Posted by Contemporary industry
Posted on 05:28
การช่วยการขับขี่และความปลอดภัยในระบบPRE-SAFE® Plus ของ Mercedes-Benz C-Class Saloon
ข้อได้เปรียบสำหรับการป้องกันในกรณีที่จะมีการชนกันทางด้านท้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ระบบ PRE-SAFE® PLUS อาจจะถูกกระตุ้นการทำงานได้เมื่อกำลังจะมีการชนท้ายใกล้เข้ามาเพื่อเป็นมาตรการในการป้องกันของผู้โดยสาร
ถ้าตรวจพบอันตรายจากอุบัติเหตุในการชนท้าย PRE-SAFE® PLUS จะเปิดการทำงานสัญญาณเตือนอันตรายด้านหลังเพื่อเป็นการเตือนให้กับคนขับที่กำลังขับตามมาด้วยความถี่ในการกระพริบที่สูง นอกจากนี้ การป้องกันมาตรการในการป้องกันผู้โดยสาร PRE-SAFE® จะถูกกระตุ้นการทำงาน ตัวอย่างเช่น ตัวดึงเข็มขัดนิรภัยที่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เพื่อทำการยึดแน่นคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าและเพื่อเป็นการเตรียมการสำหรับกรณีที่เกิดการชนกันให้ดีขึ้น
ถ้ายานพาหนะหยุดนิ่ง PRE-SAFE® PLUS จะสามารถเบรกยานพาหนะให้นิ่งในกรณีที่เกิดการชนกัน และซึ่งจะเป็นการลดการถูกกระชากไปข้างหน้าลงได้ สิ่งนี้จะสามารถทำให้ในกรณีที่มีการโหลดผู้โดยสาร อีกทั้งในการลดความเสี่ยงของสิ่งที่เรียกว่าการบาดเจ็บจากการถูกเหวี่ยงลงได้อย่างเห็นได้ชัด
จะมีให้ใช้เฉพาะโดยเป็นส่วนประกอบของแพ็คเกจการช่วยเหลือการขับขี่แบบ Plus เท่านั้น
Posted by Contemporary industry
Posted on 05:08
ระบบช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัย
ระบบ Distance Pilot DISTRONIC
ภาพประกอบจะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของตัวนำร่องระยะห่าง DISTRONIC ที่จะช่วยรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยไปยังผู้ขับขี่ด้านหน้าของท่านได้โดยอัตโนมัติ
ระยะห่างที่ปลอดภัย ความสะดวกสบายสูง
ระบบ Distance Pilot DISTRONIC ช่วยลดความเสี่ยงในของการชนปะทะทางด้านหลังและให้การเดินทางไกลมีความผ่อนคลายมากเป็นพิเศษรวมถึงในสภาพการจราจรที่ติดขัดด้วย
นวัตกรรมระบบช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้า
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติจะส่งสัญญาณเตือนด้วยภาพและเสียงถ้าระยะห่างที่ปลอดภัยลดต่ำลง
ระบบที่ทำงานบนพื้นฐานการทำงานของเรด้าร์เรดาร์จะสั่งให้ความเร็วของรถลดต่ำลงตามความจำเป็นและเร่งความเร็วจนถึงระดับที่พึงพอใจอีกครั้งเมื่อมีความเป็นไปได้
ระบบ Distance Pilot DISTRONIC ทำงานที่ระดับความเร็วตั้งแต่ 0 ถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์เรดาร์เรด้าร์ช่วยให้ผู้ขับขี่มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันทีที่มีรถยนต์วิ่งตัดเข้ามาในช่องทางวิ่งหรือรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้า
การเบรกอัตโนมัติจะทำให้ระยะทางลดลง 5 เมตรต่อวินาที ในสถานการณ์ที่เรียกร้องเวลาในการให้ลดความเร็วยาวนานมากขึ้นผู้ขับขี่จะได้รับการเตือนด้วยสัญญาณภาพและเสียง
ประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นของระบบ Distance Pilot DISTRONIC:
พลังในการขับเคลื่อนตามที่ต้องการ
การเลือกโหมดการขับขี่ "Comfort" หรือ "Sport" ยังได้รับความประทับใจในบุคลิกการขับขี่เพิ่มเติมจากฟังก์ชันการควบคุมระยะโดยอัตโนมัติด้วย ตัวอย่างเช่น ในโหมด "Sport" อัตราเร่งจะเรียกใช้ได้อย่างรวดเร็วและมีพลังมากขึ้นเมื่อเปลี่ยนช่องทางวิ่ง ความนุ่มนวลสะดวกสบายจะเพิ่มมากขึ้นในโหมด "Comfort"
สนับสนุนโดยอัตโนมัติบนทางด่วน
การแซงที่ผิดกฎจราจรในช่องทางวิ่งช้าบนทางด่วนและในลักษณะเดียวบนถนนสายหลักจะได้รับการปกป้องโดยการจำกัดระยะห่างกับรถยนต์ที่วิ่งอยู่ในช่องทางด่วนอย่างเหมาะสม
Posted by Contemporary industry
Posted on 05:02
การใช้ระบบ DYNAMIC SELECT ทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนบุคลิกการบังคับควบคุมให้เหมาะสมกับความพึงพอใจส่วนตัวยิ่งขึ้น ของ Mercedes-Benz C-Class Saloon
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:43
บุคลิกการบังคับควบคุม
เปลี่ยนแปลงได้ง่ายดาย จากความผ่อนคลายไปถึงความกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วรวดเร็ว ในMercedes-Benz C-Class Saloon
การประสานการทำงานของชุดแพ็คเกจ แพ็กเกจ AIRMATIC Dynamic
Handling กับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 สปีดและ7G-TRONIC ทำให้บุคลิกการบังคับควบคุมสัมผัสรับรู้ได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่เน้นในด้านของความนุ่มนวลสะดวกสบายไปจนถึงรูปแบบสปอร์ต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความตัองการของผู้ขับขี่ C-Class Saloon สามารถเปลี่ยนให้เป็นรถยนต์นั่งแบบซาลูนสำหรับการเดินทางไกลที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับการจัดเก็บทุกแรงสั่นสะเทือนไม่ให้เข้ามา
รบกวนความสนุกสนานเพลิดเพลินของผู้ที่อยู่ภายในห้องโดยสารหรือการส่งมอบสมรรถนะที่รวดเร็วพร้อมการสร้างความประทับใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยการบังคับเลี้ยวที่เที่ยงตรงแม่นยำและการรับแรงสั่นสะเทือนที่มั่นคงแข็งแรง
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:28
ทุกสิ่งทุกอย่างปรากฏอยู่ในภาพเมื่อนำรถเข้าจอด
ระบบจะแสดงภาพเสมือนจริงรอบตัวรถเมื่อนำรถเข้าจอดและการขับขี่หลบหลีกด้วยการทำงานของกล้อง 4 ตัวซึ่งภาพที่แสดงให้เห็นจะเป็นภาพมุมสูงของตัวรถและพื้นที่โดยรอบ
สิ่งกีดขวางที่อยู่ต่ำกว่าระดับขอบกระจกหน้าต่างจะถูกแสดงให้ผู้ขับขี่รับรู้ด้วยเช่นกัน
ระบบ Active Parking พร้อมกล้องแสดงภาพ 360 องศาถูกกระตุ้นให้ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เข้าเกียร์ถอย กดปุ่มสั่งการทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องหรือผ่านทางเมนูรายการ
ของระบบ COMAND Online ถึงแม้ภาพจะเปลี่ยนแปลงไปโดยอัตโนมัติแต่สามารถเลือกอย่างเป็นอิสระได้ด้วยเช่นกัน
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:25
การปกป้องพิเศษในกรณีที่กำลังจะเกิดการชนปะทะทางด้านหลัง
ระบบ PRE-SAFE® จะตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากเซนเซอร์ต่างๆ เช่น โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® และระบบช่วยเบรกอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
ทำให้สามารถรับรู้ได้ถึงการขับขี่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การเกิดอาการโอเวอร์เสตียร์หรืออันเดอร์เสตียร์และการหยุดรถอย่างกะทันทัน
ถ้าอันตรายจากการชนปะทะทางด้านหลังถูกตรวจพบ ระบบ PRE-SAFE® จะสั่งการให้สัญญาณไฟเตือนฉุกเฉินทางด้านหลังทำงานในแบบไฟกระพริบกะพริบพร้อมความถี่ในการทำงานสูงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ตามหลังมาให้รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ถ้ารถจอดอยู่กับที่แรงดันเบรกจะถูกสั่งให้เพิ่มขึ้นเพื่อลดน้ำหนักของแรงปะทะที่เข้ามาในห้องโดยสารระหว่างเกิดการชนปะทะ
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:21
รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย
ระบบ Distance Pilot DISTRONIC ช่วยลดความเสี่ยงในการชนปะทะทางด้านหลังและให้การเดินทางไกลมีความผ่อนคลายมากเป็นพิเศษรวมถึงในสภาพการจราจรที่ติดขัดด้วย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทำงานโดยอัตโนมัติช่วยให้ C-Class อยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้า
นอกจากนี้ยังสามารถที่จะรับรู้ถึงรถยนต์ที่แซงตัดเข้ามาในช่องทางวิ่งขึ้นมาและทำปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที
ลดความเร็วถ้ามีความจำเป็นและจากนั้นเร่งความเร็วขึ้นไปจนถึงระดับที่กำหนดไว้เมื่อมีความเป็นไปได้
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:12
เห็นได้มากขึ้นในทุกสถานการณ์
เพื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดีที่สุดบนเส้นทางสายรองและทางด่วนพิเศษ เมื่อเลี้ยวกลับรถหรือเข้าโค้ง ระบบ LED ส่องสว่างอัจฉริยะปรับการทำงานไปตามสถานการณ์ของแสงและเงื่อนไขในการขับขี่
นอกเหนือจากความสวยงามสะดุดตาแล้ว เทคโนโลยีไฟ
LED ยังส่งมอบพลังของการส่องสว่างที่ดีเยี่ยมและลดการทำให้เกิดสายตาพร่ามัว
ไฟท้าย LED 2 สีในกรอบไฟท้ายแนวนอนนอกจากจะให้ความประทับใจในรูปแบบแล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นมากยิ่งขึ้นด้วย
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:48
C 350 e ความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 2.4 - 2.1 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร
ค่าเฉลี่ยไอเสียจากคาร์บอนไดออกไซด์: 54 - 48 กรัมต่อกิโลเมตร
ตัวเลขค่าความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าไอเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นผลที่ได้จากกระบวนการตรวจวัดตามที่มีการกำหนดใช้ (§2 Nos. 5, 6, 6a ของ "Pkw-EnVKV" [German Ordinance of Fuel Consumption Labelling for Cars] ตามที่มีการแก้ไขปรับปรุงใหม่) ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้ใช้เป็นพื้นฐานอ้างอิงสำหรับรถยนต์รุ่นพิเศษเฉพาะบุคคลและไม่ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอของผลิตภัณฑ์ ตัวเลขดังกล่าวถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปรียบเทียบระหว่างรถยนต์ต่างโมเดลรุ่นเท่านั้น ค่าตัวเลขอาจมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเนื่องจากขนาดของล้อและยางที่ใช้
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:36
ความสะดวกสบายที่เปลี่ยนเป็นพลังงานและความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วน การขับขี่ในช่วงเวลากลางคืนหรือบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
C-Class Saloon รับรู้ถึงความเครียดโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น
สิ่งนี้ใช้พื้นฐานของแนวคิดการรวมรถยนต์ทั้งหมดของเราไว้ด้วยกัน และการทำให้ทุกการเดินทางในรถยนต์ Mercedes มีรูปแบบพิเศษเฉพาะตัว การขับขี่อัจฉริยะ Intelligent Drive
เพราะว่าเวลาที่คุณใช้ไปหลังพวงมาลัยเป็นเวลาของคุณเอง เวลาเพื่อการผ่อนคลาย เวลาเพื่อฟื้นฟูพลังงานของคุณ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำคุณสู่จุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในเวลาที่อยู่กับเรา
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:26
AMG ชื่อที่บ่งบอกถึงดีไซน์ในการแสดงออกถึงพลังในการขับเคลื่อนด้วยรูปแบบสปอร์ตเร้าใจ
ชุดแต่ง AMG Line พร้อมชุดแต่งตัวถัง AMG bodystyling ให้ความโดดเด่นดึงดูดความสนใจได้สูงสุดไม่ว่าจะมองจากมุมไหน
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:21
ความสามารถรอบตัว
เพียงแค่กำหนดให้เป็นรูปแบบมาตรฐานก็ประทับใจได้แล้ว: C-Class Saloon เพิ่มความสะดวกสบายที่โดดเด่นมากขึ้น
การผลิตด้วยความประณีตพิถีพิถันเป็นพิเศษและยังประกอบด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
ความงดงาม พลังในการขับเคลื่อน และประสิทธิภาพสามารถยกระดับเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการ
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:17
ชมภาพ ซูซูกิ จิมนี่ (Suzuki Jimny) รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2018 นี้
ถือเป็นอีกรุ่นตำนานของค่าย Suzuki ที่ไม่ว่าจะออกรุ่นใหม่ เจนเนเรชั่นใหม่ขนาดไหน ก็ยังสามารถคงเอกลักษณ์ และเค้าโครงรุ่นเดิมได้ตลอดเวลา แถมยังมีความสวยงามทันสมัยตามยุคอีกด้วย กับ Suzuki Jimny
วันนี้ใกล้เวลาเปิดตัวโฉมใหม่อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนภาพที่นำมาให้ชมกันยังคงเป็นแค่ภาพร่างการออกแบบ แต่คาดว่าคันจริงจะไม่แตกต่างจากในภาพสักเท่าใดนัก เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ก่อนมีผู้พบเห็นและถ่ายระหว่าง ทดสอบการขับขี่บนถนนจริงๆ พร้อมพรางตัวตามปรกติ
สำหรับรุ่นใหม่คาดการณ์ว่าจะมีมิติตัวถังรถยนต์ที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น ความเป็นเหลี่ยมสันชัดเจนมากขึ้น เมิงเผินๆ อาจนึกว่าเป็นรถสมบุกสมบันแบรนด์ Jeep ก็เป็นได้ แต่นี่คือเอกลักษณ์อีกอย่างของ Suzuki Jimny อย่างที่บอกไปในช่วงต้นว่า รูปแบบการออกแบบเส้นสายเค้าเป็นแบบนี้มาเป็นสิบๆ ปี แล้ว
ในส่วนการเปิดตัวน่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้พบกันในงาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ 2017 ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือน ตุลาคม นี้้ และพร้อมขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2018 ต่อไป
ที่มา : www.autospinn.com
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:57
โตโยต้าและซูซูกิ บรรลุข้อตกลงการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอินเดีย ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในปี 2020
กรอบข้อตกลงดังกล่าวถูกลงนามโดยทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงในรายละเอียดซึ่งซูซูกิจะไม่เพียงผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าเพื่อจัดจำหน่ายเองเท่านั้น แต่ยังผลิตและจัดส่งรถยนต์ให้โตโยต้าอีกด้วย ขณะที่โตโยต้าจะให้การสนับสนุนทางเทคนิค
ทั้งสองบริษัทยังร่วมมือกับศึกษาและดำเนินมาตรการหลายด้านที่จะช่วยกระตุ้นความนิยมในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอินเดียให้ลูกค้ายอมรับในวงกว้าง
มาตรการต่างๆ ครอบคลุมถึงการขยายสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า การพัฒนาทรัพยากรบุคคลทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึงการศึกษาระบบการจัดการแบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งานแล้วด้วย
ซูซูกิยังประกาศด้วยว่ากำลังวางแผนก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในอินเดียเพื่อทำการผลิตทั้งแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ โดยโรงงานดังกล่าวจะตั้งอยู่ภายในพื้นที่โรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ที่ซูซูกิเพิ่งเปิดทำการเมื่อไม่นานนี้
ค่ายรถจากญี่ปุ่นรายนี้ระบุด้วยว่า แผนการส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอินเดียภายใต้แนวคิดริเริ่ม “Make in India”
ที่มา : www.autospinn.com
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:36
นักวิชาการเตือนรัฐวางแผนรับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ ก่อนกระทบเศรษฐกิจมหภาคสูญเสียภาษีเงินได้มหาศาล
นักวิชาการเตือนรัฐวางแผนรับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ ก่อนกระทบเศรษฐกิจมหภาคสูญเสียภาษีเงินได้มหาศาล บีโอไอพร้อมส่งเสริมการลงทุนทุกรูปแบบ ด้านศูนย์วิจัยกสิกรชี้ปีหน้าเศรษฐกิจดียอดขายรถเพิ่ม
ธิบดี หาญประเสริฐ นายกสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยในการเสวนาทศวรรษใหม่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หัวข้อ “A New Vision for Mobility” ว่า รัฐบาลหันมาส่งเสริมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงไปถึงเป้าหมาย แต่สิ่งที่ต้องการสะท้อนให้เห็นจากนี้จะเป็นภาพรวมที่รัฐต้องตระหนักและควรวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อไม่ให้ไทยก้าวก้าวผิดจังหวะกระทบเศรษฐกิจมหภาคและสูญเสียภาษีเงินได้
ทั้งนี้ หากพิจารณาผลกระทบด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค ปัจจุบันรัฐไทยเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2559 ประมาณ 7 แสนกว่าล้านบาท เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนอนุรักษ์พลังงานได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากไทยเน้นเรื่องการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง มาตรการทางด้านภาษีตรงนี้จะเป็นอย่างไรเพราะรัฐต้องสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ รวมทั้งยังไม่สามารถเก็บภาษีรายได้นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจน้ำมันอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
“ผมไม่ได้คัดค้านเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า แต่ต้องการให้ภาครัฐช่วยวิเคราะห์การเกิดขึ้นในภาพรวม และช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้อยู่รอด เพราะที่ผ่านมาเราส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ปีละประมาณ 5.8 แสนล้านบาท หากรัฐก้าวผิดจังหวะ นักลงทุนต่างชาติอาจขยับไปลงทุนที่เวียดนามกับอินโดนีเซียแทน”
นอกจากนี้ ผลกระทบที่จะตามมาจะทำให้จำนวนการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลังการขายระบบดีลเลอร์ทั้งหมดจะล่มสลาย เพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องมีการบริการ
โชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ในส่วนของบีโอไอพร้อมสนับสนุนการลงทุนทุกรูปแบบ อาจแตกต่างตรงส่งเสริมชิ้นส่วนเก่าน้อยกว่าชิ้นส่วนใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา เทคโนโลยีไฮบริด มีบริษัทโตโยต้ารายเดียวที่ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ แต่ก็ยังมีเวลาถึงสิ้นปีนี้ ส่วนปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า ยังมีเวลาถึงปีหน้า
พิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์โดยยังเป็นปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบ อัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวในระดับต่ำเป็นปีสุดท้าย และตลาดรถยนต์จะฟื้นตัวในส่วนของผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป เช่นเดียวกับเศรษฐกิจที่ยังเติบโตไม่ทั่วถึงทุกธุรกิจ
จาการสำรวจผู้บริโภคไทยสนใจรถยนต์ไฟฟ้าแต่ราคาหรือส่วนต่างกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต้องไม่ถึง 2 แสนบาท ซึ่งในส่วนนี้ไทยอาจได้รับผลกระทบจาก FTA ไทย-จีน ที่มีสิทธิ์นำเข้ารถโดยมีภาษีที่ 0%
ณัฐพล รังสิตพล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รัฐบาลสนับสนุนให้ผู้ผลิตในตลาดปรับเปลี่ยนการผลิตสู่เทคโนโลยีใหม่
ซึ่งหากพิจารณาปริมาณการผลิตภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน ผลิตรถเกินความต้องการอยู่มา ขณะที่ประเทศอังกฤษและอเมริกา ตัวเลขคนรุ่นใหม่เริ่มมีผูัทำใบขับขี่น้อยลง ความต้องการรถยนต์ของคนรุ่นใหม่ลดลงจากผลกระทบของเทคโนโลยี จึงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังสำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นฐานการผลิต
“เราอาจต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของโลก ซึ่งอนาคตไทยอาจต้องปรับตัวใหม่ไม่ใช่เป็นเพียงฐานการผลิตเท่านั้น”
ที่มา : www.autospinn.com
Posted by Contemporary industry
Posted on 18:15
ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะชวาเป็นร้อยๆ ล้าน ทำให้ Toyota หาหนทางที่จะปรุงแต่งรถครอบครัวแบบเอ็มพีวี หรือรถที่มีทรงแบบกล่องสำหรับขนครอบครัวเดินทางไปทั้งหมดเพื่อส่งขายในประเทศมุสลิมแห่งนี้ รถแนวเอ็มพีวีได้รับความนิยมอย่างมากบนเกาะชวา จากรูปแบบความอเนกประสงค์ แม้จะขับไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราว แต่ความจุผู้โดยสารที่เป็นจุดขายของรถประเภทนี้โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปกันทีเดียวทั้งครอบครัว ทำให้บรรดาค่ายรถญี่ปุ่นซึ่งนำโดยหัวเรือใหญ่อย่างค่ายสามห่วง Toyota ปล่อยรถเอ็มพีวีออกมาอย่างต่อเนื่อง
Toyota Rush เป็นมินิเอ็มพีวีแบบ 7 ที่นั่ง วางเครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2NR แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC Dual VVT-i กำลังสูงสุด 104 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 136 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังหรือเกียร์มีให้คนอินโดฯ เลือกสองแบบ แบบแรกคือเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ แบบที่สองเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ Toyota Rush เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง คาดว่าการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังจะทำให้มันขับได้ดีกว่าการใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า
มิติตัวถังของ Toyota Rush ยาว 4,435 กว้าง 1,695 สูงประมาณ 1,680 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,685 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องล่อไปถึง 220 มิลลิเมตร สูงปรี้ดอย่างกับเอสยูวีกันเลยทีเดียว เทียบกับรถคู่แข่งอย่าง Honda BR-V ที่มีความยาว 4,455 กว้าง 1,735 x และสูง 1,650 มิลลิเมตร จะพบว่าทั้งพี่โตและ BR-V มีเรือนร่างที่สูสีกันมาก สำหรับประเทศไทยไม่ต้องรอให้เมื่อย เพราะ Rush จะขายแค่ในอินโดนีเซียเท่านั้น.
ที่มา : www.thairath.co.th
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:35
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก แม้ว่าจะไม่มีการรั่วหรือลดระดับลงอย่างใดก็ตาม น้ำมันเบรกควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะน้ำมันเบรกมีส่วนประกอบมาจากน้ำมันแร่ จึงมีการรวมตัวกับไอน้ำได้ง่าย ทำให้ระบบเบรกเกิดสนิม ความร้อนที่สูงเกินไปทำให้เกิดฟองอากาศในท่อน้ำมัน ฝุ่นผงที่สึกหรอของลูกยางเบรกจะเสียดสี กับแม่ปั้มเบรก ทำให้กระบอกเบรกเสียหายเร็วขึ้น น้ำมันเบรกต้องเลือกใช้ให้ตรงกับมารตราฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น DOT3 จะไม่สามารถนำน้ำมันเบรก DOT อื่นผสม หรือนำน้ำมันอื่นๆเติมแทน เพราะจะทำให้ลูกยางเบรกบวมได้ การเช็คระยะห่างผ้าเบรก ในระบบดรั้มเบรก ระยะห่างระหว่างผ้า และจานเบรกที่มากขึ้น จะสังเกตได้จากการเหยียบเบรกจะต่ำลง และการดึงเบรกมือที่สูงขึ้น ระดับน้ำมันเบรกลดต่ำลง ควรต้องทำการถอดจานเบรกมาทำความสะอาด เป่าฝุ่นทิ้ง และตั้งระยะผ้าเบรกให้ชิดขึ้น การตั้งจะใช้ไขควงเขี่ยเฟืองตั้งให้หมุนตามฟันตั้ง ด้านหลังจานเบรก ใส่ล้อไขให้แน่นแล้วหมุนสังเกตถ้าล้อเริ่มหมุนฝืดขึ้น ถือว่าใช้ได้ ทำทั้ง 2 ล้อ หรือสังเกตจากเสียงแกรกๆ เวลาดึงเบรกมือควรจะอยู่ที่ 5 – 7 แกรก
การตรวจสอบผ้าเบรก ผ้าเบรกเป็นส่วนที่สึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น เพราะมีการเสียสีทั้งจานเบรก และฝุ่นต่างๆ ควรถอดเช็คเป็นประจำ สังเกตเปรียบเทียบกับผ้าเบรกของใหม่แกะกล่อง จะมีความหนาเป็น 100 % ผ้าเบรกที่ใช้แล้วความหนาจะลดลงเรื่อยๆ ในจุดที่ต่ำกว่า 40 – 30 % นั้นถือว่าไม่ปลอดภัย เพราะผ้าเบรกในช่วงที่เหลือน้อย การสึกหรอจะรวดเร็วกว่าหลายเท่าตัว จนถึงระดับบางมาก เนื้อผ้าเบรกอาจหลุดร่อนได้อย่างกะทันหัน เป็นผลให้แผ่นเหล็กสีกับจานเบรกจนเสียหาย เสียเงินเพิ่ม หรือถ้าผ้าเบรกหลุดออกจากฝักเบรก ลูกสูบปั้มเบรก และน้ำมันเบรกจะหลุดออก ที่เรียกกันว่าเบรกแตกนั้นเองการเปลี่ยนจานเบรก และการเจียรจานเบรก การใช้ผ้าเบรกที่มีโลหะผสมอยู่มาก ฝุ่น หิน และการปล่อยให้ผ้าเบรกหมด จะทำให้จานเบรกเป็นรอย การขับรถลุยน้ำขณะที่จานเบรกร้อน จะทำให้จานเบรกคด หรือบิดตัว ต้องทำการเจียรจาน ด้วยเครื่องมือเจียรจานเบรก ทำได้ 2 วิธี การถอดจานเบรกมาเจียรด้วยเครื่องเจียรจาน แบบนี้ต้องใช้ค่าแรงสูงและอาจต้องมีการเปลี่ยนจารบีลูกปืนล้อใหม่ เสี่ยงต่อเศษฝุ่นผงเหล็กปะปนกับการประกอบจานเบรกคืน และการใช้เครื่องเจียรจานแบบประชิดล้อ แบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาถอดจานเบรก และลูกปืนล้อ แต่ความเที่ยงตรงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพดุมล้อ และลูกปืนล้อ ว่าหลวมหรือคดหรือไม่ การเจียรจะทำให้จานเบรกบางลง จานเบรกที่บางจะทำให้เกิดการแตกร้าว และคดได้ง่าย ควรเปลี่ยนจานเบรกใหม่ถือเป็นการดีที่สุดการทำความสะอาดจานเบรก ถ้ามีจารบี หรือสิ่งแปดเปื้อน ติดอยู่ที่จานเบรก ควรใช้น้ำยาล้างจานเบรกโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันอื่นๆมาทำความสะอาด หรือถ้าไมมีจริงๆ ควรใช้ทินเนอร์ 100% หรือ แอลกอลฮอลบริสุทธิเท่านั้นการตรวจสอบสายอ่อนเบรก ควรตรวจสอบเป็นประจำสม่ำเสมอ ถ้าเห็นว่ามีอาการบวม บิดคดเสียรูป ปลอกหุ้มภายนอกฉีกขาด หรือมีการเสียดสี ควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะอาจจะเกิดการแตกได้ง่ายๆ
การล้างและเปลี่ยนชุดซ่อมเบรก เบรกที่ได้รับการใช้งานอยู่เป็นประจำ ควรได้รับการเปลี่ยนชุดซ่อม จำพวกลูกยางแม่ปั้มเบรก ลูกยางลูกสูบเบรก และยางกันฝุ่น อย่างน้อย 2 – 4 ปีครั้ง หรือถ้ามีมีการลุยน้ำ ต้องรีบตรวจเช็คทันที เพระลูกยางกันฝุ่นที่เก่าหมดสภาพ จะไม่สามารถกันน้ำและฝุ่นได้ น้ำที่ซึมผ่านเข้าไปในกระบอกเบรก และแม่ปั้มเบรก จะทำลายลูกสูบเบรกให้เกิดสนิม เป็นตามด ในกระบอกเบรก ทำให้เกิดอาการเบรกติด หรือน้ำมันเบรกรั่วซึม
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:31
เบรกเฟด คืออาการเบรกลื่นๆ เบรกไม่อยู่ในขณะที่ใช้ความเร็วสูง หรือติดต่อกันหลายๆครั้ง หรือใช้เบรกแบบหักโหม อาการนี้เกิดขึ้นเช่น เวลาที่ขับรถมาด้วยความเร็วสูงมากๆ พอแตะเบรกครั้งแรกก็เบรกอยู่ดี พอแตะเบรกอีกหลายๆทีกลับเกินอาการลื่นเหมือนยังไม่เหยียบเบรกเลย ถือว่าน่ากลัวมาก
สาเหตุเกิดจาก ความร้อนของจานเบรกที่สูงเกินไป จานเบรกที่ใช้งานหนักอาจจะเกิดความร้อนสูงกว่า 1,000 องศา จานเบรกอาจเกิดการไหม้แดง เหมือนเหล็กถูกเผาไฟ และเกิดการขยายตัวมาก การระบายความร้อนของจานเบรกไม่ดี ผ้าเบรกที่มีคุณสมบัติในการทนความร้อนต่ำ จะเกิดการลุกไหม้เสียหาย ไม่สามารถจับจานเบรกให้อยู่ได้ รวมถึงน้ำมันเบรกที่คุณสมบัติในการทนความร้อนต่ำ จะทำให้น้ำมันเบรกเดือด เกิดการขยายตัวเป็นฟองอากาศ ทำให้แรงดันไฮโดลิคลดต่ำลง อาการเบรกเฟดนี้ ถือเป็นปัญหาของนักซิ่ง ที่ชอบใช้เบรกแบบรุนแรง เบรกบ่อยๆติดต่อกัน และ รถที่ขับด้วย ความเร็วสูง
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:28
เบรกเสียงดัง อาการ มีเสียงดังที่เกิดขึ้นในขณะเบรก ส่วนมากเกิดมาจาก ผ้าเบรก และจานเบรก เช่นผ้าเบรกหมด จนเหล็กผ้าสีกับจาน จานเบรกเป็นรอยมากๆเนื่องจากฝุ่น และหินที่หลุดเข้าไปเสียดสี ต้องเจียรจานเบรกใหม่ แต่ถ้าผ้าเบรกก็ใหม่ จานเบรกก็เรียบดี เสียงที่ดังมักเกิดจาก เสียงของผ้าเบรกเอง ผ้าเบรกที่ผลิตไม่ได้มาตราฐาน อัดขึ้นรูปผิดพลาด จะเกิดรอยร้าว เป็นช่องว่างให้อากาศเข้าได้จะเกิดเสียงดัง แล้วอย่าหวังเลยครับว่าใช้ไปเรื่อยๆ แล้วเสียงจะหายเอง ถือว่าน้อยมาก การเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:26
เบรกสั่น คืออาการที่เหยียบแล้ว แป้นเบรกเกิดอากาสั่นขึ้นๆลงๆ รู้สึกได้ด้วยเท้า รถที่เบรกสั่นมากๆจะรู้สึกสั่นถึงพวงมาลัย หรือเวลาเหยียบเบรก เกิดอาการสั่นสะท้านไปทั้งคัน
สาเหตุเกิดจาก จานเบรกเกิดการคดบิดตัว เพราะการใช้งานที่รุนแรงกินไป การลุยน้ำ (จานเบรกที่ร้อนจัด เวลาเจอน้ำมักจะบิดตัวได้ง่าย) ลูกปืนล้อหลวม น็อตล้อหลวม ผ้าเบรกสึกหรอไม่เท่ากัน อาการนี้เกิดได้ทั้งระบบดิสเบรก และดรัมเบรก
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:23
เบรกหมด คืออาการ เบรกแล้วเกิดเสียงดัง เหมือนเหล็กสีกับเหล็ก เบรกลื่นๆ
เป็นอาการของเวลาที่ผ้าเบรกหมด ผ้าเบรกบางรุ่นจะมีส่วนที่เป็นตุ่มโลหะมาแตะกับจานเบรกเพื่อให้เกิดเสียงดัง เป็นอาการส่งสัญญาณเตือน หรือติดตั้ง สวิทซ์ไฟโชว์ไว้ที่แผงหน้าปัด ต้องรีบเปลี่ยนโดยทันที เพราะจะทำให้ผ้าเบรกสีกับจนเบรกเสียหาย จนต้อเปลี่ยนจานเบรกใหม่ เสียเงินเพิ่มอีก
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:20
เบรกแตก คืออาการ เหยียบเบรกแล้ว แป้นเบรกที่ขาเบรกจม จนแป้นเบรกกระทบกับพื้นรถ หรือนิ่มหยุ่นๆก่อนแล้วจมลงติดพื้น เมื่อเหยียบเบรกแล้วรถยังคงวิ่งที่ความเร็วเท่าเดิม เหมือนไม่มีเบรก
สาเหตุ
1. เกิดจากรั่วของน้ำมันเบรก เช่นสายอ่อนเบรกแตก ท่อแป๊ปเบรกแตก หรือน้ำมันเบรกรั่วซึมมาเป็นเวลานาน ลูกยางแม่ปั้มเบรก และแม่ปั้มเบรกเก่า เสียหายจนน้ำมันเบรกรั่วไหลออกจนหมด
2. ผ้าเบรกหมด จนหลุดออก เป็นไปได้บ่อยครั้งที่ เวลาที่ผ้าเบรกหมดนานๆ และยังปล่อยไว้ไม่ได้รับการเปลี่ยน ผ้าเบรกจะบางมากจนหลุดออกจากฝักก้ามปูเบรก จะทำให้ลูกสูบเบรกหลุด เบรกจะแตกทันที
3. ส่วนประกอบในระบบเกิดการหลุดหลวม เกิดได้หลายสาเหตุ เช่นสากแป้นเบรก (ที่ตั้งได้ไขไม่แน่นหลุดเกลียว หรือไม่ได้ใส่สลักล็อค) น็อตยึดขาเบรกหลุด ฝักเบรก หรือคาริบเปอร์เบรกยึดไม่แน่น และส่วนประกอบต่างๆในระบบเบรกประกอบไม่แน่นหลุดออก
4. สายอ่อนเบรกแตก สายอ่อนที่เก่ามากๆ จะเกิดอาการบวม เวลาปกติก็ดูดี แต่พอเหยียบเบรกกลับ พองตัวเหมือนลูกโป่ง พวกนี้อันตรายมาก เวลาเหยียบเบรกเบาๆแรงดันน้ำมันเบรกต่ำก็รู้สึกดี แต่พอเวลาคับขัน เหยียบเบรกกะทันหันอย่างแรง สายอ่อนเบรกก็เกิดการรับแรงดันไม่ไหวแตกออก และการติดตั้งสายอ่อนเบรกไม่ดี เสียดสีกับล้อ และยาง หรือเสียดสีกับระบบช่วงล่างของรถ
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:17
เบรกติด อาการเหมือนรถมีอาการเบรกทำงานอยู่ตลอดเวลา รถจะตื้อ เบรกร้อนมีกลิ่นเหม็นไหม้ เบรกปัดซ้าย-ขวา รถวิ่งไม่ออก จอดแล้วเข็นรถไม่ได้ เป็นอาการของเบรกติด ส่วนมากเกิดจาก การลูกยางกันฝุ่นของแม่ปั้มเบรกเสีย ทำให้มีน้ำซึมเข้าไปในกระบอกเบรก จนเกิดสนิมติดขัด ลูกสูบเบรกไม่สามารถเคลื่อนตัวเข้าออกได้
การแก้ไข เปลี่ยนชุดซ่อมแม่ปั้มเบรกล่าง ถอดมาขัดสนิมออก ทั้งแม่ปั้ม และกระบอกเบรก หรือถ้ามีสนิมมากจนเกิดตามด จะทำให้น้ำมันเบรกรั่วซึมได้ ต้องเปลี่ยนลูกสูบเบรก หรือแม่ปั้มทั้งชุด
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:15
เบรกต่ำ เวลาเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่า แป้นเบรกจมลงต่ำกว่าปรกติ เหยียบค้างไว้เบรกค่อยๆจมลงๆ เป็นอาการของเบรกต่ำ ส่วนมากเกิดมาจาก ลูกยางแม่ปั้มเบรกบน มีอาการสึกหรอ หรือบวม ทำให้แรงดันเบรกลดลง ต้องออกแรงเบรกมากขึ้น หรือต้องเหยียบเบรกซ้ำๆกัน หลายๆครั้ง
Posted by Contemporary industry
Posted on 04:12
เบรกตื้อ เป็นอาการที่เวลาเหยียบเบรก แล้วรู้สึกว่า เบรกมันไม่ค่อยอยู่ เบรกแข็งๆ ต้องออกแรงเหยียบเบรกมากๆ อาการเบรกตื้อ เกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น แรงดูดสุญญากาศของหม้อลมน้อย เพราะปั้มตูดไดชาร์จเสีย หรือผ้าในหม้อลมรั่ว วาล์ว PVC หรือ Combo Vale เสีย สายลมรั่ว
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:33
เมื่อ MG เปิดตัว ZS รถเอสยูวีรุ่นใหม่ออกทำตลาดด้วยราคาค่าตัวที่น่าสนใจ ทำให้ลูกค้าที่มองหารถอเนกประสงค์ได้มีทางเลือกเพิ่มเติมขึ้นมาทันที
ถึงแม้ MG ZS จะมีขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าคู่แข่ง แต่ด้วยราคาจำหน่ายที่ย่อมเยากว่าอย่างชัดเจน ทำให้คนที่กำลังตัดสินใจเลือกรถเอสยูวีขนาดเล็กสักคันย่อมต้องเกิดอาการลังเล เราขอรวบรวมข้อมูลของรถในกลุ่มนี้ทั้ง MG ZS, Honda HR-V และ Mazda CX-3 มาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ
Honda HR-V
โดดเด่นด้วยรูปทรงที่เน้นความสปอร์ตผสมผสานกับความหรูหราตามตำแหน่งการตลาด “สปอร์ต+พรีเมียม” มือจับเปิดประตูด้านท้ายซ่อนอยู่บริเวณเสาหลังคาหลังเพื่อให้ตัวรถดูปราดเปรียวยิ่งขึ้น อ็อปชั่นตัวท็อปค่อนข้างครบครันอย่างมาก แต่เราขอนำเสนอรุ่นล่างสุดคือรหัส S ที่ถูกตัดทอนอุปกรณ์หลายชิ้นไป
เอชอาร์-วี รุ่น S ไม่มีหลังคาซันรูฟ ไฟหน้าเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ไม่มีเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ไฟท้ายเป็นแอลอีดี มีระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ไม่มีไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยใช้ขนาด 17 นิ้ว พร้อมกับมีสปอยเลอร์หลัง
โครงสร้างภายในโดยรวมคล้ายกับฮอนด้า แจ๊ส ตกแต่งด้วยสีดำ แผงคอนโซลเอียงเข้าหาคนขับซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถฮอนด้าเกือบทุกรุ่น ใช้วัสดุผ้าสลับกับหนังสังเคราะห์ มีระบบตาร์ทเครื่องยนต์แบบปุ่มสตาร์ท ระบบฮอนด้า สมาร์ท คีย์ ระบบปรับอากาศควบคุมด้วยการสัมผัส เบาะที่นั่งปรับมือ เครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธตามสมัยนิยม มีลำโพง 4 ตัว ระบบความปลอดภัยครบครันพอตัวเหมือนกับรุ่นท็อป แต่ขาดถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะและม่านนิรภัยซึ่งมีเฉพาะในรุ่นที่สูงกว่า
เครื่องยนต์มีขนาดใหญ่พอตัว บล็อกเบนซิน 4 สูบ SOHC i-VTEC ความจุ 1.8 ลิตรแบบเดียวกับฮอนด้า ซีวิค ให้พละกำลัง 141 แรงม้า แรงบิด 172 นิวตันเมตร ประกบกับเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT พร้อมโหมด Paddle Shift 7 สปีด รองรับน้ำมัน E85 ขับเคลื่อนล้อหน้า
สำหรับราคาจำหน่าย รุ่นเริ่มต้น S อยู่ที่ 9.33 แสนบาท รุ่น E ราคา 9.99 แสนบาท รุ่น E Limited ราคา 1.05 ล้านบาท และรุ่นท็อปไลน์ EL ค่าตัว 1.099 ล้านบาท
Mazda CX-3
มาพร้อมแนวคิด “ฟรีสไตล์ ครอสโอเวอร์” มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม “YUCCIES” หรือ Young Urban Creatives ทั้งในและนอกเมือง การออกแบบภายนอกสะดุดตาด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์โคโดะ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว คนที่ชื่นชอบเส้นสายพลิ้วปราดเปรียวแบบสปอร์ตย่อมถูกอกถูกใจเจ้าซีเอ็กซ์-3 แน่นอน
สำหรับซีเอ็กซ์-3 รุ่นเริ่มต้นใช้รหัส 2.0 E ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน ไม่มีทั้งไฟตัดหมอกและเดย์ไลท์ บั้นท้ายมีสปอยเลอร์ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ตพร้อมปลายท่อโครเมียม
ภายในห้องโดยสาร ไม่มีระบบสมาร์คีย์ แต่มีปุ่มสตาร์ทเช่นกัน การตกแต่งใช้ผ้าสีดำทั้งหมด ส่วนวัสดุหุ้มเบาะที่นั่งเป็นสีดำสลับกับสีเทา วัสดุหุ้มพวงมาลัยเป็นยูริเทนเหมือนกับเอชอาร์-วี เบาะพับแยกส่วน 60:40 เช่นกัน มีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบสั่งการด้วยเสียง เครื่องเสียงตามมาตรฐานพร้อมลำโพงติดตั้งมาให้ 4 ตัวเหมือนกับคู่แข่งจากฮอนด้า
ระบบความปลอดภัยในรุ่น 2.0 อีนั้นถูกตัดออกไปเกือบทั้งหมด แต่ก็ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบป้องกันล้อล็อกเอบีเอส และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
เครื่องยนต์ของรุ่นเริ่มต้นเป็นบล็อกเบนซิน สกายแอคทีฟ-จี ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตันเมตร อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 16.4 กม./ลิตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดรฟ์ 6 สปีด
ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.0 E ราคา 8.35 แสนบาท รุ่น 2.0 C ราคา 9.1 แสนบาท รุ่น 2.0 S ค่าตัว 9.75 แสนบาท รุ่น 2.0 SP ราคา 1.083 ล้านบาท และตัวท็อป 1.5 XDL เคาะราคาที่ 1.193 ล้านบาท
MG ZS
เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาด้วยราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายเกินคาด มาพร้อมแนวคิดสมาร์ทเอสยูวีด้วยระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ เทคโนโลยีไอสมาร์ท (i-SMART) สามารถรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยครั้งแรกของโลก เอ็ทจี แซดเอสถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มการใช้งานในเมือง และพร้อมรองรับการใช้งานนอกเมืองได้อย่างสบาย
ด้วยรราคาจำหน่ายที่ย่อมเยา เราจึงหยิบแซดเอส ตัวท็อปไลน์รหัส X มาเปรียบเทียบให้เห็นกับคู่แข่ง ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์และระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ มีไฟเดย์ไลท์ แหงนมองหลังคามีซันรูฟแบบพาโนรามา มีไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ไฟท้ายแอลอีดี และไฟเบรกดวงที่สามแบบแอลอีดี กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว มีสปอยเลอร์หลังและราวหลัง
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีน้ำตาลและดำ วัสดุเป็นหนังสังเคราะห์แบบซอฟต์ทัชให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เบาะพับได้ 60:40 มีหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล และปุ่มสตาร์ท
ไฮไลท์อยู่ที่ระบบไอสมาร์ทที่สามารถสั่งการตัวรถได้ด้วยการออกเสียงภาษาไทย ทั้งซันรูฟ การใช้โทรศัพท์ พร้อมกับสามารถใช้หน้าจอสั่งการระบบนำทางและระบบเลขาส่วนตัว ผู้ใช้งานยังสามารถใช้โทรศัพท์เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนในการสั่งการเปิดระบบแอร์ การล็อกประตู วางแผนการเดินทาง และอื่นๆ อีกมากมาย
ระบบความปลอดภัยเริ่มจากระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการเบรกในโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย เรียกว่าแซดเอสมาพร้อมอ็อปชั่นครบครันกว่าใครเพื่อน
แต่จุดด้อยของรถยนต์สัญชาติอังกฤษรุ่นนี้คือ เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อน บล็อกเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังแรงม้าที่ 114 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Maunal Mode
ราคาจำหน่ายของ MG ZS เริ่มต้นรุ่น C ราคา 6.79 แสนบาท รุ่นกลาง D ราคา 7.29 แสนบาท และรุ่นสูงสุด X ราคา 7.89 แสนบาท
ที่มา : www.autospinn.com
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:00
ฟอร์ดอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการออกไปทำงานแต่เช้า (หรือพ่อบ้านใจกล้าที่จะหนีเที่ยว) ด้วยการติดตั้งระบบท่อไอเสียแบบแอคทีฟที่ทำงานเงียบเชียบไว้ในมัสแตง จีที รุ่นใหม่
ระบบดังกล่าวมีชื่อว่า Quiet Start ซึ่งช่วยให้มัสแตง จีทีที่มาพร้อมขุมพลังวี8 มีเสียงขณะสตาร์ทเครื่องยนต์และจอดนิ่งที่เงียบเชียบกว่าปกติ โดยสามารถปรับตั้งเวลาให้ระบบนี้ทำงานได้ อาทิช่วง 2 ทุ่มไปจนถึง 7 โมงเช้าเป็นต้นเพื่อที่จะไม่รบกวนชาวบ้านข้างเคียง
สตีฟ ฟอน โฟสเตอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดกล่าวว่า “ผมชื่นชอบเสียงขุมพลังวี8 แต่บางครั้งมันอาจดังเกินไปและทำให้เพื่อบ้านรำคาญได้ เราจึงทำการติดตั้งระบบควบคุมเสียงเครื่องยนต์ให้ผู้ขับขี่ปรับได้ตามใจชอบ”
โฟสเตอร์ระบุว่า การพัฒนาระบบ Quiet Start เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรง เมื่อเพื่อนบ้านของเขาโทรแจ้งตำรวจว่าท่อไอเสียดังของเชลบี้ จีที350 ของเขามีเสียงดังเกินไปขณะสตาร์ทและถอยออกจากโรงจอดรถในบ้าน
ระบบ Quiet Start สามารถปรับตั้งได้ทั้งจากพวงมาลัยและบนหน้าจอบนคอนโซล ทางฟอร์ดระบุว่าที่เป็นครั้งแรกที่ผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งเสียงท่อไอเสียและเลือกช่วงเวลาได้อย่างยืดหยุ่น
ที่มา : www.autospinn.com
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:08
รัฐบาลอังกฤษนำเสนอร่างกฎหมายที่จะเป็นการปูทางสู่การใช้งาน “รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” บนถนนสาธารณะภายในปี 2021 เป็นต้นไป
มีรายงานว่า ฟิลิปส์ แฮมมอนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษเตรียมประกาศเปลี่ยนแปลงงบประมาณแผ่นดินที่เกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้รถไร้คนขับบนถนนสาธารณะทั่วประเทศโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุมหรือนั่งอยู่ภายในรถได้ ซึ่งนับเป็นประเทศแรกในโลกที่เตรียมการสู่การใช้งานเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยนรายงานว่า แฮมมอนด์ต้องการสร้างความมั่นใจว่า อังกฤษจะยืนอยู่แถวหน้าของเทคโนโลยีนี้เมื่อจะอำลาจากสหภาพยุโรปภายในปี 2019
ด้านไมค์ ฮอว์ส ประธานกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ของอังกฤษเปิดเผยว่า การนำเสนอร่างกฎหมายด้านงบประมาณดังกล่าวเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของอังกฤษอย่างมาก
“เราสนับสนุนมาตรการของรัฐบาลเพื่อให้สหราชอาณาจักรเป็นตลาดที่ดีที่สุดที่จะพัฒนา ทดสอบ และทำตลาดรถขับขี่อัตโนมัติซึ่งจะพลิกโฉมการเดินทางบนท้องถนนไปอย่างสิ้นเชิง ช่วยลดอุบัติเหตุและรักษาชีวิตผู้คนได้มากมาย” ฮอว์สกล่าว
ที่มา : www.autospinn.com
Posted by Contemporary industry
Posted on 18:52
ล่าสุด โตโยต้าก็เผยโฉมรัช (Toyota Rush) มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับไดฮัทสุ เทริออส (Daihatsu Terios)เกือบทุกกระเบียดนิ้ว ต่างกันที่โลโก้และรายละเอียดตกแต่งเพิ่มเติมอย่างแผงกันกระแทกรอบคัน ไฟส่องสว่างแอลอีดี และภายในห้องโดยสารที่ใช้วัสดุแตกต่างกันพอสมควร
โตโยต้ายังนำเสนอรัช ทีอาร์ดี สปอร์ติโว ซึ่งเสริมเส้นสายสีแดงเพิ่มเติมเข้ามาและมีโลโก้ TRD ล้ออัลลอยแบบทูโทนขนาด 17 นิ้ว ล้อมกรอบไฟตัดหมอกด้วยวัสดุสีดำ และมีระบบคีย์เลส ขณะที่รุ่นย่อยที่ต่ำลงไปจะใช้ล้อขนาด 16 นิ้วและไม่โฉบเฉี่ยวเหมือนรุ่นทีอาร์ดี
มิติตัวถังของรัชมีขนาดยาว 4,435 มม. กว้าง 1,695 มม. และสูง 1,705 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,685 มม. เครื่องยนต์เป็นบล็อกเบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร Dual VVT-i พละกำลัง 105 แรงม้า แรงบิด 140 นิวตันเมตร
ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มมือ สีดำวสลับสีโทนอ่อนตอบสนองกลุ่มลูกค้าหลากหลาย บนคอนโซลมีหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วเชื่อมต่อ Miracast และ Weblink บนมาตรวัดมีไฟแบ็กไลท์สีฟ้าและขาว พร้อมกับมีหน้าจอแสดงผลขนาดเล็กด้วย
Posted by Contemporary industry
Posted on 18:20
สำหรับซีเอ็กซ์-5 รุ่นเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกาจะมีไฟหน้าแอลอีดี ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนท์รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ สตรีมมิ่ง และอื่นๆ มาสด้ายังแนะนำแพ็คเกจ i-Activesense ที่มีระบบควบคุมไฟหน้า ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ระบบรักษาช่องจราจร ระบบครูสคอนโทรลแบบเรดาร์ ระบบช่วยเบรก ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ
เครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ-จียังคงเป็นบล็อกเดิม มีพละกำลัง 187 แรงม้า แรงบิด 186 ฟุตปอนด์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ
มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ปี 2018 จะถูกส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงปลายเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 24,150 เหรียญสหรัฐ
ที่มา : Autospinn.com