยเหมือนรถที่จำหน่ายอยู่ในโชว์รูม ที่สามารถพิชิตสนามนูร์เบอร์กริงสนามแข่งรถระดับตำนานของโลก เราจึงได้จัดกิจกรรม “Corolla Esport So Excited So Nurburgring” ตามรอยการแข่งขันรถระดับตำนาน พร้อมสัมผัสสุดยอดประสบการณ์ความท้าทายจากสนามเวิลด์กรังด์ปรีซ์ เพื่อขอบคุณลูกค้าผู้มีอุปการคุณทุกท่าน โดยลูกค้าที่ซื้อรถยนต์โคโรลล่า อัลติส เกียร์อัตโนมัติทุกรุ่น ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 30 เมษายน 2558 จะได้รับสิทธิ์ในการส่งคูปองร่วมลุ้นชิงโชค หาผู้โชคดีในวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 โดยจะมีการจับรางวัลเป็น แพกเกจทัวร์ ประเทศเยอรมัน – เบลเยี่ยม สำหรับ 2 ท่าน จำนวน 12 รางวัล รางวัลละ 300,000 บาท รวมมูลค่า 3,600,000 บาท” นายวุฒิกร กล่าวในที่สุด

เลือกเป็นเจ้าของ โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น ได้ 2 สี
  • สีขาวมุก...White Pearl
  • สีดำ…Attitude Black Mica

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและเครื่องปรับอากาศ)
  • รุ่น 1.8 ESport Nurburgring Edition สีขาวมุก 959,000 บาท
  • รุ่น 1.8 ESport Nurburgring Edition สีดำ 949,000 บาท

ร่วมสัมผัส โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น
ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์
ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 6 เมษายน 2558
ที่เมืองทองธานี

และที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 410 แห่งทั่วประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558

เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮ คันทรี่ ยกระดับรถกระบะสำหรับคนเมือง โดดเด่นทางเทคนิคและสุนทรียภาพแห่งรถกระบะ ได้รับการออกแบบให้เป็นรถกระบะระดับพรีเมียม



เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย เปิดตัวโคโลราโด ไฮ คันทรี่ ยกระดับความหรูหราให้รถกระบะพันธุ์แกร่งสำหรับตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ชื่อ “ไฮ คันทรี่” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถกระบะขนาดใหญ่รุ่นท็อปไลน์ของเชฟโรเลตที่จัดจำหน่ายในอเมริกาเหนือและรถกระบะขนาดกลางรุ่นท็อปไลน์ของเชฟโรเลตที่จัดจำหน่ายในบราซิล ไฮ คันทรี่ โดดเด่นด้วยบุคลิกแบบรถอเมริกันพันธุ์แท้ที่ได้รับการออกแบบสำหรับตลาดระดับบนเพื่อมอบไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมืองใหญ่และยังคงมีสมรรถนะสูงเพื่อรองรับการใช้งานอย่างสมบุกสมบันนอกเมือง

“ลูกค้าจำนวนมากต้องการคุณสมบัติที่เหนือกว่าสำหรับรถกระบะนอก เหนือไปจากสมรรถนะการวิ่งบนท้องถนนและการลุยเส้นทางออฟโรดรวมไปถึงกำลังในการบรรทุกซึ่งเพียบพร้อมอยู่ในรถกระบะ โคโลราโดทุกรุ่นแล้ว พวกเขายังต้องการความโดดเด่นที่เหนือกว่าซึ่งไฮ คันทรี่ ไม่เพียงแต่เป็นรถกระบะที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมเท่านั้นหากยังตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์” มาร์คอส เพอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย และเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย กล่าว

ไฮ คันทรี่ เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นล่าสุดของเชฟโรเลตในการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่สานต่อตำนานความสำเร็จ “รถกระบะพันธุ์แกร่ง” ของแบรนด์เชฟโรเลต จีเอ็มแนะนำรถกระบะเชฟโรเลต รุ่นแรกในอเมริกาเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมาและยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่สำหรับตลาดรถกระบะอย่างต่อเนื่อง


เชฟโรเลต พัฒนารถกระบะ รุ่นไฮ คันทรี่ ด้วยการให้ความสำคัญสูงสุดกับกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ชีวิตในเมือง การตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกช่วยสร้างความแตกต่างให้ไฮ คันทรี่ มีความโดดเด่นเหนือกว่ารถกระบะรุ่นอื่นในประเทศไทยด้วยโคมไฟหน้าสีเข้ม กระจังหน้าสีเทาอ่อนสลับดำ รวมถึงแผงกันชนเสริม และเสาหลังคากลางด้วยวัสดุพื้นผิวมันเงา พร้อมกันนี้ยังคงความสวยงามสะดุดตาด้วยการติดตั้งราวหลังคาแนวขวาง โครงเหล็กแบบสปอร์ต ลายโครเมียมด้านข้างตัวรถและกระจกมองข้าง ที่เปิดฝากระบะท้ายสีดำโครเมียม และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้วที่ยกระดับไฮ คันทรี่ ให้มีความสง่างามมากยิ่งขึ้นและเน้นย้ำความเป็นรถระดับพรีเมียมสำหรับคนเมืองอย่างชัดเจน


"ไฮ คันทรี่ ได้รับการยกระดับความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ต้องการห้องโดยสารที่สวยงาม ทันสมัย และอุปกรณ์เทคโนโลยีในระดับเดียวกับรถพรีเมียม รูปลักษณ์ภายนอกมีความแข็งแกร่งเหมาะกับการใช้งานหนักแต่ยังคงความสวยสะดุดตาสำหรับการออกเดทในค่ำคืนพิเศษกับคนรู้ใจ" อุณา ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย กล่าว


ขุมพลังขับเคลื่อนของไฮ คันทรี่ คือ เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ เจนเนอเรชั่นที่สองซึ่งทำให้ไฮ คันทรี่ เป็นรถกระบะที่ทรงพลังและมีแรงบิดสูงที่สุดในรถตลาดเดียวกัน เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ให้กำลัง 200 แรงม้า (147 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ไฮ คันทรี่ จึงมีกำลังเทียบเท่าหรือเหนือกว่ารถกระบะรุ่นอื่นๆ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่กว่า และเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์นี้ยังให้อัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจและสมรรถนะที่สูงต่อเนื่อง รวมถึงกำลังในการลากจูงและการบรรทุกได้อย่างเต็มพิกัด
เครื่องยนต์นี้ควบคุมโดยซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยจีเอ็มเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำในช่วงที่ให้กำลังสูงสุด อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่ เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ดีเซล 2.8 ลิตร ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4


สำหรับความปลอดภัยทั้งแบบแอคทีฟและแบบแพสซีฟ ไฮ คันทรี่ มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน ระบบกระจายแรงเบรกอิเลคทรอนิคส์ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน

ไฮ คันทรี่ ยังมีค่าบำรุงรักษาที่ประหยัดโดยกำหนดการเข้าตรวจเช็คสภาพรถอยู่ที่ทุก 15,000 กม. ซึ่งมีระยะเวลาการกำหนดเข้าตรวจเช็คสภาพนานกว่าคู่แข่งที่กำหนดการตรวจเช็คไว้ที่ทุก 10,000 กม.

เชฟโรเลต โคโลราโดไฮ คันทรี่ มี 2 รุ่นให้เลือก คือ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 969,000บาท และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา1,029,000บาท

เชฟโรเลต โคโลราโด เป็นผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์เชฟโรเลตในประเทศไทย ไฮ คันทรี่ ได้รับการออกแบบเพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาดของรถกระบะเชฟโรเลตโดยกระตุ้นการซื้อ ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองลูกค้าที่กำลังมองหารถกระบะระดับพรีเมี่ยมและจะมีการเปิดตัวสู่ตลาดในเดือนมีนาคมนี้ที่งานบางกอก


อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2558 สำหรับการปรับโฉมเชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นย่อยอื่นๆ จะประกาศให้ทราบในภายหลัง

บริดจสโตนแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ “POTENZA Adrenalin RE003” พร้อมทดสอบประสิทธิภาพ เพื่อสัมผัสที่สุดแห่งความเร้าใจในการขับขี่



[พระนครศรีอยุธยา] (16 มีนาคม 2558) – บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ “BRIDGESTONE POTENZA Adrenalin RE003” ปลุกพลังสปอร์ตในตัวคุณ ชูคุณสมบัติเด่นด้วยแนวคิด เร้าใจทุกการขับขี่ มั่นใจทุกสถานการณ์ โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์สไตล์สปอร์ต พร้อมเชิญสื่อมวลชนและกลุ่มสมาชิก Car Club ร่วมทดสอบประสิทธิภาพและสัมผัสความเร้าใจในการขับขี่สูงสุด ณ สนามทดสอบยางรถยนต์ Thai Bridgestone Proving Ground จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
มร. โทมิโอะ ฟุกุสุมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริดจสโตนเข้าใจความต้องการอันหลากหลาย โดยเฉพาะผู้ที่รักการขับขี่แบบสปอร์ต ชื่นชอบยางรถยนต์ที่มีดีไซน์โดดเด่น โฉบเฉี่ยว และมาพร้อมด้วยสมรรถนะเยี่ยม เพื่อการขับขี่อย่างมั่นใจ ที่สำคัญปลอดภัยในการหยุดรถและตอบสนองการควบคุมอย่างเหนือชั้นทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก จึงเป็นที่มาของการออกแบบยางรถยนต์รุ่นใหม่ที่พัฒนาทั้งดีไซน์และเทคโนโลยี โดยมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน”

ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ “BRIDGESTONE POTENZA Adrenalin RE003” มีให้เลือก 40 ขนาด ตั้งแต่ขอบ 15 นิ้ว จนถึง   ขอบ 20 นิ้ว ตั้งแต่ราคา 3,300-13,300 บาท จำหน่ายที่ศูนย์บริการค็อกพิท ออโต้บอย แอค และผู้แทนจำหน่ายยาง  บริดจสโตนทั่วประเทศ  สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 02-636-1555 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) หรือ 1800-259-537(ต่างจังหวัดโทรฟรี)  

รูปแบบและเทคโนโลยีใหม่ สำหรับแกรนด์ ทัวริ่ง สุดหรู


  • รูปแบบที่ได้รับการยกระดับและเพิ่มคุณสมบัติที่โดดเด่นให้กับครอบครัวคอนติเนนทัล จีที (Continental GT)
  • คอนติเนนทัล จีที W12 (Continental GT W12) เพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์เป็น       590 PS (582 แรงม้า/ 434 กิโลวัตต์) และ 720 นิวตันเมตร ประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น
  • ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) เพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อความหรูหราของรถ 4 ประตู

(เมือง Crewe) เบนท์ลี่ย์ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกด้วยการยกระดับ ปรับเปลี่ยน รูปลักษณ์ของคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ให้มีความทันสมัยและเพื่อสร้างความสำเร็จให้กับรถคันนี้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ยังได้เสริมความหรูหราและเพิ่มเรื่องของพละกำลังให้ดียิ่งขึ้น และเป็นจุดเด่นสำคัญสำหรับปี 2015 ที่เบนท์ลี่ย์มุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาการขับเคลื่อน เทคโนโลยี และความสะดวกสบายของห้องโดยสารอย่างเต็มพิกัดอีกด้วย
รุ่นใหม่นี้ทำการอวดโฉมและจัดแสดงโชว์ในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show ตั้งแต่วันอังคารที่ 3 มีนาคมเป็นต้นไป
Wolfgang Dürheimer, ประธานกรรมการและประธานบริหารของเบนท์ลี่ย์ได้กล่าวว่า:
เบนท์ลี่ย์นำเสนอความหรูหราและประสิทธิภาพของรถได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมด้วยความสะดวกสบายอย่างเต็มพิกัดให้กับรถแกรนด์ ทัวริ่ง และจะเป็นจุดขายสำคัญสำหรับปี 2015 ในการขยายสมาชิกใหม่ให้กับครอบครัวเบนท์ลี่ย์ พวกเรารับฟังความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ และด้วยคำแนะนำเหล่านี้นี่เองที่จะนำไปสู่การสรรสร้างรถให้มีรูปลักษณ์ที่น่าประทับใจ, ประหยัด และแน่นอนเหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน"
รูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นของคอนติเนนทัล จีที (Continental GT)
เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ได้รับการปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ โดยเน้นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นแกรนด์ ทัวเร่อร์ (Grand Tourer) ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น กันชนด้านหน้าจะผสมผสานช่องระบายอากาศที่ได้รับการออกแบบมาใหม่ได้อย่างลงตัว เน้นให้เห็นถึงความทรงพละกำลังของรถจากทางด้านหน้า เสริมทัพด้วย โลโก้ “B” ที่เน้นให้เห็นถึงความเป็นเบนท์ลี่ย์ และเส้นสายของรถ “Power line” ทรงพละกำลังที่ออกแบบได้อย่างลงตัวจนถึงซุ้มล้อด้านหน้า

ทางด้านหลังของรถจะพบกับฝากระโปรงที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ได้สัดส่วนที่คมชัดยิ่งขึ้น เน้นประโยชน์ในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ให้ได้มากที่สุด กันชนหลังได้รับการปรับโฉมด้วยเช่นกัน โดยได้ขยายให้ใหญ่มากขึ้นและสัมผัสได้ถึงความทรงพละกำลังของเครื่องยนต์ และจะมาพร้อมกับ full-width brightware ส่วนรุ่น V8 S และ GT Speed จะแตกต่างด้วยแผ่นกระจายอากาศทางด้านหลังที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเน้นเรื่องของประสิทธิภาพของรถเป็นหลักในตระกูลคอนติเนนทัล (Continental) นั่นเอง
รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเพื่อการเติมเต็มความโดดเด่นให้กับรถ อาทิเช่น ล้อใหม่ซึ่งสามารถเลือกติดตั้งได้โดยเปลี่ยนจากขนาดล้อ 20 นิ้วเป็น 21 นิ้ว ล้อมาตรฐานของรุ่น GT V8 และ GT W12 จะติดตั้งล้อขนาด 20 นิ้วลาย six-tri-spoke wheel โดยแตกต่างที่ V8 จะพ่นเงาน้อยกว่า ส่วน W12 จะพ่นเงามากกว่า ล้อของชุดแต่ง Mulliner Driving Specification เป็นล้อขนาด 21 นิ้วลาย seven-twin-spoke design ในเฉดสี Graphite grey สำหรับรุ่น V8 S และ GT Speed จะมาพร้อมกับล้อลายสปอร์ตขนาด 21 นิ้ว 5 ก้านอีกด้วย
สีใหม่มีให้เลือกเพิ่มเติมอีก 3 สีเพื่อทำให้ตัวรถมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น นั่นคือสี Marlin (สีน้ำเงินเข้มเคลือบเมทาลิก), Camel (สีทองอ่อน) และ Jetstream (สีฟ้าอ่อนสว่างเคลือบเมทาลิก)
ห้องโดยสารที่ทันสมัย สะดวกสบาย

ห้องโดยสารภายในได้รับการพัฒนาปรับเปลี่ยนให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น ปุ่ม และแผงควบคุม รวมถึงโทนสีต่างๆ ในห้องโดยสารของรถ 4 ที่นั่งจะเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก ในขณะที่ชุดแต่ง Mulliner Driving Specification (เป็นชุดแต่งมาตรฐานให้กับรุ่น GT Speed) จะทำให้รถดูสปอร์ตและโดดเด่น ด้วยรอยตะเข็บแบบเพชรหรือ “small-diamond” ตามแบบฉบับของประเทศอังกฤษ การบังคับควบคุมการทำงานของรถจากผู้ขับขี่จะเป็นไปได้ง่ายและเหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น พวงมาลัยสปอร์ตมาพร้อมกับก้านเกียร์เพื่อช่วยในการเปลี่ยนระดับเกียร์ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

ชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่บริเวณคอนโซลได้รับการพัฒนาปรับเปลี่ยน แผงควบคุมของผู้ขับขี่จะมาพร้อมกับหน้าปัดใหม่ และกราฟฟิคต่างๆ ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความเหมาะสมและทันสมัยมากขึ้น เทคโนโลยีระบบไฟ LEDs ถูกนำเข้ามาเสริมความหรูหราและความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย คอนโซลกลางจะโดดเด่นด้วยก้านเกียร์สีดำใหม่ล่าสุด ที่จะบ่งบอกความเป็นสปอร์ตสุดหรูของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี สำหรับรุ่น V8 และ V8 S Coupe จะมาพร้อมกับที่เก็บของเพิ่มเติมใหม่ล่าสุดที่จะติดตั้งซ่อนอยู่ระหว่างเบาะหลัง และสามารถใช้ในการเก็บของและชาร์จอุปกรณ์เชื่อมต่อไฟฟ้าต่างๆ รวมถึง iPads ได้อีกด้วย

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานแล้ว จุดเด่นของอุปกรณ์ภายในได้รับการพัฒนาควบคู่กันไปด้วยเช่นกัน

สำหรับรุ่น GT W12 และ GT Speed สามารถติดตั้งเบาะเพิ่มความนุ่มนวล softer semi-aniline hide สำหรับเบาะนั่งและพร้อมพนักพิง ผลิตจากหนังคุณภาพสูงที่ใช้อยู่ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ และให้สัมผัสถึงความนุ่มสบาย หรูหรา และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน สีใหม่สำหรับ คอนติเนนทัล (Continental) ในปี 2015 คือสี Shortbread และ Camel

ส่วนเส้นสายของหลังคาในรุ่น GT V8 และ GT W12 รวมถึงรุ่น Speed Coupe มาในรูปแบบหนัง Alcantara® และมีสีให้เลือกถึง 17 สีเลยทีเดียว

การเชื่อมต่อแบบ WiFi ในรถจะช่วยทำให้เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และสามารถทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ จากภายในรถได้

ประสิทธิภาพของ W12 และความประหยัดที่มากขึ้น

นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้กับคอนติเนนทัล GT W12 (Continental GT W12) แล้ว เครื่องยนต์ยังได้รับการปรับเปลี่ยนเช่นกัน โดยเปลี่ยน 3 จุดหลักสำหรับเครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร Twin Turbo W12 นั่นคือพละกำลังเครื่องยนต์และแรงบิดที่เพิ่มขึ้น จาก 575 PS (567 แรงม้า / 423 กิโลวัตต์) และ 700 นิวตันเมตร เป็น 590 PS (582 แรงม้า / 434 กิโลวัตต์) และ 720 นิวตันเมตรเลยทีเดียว

การเพิ่มประสิทธิภาพและพละกำลังของเครื่องยนต์นำไปสู่การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้นอีก 5% โดย GT W12 มาพร้อมกับระบบ variable displacement system และด้วยเครื่องยนต์ใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพในการใช้งานร่วมกับส่วนของวาล์วปีกผีเสื้อบนลูกสูบ 6 สูบจาก 12 สูบได้ ส่งผลให้ลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลงและลดระดับ การปล่อยมลพิษหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) เป็น 329 กรัม/กิโลเมตร และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจะอยู่ที่ 14 ลิตร/100 กิโลเมตร (7.14 กิโลเมตร/ลิตร)

ตัวเลือกของความหรูหราที่เพิ่มใน ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur)

เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) รถ 4 ประตู ซีดาน ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนและเพิ่มคุณสมบัติที่โดดเด่นเข้าไปในปี 2015

ล้อขนาด 20 นิ้วแบบ six-tri-spoke wheel สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้ง V8 และ W12 ในขณะที่ล้อขนาด 21 นิ้วแบบ 7 ก้านคู่หรือ seven-twin-spoke สามารถติดตั้งได้กับฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) W12 Mulliner และสามารถพ่นเงาหรือพ่นสี Graphite เพื่อให้ล้อมีความเงางามมากยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสารของฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ยังมีความทันสมัยที่เพิ่มขึ้น และยังมีจุดเด่นใหม่ๆ ที่จะมาเติมเต็มสำหรับรูปลักษณ์ภายในห้องโดยสาร และการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน แผงหน้าปัดหน้าคนขับได้รับการเปลี่ยนโฉมรูปแบบกราฟฟิคให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ในขณะที่พวงมาลัยได้รับการออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ต ปุ่มสวิทช์มาในรูปแบบเหล็กเหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับก้านเกียร์ หรือ Shift Paddles ไม่เพียงเท่านี้ใน ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ยังสามารถเรียกใช้งานระบบ WiFi hotspot system เสมือนกับที่ใช้อยู่ในรุ่น คอนติเนนทัล (Continental) เพื่อการเชื่อมต่อที่ดีเยี่ยมขณะขับขี่ และสามารถผ่อนคลายภายในรถฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ได้ดียิ่งขึ้น

อีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มเติมคือสีใหม่ล่าสุดนั่นคือ สี Marlin, Camel และ Jetstream เหมือนกันกับรุ่น คอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ส่วนหนังได้รับการเสริมด้วยสี Shortbread และ Camel

พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดอยู่ที่ 625 PS (616 แรงม้า / 460 กิโลวัตต์) / 800 นิวตันเมตร (590 lb.ft) สำหรับเครื่องยนต์ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) W12 อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้น และมีความสามารถเสมือนรถแกรนด์ ทัวริ่ง (Grand Touring) ซึ่งต้องยกความดีให้กับระบบ variable displacement system ที่ติดตั้งอยู่ภายในคอนติเนนทัล GT W12 ด้วยเช่นกัน โดยอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง และลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  (CO2 ) ต่ำลงเหลือเพียง 333 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น
ข้อความจากผู้เขียน
เบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ คือแบรนด์รถยนต์หรูที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง บริษัทแม่ตั้งอยู่ที่เมือง Crewe โดยเป็นที่ตั้งของทีมออกแบบ ทีมวิจัยและพัฒนา ทีมวิศวกรและเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผลิตรถทั้ง 3 รุ่นของเบนท์ลี่ย์นั่นคือ คอนติเนนทัล (Continental) ฟลาย อิ้งสเปอร์ (Flying Spur) และ   มูซาน (Mulsanne)  ฝีมือและทักษะงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมได้ถูกถ่ายทอดต่อรุ่นสู่รุ่น พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญทางทักษะของวิศวกรและเทคโนโลยีชั้นนำคือความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่หรูหราอย่างเบนท์ลี่ย์ และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเป็นโรงงานผลิตรถยนต์คุณภาพสูงของอังกฤษ ซึ่งมีพนักงานถึง 3,800 คน ณ เมือง Crewe เลยทีเดียว
สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้จาก บริษัท            เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษโดยตรง คอยให้บริการรถยนต์เบนท์ลี่ย์ของท่าน  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้ที่แผนกขายโทร. 02-261-   1050-1 หรือ 02-610-9911-3และท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่  www.thailand.bentleymotors.com
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved