แบตเตอรี่ เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า ส่วนใหญ่ใช้ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ และจ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าขณะเครื่องยนต์
ทำงาน..... แบตเตอรี่ถูกจ่ายไฟออกไปแล้วก็จะสามารถประจุไฟซ้ำกลับเข้าใหม่ โดยอัตเทอร์เนเตอร์ (ไดชาร์ท) อย่างไรก็ตามเมื่อแบตเตอรี่ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าจะได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีก็ตาม จำนวนกระแสไฟฟ้าที่สามารถเก็บสะสมจะด้อยลงเรื่อยๆ และจะเสื่อมสภาพไปในที่สุด อายุของแบตเตอรี่จะแปรเปลี่ยนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้งานของแบตเตอรี่เป็นสำคัญ
การใช้งานทั่วไปอยู่ราวๆ 2-4 ปี อาการที่เห็นอย่างชัดแจน คือ เมื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์หมุดช้า หรือ เครื่องยนต์ไม่หมุนเลย อาจเป็น ไปได้ว่าแบตเตอรี่น่าจะมีปัญหา เบื้องต้นให้สังเกตขั้วบวกและขั้วลบของแบตเตอรี่หลวมคลอนหรือไม่ ลำดับต่อมาให้ดูระดับของน้ำยาอิเล็คโทรไลท์ (น้ำกลั่น) ว่ามีปริมาณน้ำยาอยู่ในระดับที่กำหนดหรือไม่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าขั้ว และน้ำกลั่นปกติ ก็แสดงว่า “แบตเตอรี่หมดอายุ”
สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่อายุสั้นก่อนเวลาอันควร
1.รถยนต์ใช้งานตอนกลางคืนอย่างเดียวเท่านั้น (แบตเตอรี่ถูกใช้งานหนัก)
2. รถยนต์ที่จอด หรือ ติดเครื่องยนต์เดินเบาเป็นระยะเวลานานๆ (ไฟจะชาร์ทกลับเข้าแบตเตอรี่น้อย)
3.สตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยครั้ง ขณะที่ใช้งานต่อวัน (แบตเตอรี่จ่ายไฟมาก)
4.ระดับของน้ำยาอิเล็คโทรไลท์ ไม่อยู่ในระดับที่กำหนดแบตเตอรี่จะเสื่อ
5.สภาพได้ในกรณีไม่ได้ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน พลังงานที่เก็บอยู่จะค่อยๆ ลดลง
เหตุผลที่ทำให้พลังงานลดลงได้
•ปฎิกิริยาทางเคมีเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ระหว่างแผ่นธาตุบวกและลบในแบตเตอรี่ จะคลายประจุด้วยตัวมันเอง
•กำลังไฟจะสิ้นเปลืองไปกับนาฬิกา ชุดกันขโมยและอุปกรณ์อื่นๆ แม้ว่ารถยนต์ไม่ได้ใช้งานก็ตาม
ข้อแนะนำ
ถ้ารถของท่านไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลานานๆ ควรติดเครื่องยนต์บ้างเป็นระยะเวลาประมาณ 5-10 นาที เพื่อชาร์ทแบตเตอรี่