Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

สิ่งที่ติดยางควรขจัดออก

ยางรถยนต์ก็เหมือนกับชิ้นส่วนอื่นของรถยนต์ ที่จะต้องเอาใจใส่เหมือน ๆ กัน แต่กลับถูกมองข้ามกันไป ซึ่งเจ้าของรถยนต์ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ เวลาทำความสะอาดรถ จะต้องทำความสะอาดยางอยู่แล้วก็จริงอยู่ แต่สิ่งที่ไม่คำนึงถึงสำหรับเจ้าของรถยนต์นั่นก็คือ การสังเกตวัสดุที่ติดมากับยาง แทบจะตลอดอายุการใช้งานของยางเลย หรือ จนกว่าจะทำการเปลี่ยนยางเป็นต้น (ส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ)

วัสดุที่ติดมากับยางมีมากมายที่สามารถทำให้ยางฉีกขาด , ตำทะลุ , อื่น ๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้ยางด้อยประสิทธิภาพ นอกจากนั้นส่งผลถึงส่วนถึงแรงดันลมยางอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ตะปู , เหล็กแหลม , หิน , กิ่งไม้ และอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ติดอยู่บนยางได้ทั้งสิ้น หากการขับรถยนต์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวได้ พอหลังจากขับผ่านพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ควรทำการตรวจสอบยางทุกล้อก็จะดีมาก

การตรวจสอบวัสดุที่ติดมากับยาง สามารถกระทำได้โดยไม่ยากเย็นนัก กล่าวคือ หากเราต้องการตรวจสอบและแกะวัสดุที่ติดมากับยางออกตามเส้นรอบวงของยาง ก็ให้จอดรถบนพื้นระดับ ท่านจะสามารถตรวจสอบได้เกือบทั้งเส้นของยาง ยกเว้นขอบยางด้านใน แต่ส่วนใหญ่วัสดุที่ติดอยู่จะอยู่บริเวณดอกยาง ดังนั้นควรกระทำการ ดังนี้

1.จอดรถบนพื้นระดับไม่เอียง จะดึงเบรกมือ หรือ ไม่ดึงแล้วแต่ความสะดวก หรือแม้กระทั่งเข้าเกียร์จอด(ตำแหน่ง P) สำหรับเกียร์อัตโนมัติ
2.หาเครื่องมือขนาดเหมาะมือ กะทัดรัด สำหรับแคะเศษวัสดุออกจากยาง
3.ลงมือตรวจสอบด้วยการก้มลงไปดูหน้ายางของล้อแต่ละสื่อ แล้วแต่ช่องว่างที่สามารถ
มองเห็นและสอดเครื่องมือและเมื่อได้
4.ให้ทำการปฏิบัติให้ครบทุกล้อ
5.ให้ทำการเข็นรถเพื่อให้หน้ายางไปอยู่อีกตำแหน่งหนึ่งเพื่อตรวจสอบตำแหน่งตำแหน่ง
ต่อไป
6.ทำดังเช่นข้อ 3-5 จนครบตามเส้นรอบวง
การทำลักษณะนี้ จริงอยู่ว่ามีความเมื่อยล้าอยู่บ้าง แต่การที่มีความเอาใจใส่ในรถยนต์ของ
ตนเองก็มีความภูมิใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แลกกับความเหนื่อยหลายท่านอาจจะพอใจ ลองคิดดูขนาดเราเอารถไปล้างอัดฉีดจากสถานที่ที่บริการ ยังไม่กระทำตรงจุดนี้ให้เลย(ถูกต้องนะครับ) หากท่านกระทำได้ จะส่งผลดีกับตัวยาง ได้แก่


- ขณะรถยนต์เคลื่อนที่จะไม่เกิดเสียงดัง
- ยางสามารถรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดอัดตราการฉีกขาดของยาง
- ข้อนี้ถือว่าสำคัญนั่นคือ ความปลอดภัย ย่อมมากขึ้นด้วย

สำหรับวันพักผ่อนที่แสนสบายของเจ้าของรถ ไหน ๆ ก็ทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในแล้ว ขอให้เสียสละเวลากับยางกันสักนิด โดยที่กระทำตามที่กล่าวมา ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าทุกท่านทำได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าวัสดุที่ติดมากับยางที่เป็นของเหลว ให้ทำการล้างออกเสียก่อน มิฉะนั้น จะได้รับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ จากนั้นค่อยกำจัดวัสดุที่ติดมากับยางต่อไปครับ

อนึ่ง การปฏิบัติดังกล่าว สำหรับรถยนต์ที่ยกสูง สามารถทำการปฏิบัติได้โดยง่าย แต่สำหรับรถยนต์ที่มีความเตี้ยอาจจะลำบากสักหน่อย แต่ค่อย ๆ ทำทีละนิด จนครบนะครับ ตามเส้นรอบวงและการปฏิบัติตรวจสอบแล้วว่าวัสดุที่ติดตำยาง เวลาดึงออกแล้วจะทำให้ยางรั้วลักษณะเช่นนี้ไม่ควรทำ ให้นำรถไปร้านยางจะดีที่สุด และถ้าหากยางเกิดรั่ว หลังจากที่ทำการปะยางแล้ว อย่าลืมบอกให้ร้านปะยางทำการถ่วงยางด้วยนะครับ มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อการควบคุมรถยนต์ และ สมรรถนะในการขับขี่ได้นั่นเองครับ

ท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่านร่ำรวย มีความสุข สวัสดีครับ

กระจกบังลมหน้าแตก ทำอย่างไร ?


ผู้ขับขี่และผู้โดยสารน้อยคนนักที่จะพบกับเหตุการณ์ เช่นนี้ แล้วไม่รู้จะทำอย่างไรขณะนั้นมีแต่ความตกใจ การที่กระจกบังลมหน้าแตกได้ มีอยู่ 2 ประเด็น 1. เกิดขึ้นด้วยตัวกระจกเอง 2. เกิดจากการกระทำของวัตถุอื่น ซึ่งทั้ง 2 ประเด็น เป็นสาเหตุที่ทำให้กระจกบังลมหน้าแตกได้อย่างกระทันหัน การขับขี่ต้องหยุดชะงัก และทำการแก้ไขเบื้องต้นก่อน เป็นอันดับแรก เพื่อที่จะสามารถขับขี่ต่อไปได้ ขอย้ำ แก้ไขแล้วขับขี่ต่อไปได้

มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า มีแก๊งปาหินเกิดขึ้นบ่อย แล้วไม่รู้ว่าปาหินเพื่อวัตถุประสงค์ใด ส่วนใหญ่จะเกิดที่กระจกบังลมหน้าแทบทั้งสิ้น แต่เป็นกระจกบานอื่น ก็จะไม่มีปัญหามากนัก สามารถขับขี่ต่อไปได้เลย ขณะนั้นซึ่งเสี่ยงต่อการโจรกรรม แต่ถ้าเป็นกระจกบังลมหน้า คงต้องคาดเดาเหตุการณ์ขณะนั้นว่ามีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด เมื่อตรวจสอบแล้วกระจกบังลมหน้าแตกเอง ผู้ขับขี่จะต้องทำการปฏิบัติ ดังนี้

1.ตั้งสติ ปิดระบบปรับอากาศ ( หากเปิดอยู่ )
2.บังคับรถยนต์เข้าจอดในที่ปลอดภัย
3.ทำการดับเครื่องยนต์
4.เปิดไฟฉุกเฉิน
5.นำกระจกหน้าต่างลง อันนี้เพื่อเปิด-ปิดประตู กระจกที่แตกอยู่ไม่กระจายหรือสะเทือนน้อยลง
6.หาวัสดุ เช่น ผ้า, กระดาษ ชิ้นใหญ่ๆ มาวางปิดทับคอนโซลหน้าทั้งหมดรวมถึงพวงมาลัยด้วยและเบาะนั่งคู่หน้า
7.ทำการเคาะกระจกที่แตกออกให้หมดเท่าที่ทำได้ หาวัสดุที่แข็งทำการเคาะ ห้ามใช้มือ
8.เก็บรวบรวมกระจกที่แตก และทิ้งให้เหมาะสม เท่าที่ทำได้ขณะนั้น
9.นำกระจกหน้าต่างขึ้นสุดทุกบาน อันนี้ เพื่อมิให้ลมปะทะขณะวิ่งเข้ามายังภายในรถได้ เพราะตัวรถมีอากาศอยู่เต็มนั่นเอง
10.หาแว่นตาใส่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารท่านอื่น เพราะเศษกระจกจะปลิวเข้าตาหรือแม้แต่วัสดุอื่น
11.ทำการติดเครื่องยนต์ ห้ามเปิดระบบปรับอากาศ ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยอะไรแล้ว มิหนำซ้ำ เศษกระจกจะปลิวเข้าร่างกายได้ จะมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น
12.เคลื่อนรถอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง ไม่ควรใช้ความเร็วสูง ไปตลอดการเดินทางจนถึงจุดหมาย
(ไม่ควรจอดรถไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย เพราะบุคคลอื่นสามารถเข้าไปยังภายในรถได้)
คงไม่ยากมากเกินไปใช่ไหมครับ สำหรับเหตุการณ์แบบนี้ และทางทีมงานของผู้เขียนเชื่อว่าผู้ขับขี่สามารถทำได้ อย่างไร้ปัญหาครับ

สุนัขกับรถยนต์


ได้อ่านหัวข้อของบทความแล้ว ไม่ต้องตกใจนะครับ ทางผู้เขียนมีเจตนาเพื่อให้ผู้อ่านนำไปพิจารณาประกอบในการเลี้ยงสุนัข และการใช้รถในชีวิตประจำวันครับ บางท่านอาจสงสัยว่าเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ลองติดตามกันเลยครับ

เป็นเรื่องแปลกที่สุนัขชอบปัสสาวะใส่ล้อรถยนต์ กลายเป็นของคู่กันไปเสียแล้ว และเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ว่ารถยนต์ของคุณจะมีราคาแพงหรือราคาถูกก็ตาม ไม่มีการยกเว้น เมื่อสุนัขเดินผ่านมา จะปัสสาวะที่บริเวณล้อรถยนต์โดยทันที ส่วนมากก็จะเป็นเพศผู้เสียอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะเพิ่งล้างรถหรือล้างล้อมาใหม่ก็ตาม โดนอย่างแน่นอน ยกเว้น ใช้น้ำยาป้องกันปัสสาวะสุนัข

ปัสสาวะของสุนัขนั้นมีฤทธิ์เป็นกรด ย่อมส่งผลถึงล้อรถยนต์ได้ เช่น กระทะล้อที่เป็นเหล็กก็จะเกิดสนิมขึ้นได้โดยง่าย ถ้าเป็นล้อแม๊กก็จะเกิดขี้เกลือได้โดยง่าย มิหนำซ้ำ ปัสสาวะของสุนัขจะซึมเข้าตามตะเข็บของยางกับกระทะล้อ ซึ่งจะทำให้เกิดการสึกหรอก่อนเวลาอันควร แต่ที่แน่ๆ ส่งกลิ่นเหม็นอย่างแน่นอน

อันดับต่อไป สุนัขกับชิ้นส่วนรถยนต์ สำหรับผู้ที่เลี้ยงสุนัข และสุนัขนั้นค่อนข้างเล็ก หมายความว่าสุนัขยังเป็นเด็ก พฤติกรรมของสุนัขที่เป็นเด็ก ชอบกัดโน่นกัดนี่ตามประสา ย่อมส่งผลต่อชิ้นส่วนของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นพลาสติกใต้ท้องรถ, กันชน, บังโคลน และอื่นๆ ที่สุนัขพอที่จะกัดแทะได้ ถ้าเป็นชิ้นส่วนเหล่านั้นคงไม่เท่าไหร่

แต่ถ้าสุนัขตัวนั้นไปกัดสายไฟ และสายไฟเหล่านั้น มีส่วนสำคัญในการทำงานของรถยนต์ เช่น เซ็นเซอร์ต่างๆที่อยู่ใต้ท้องรถ ย่อมส่งผลถึงการทำงานของระบบนั้นๆได้ ตรงนี้ถือว่า เสียหายค่อนข้างมาก ไม่เพียงแต่จะมีราคาพอสมควรแล้ว การบริการหรือการวิเคราะห์แก้ไข ถือว่ากระทำได้ยาก (ร้านซ่อมนอกศูนย์บริการ) แต่ไม่ต้องเป็นห่วง จะมีไฟแสดงสถานะติดค้างบนมาตรวัด เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีการขัดข้องเกิดขึ้นในระบบนั้นๆ

การเลี้ยงสุนัข บางท่านเลี้ยงไว้ดูเล่น, แก้เหงา, เลี้ยงเพื่อเอาบุญ แต่ก็มีหลายท่านเลี้ยงไว้ใช้งานในการเฝ้าบ้าน ทางผู้เขียนเห็นด้วยกับการที่มีเหตุผลในการเลี้ยงสุนัข แต่ก็มีผู้รักสุนัขจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่เลี้ยงสุนัขอย่างใกล้ชิด การเดินทางไปไหนมาไหนไปด้วยกันตลอด แม้กระทั่งอยู่ในรถ ซึ่งการเลี้ยงสุนัขไว้ในรถ จะไม่เป็นผลดีต่อท่านเจ้าของรถเท่าใดนัก

สมมติว่า สุนัขอยู่ในรถแล้วมีการถ่ายสิ่งปฏิกูล(ของเสีย)ของสุนัข ก็จะสกปรกส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ไหนจะต้องทำความสะอาดอีก ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่จะตามมาอีกได้แก่ ทุกครั้งที่ใช้รถยนต์จะต้องมีการเปิดแอร์ (ระบบปรับอากาศ) จุดนี้เองที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะว่าขนของสุนัขจะถูกดูดเข้าไปทางโบล์วเวอร์แอร์ และจะไหลไปค้างที่ตู้แอร์ พอนานวันเข้าก็จะทำให้แอร์ไม่เย็น นอกจากนี้ ขนของสุนัขยังไปอุดตรงท่อน้ำทิ้งแอร์ ทำให้ระบายไม่ได้ ก็จะล้นโดนพรมรถยนต์ และเมื่อพรมเปียกก็จะส่งกลิ่นเหม็น พร้อมกับเกิดเชื้อโรคขึ้นได้โดยง่าย การถอดพรมและตู้แอร์ออกทำความสะอาด ซึ่งจะใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายก็มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น ขอให้พิจารณาตรงจุดนี้ด้วย

และนี่ก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ทางผู้เขียนมีเจตนาเพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์เข้าใจ สิ่งที่จะได้มาก็ในเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์ของท่าน รวมถึงสุขภาพอนามัยของผู้ใช้รถยนต์ทุกท่านครับ ขอให้มีความสุขกับการใช้รถยนต์และการเลี้ยงสุนัขครับ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิง


อันตรายจากกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิง
เวลานำรถเข้าไปเติมน้ำมันในปั๊มน้ำมันเราเคยได้กลิ่นน้ำมันบ้างไหม บางครั้งหลังจากที่คุณเติมน้ำมันเสร็จกลิ่นน้ำมันอาจจะติดเข้ามาในรถด้วย ยิ่งถ้าเราเปิดกระจกรถทิ้งไว้ไอน้ำมันที่เข้ามาก็จะทำให้เกิดกลิ่งดังกล่าวได้มากขึ้นไปอีก แล้วรู้ไหมว่ากลิ่นน้ำมันเหล่านี้มีอันตรายมากทีเดียว เพราะในส่วนผสมของน้ำมันจะมีสารไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเจ้าสารตัวนี้เองที่เป็นตัวการสำคัญไปทำลายไขกระดูก ทำให้เกิดโรคไขกระดูกฝ่อ หรือไขกระดูกไม่ทำงานได้ หากรับสารไฮโดรคาร์บอนเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน อีกทั้งยังทำให้เยื่อบุจมูกระคายเคืองและเป็นโรคเยื่อบุจมูกอักเสบเรื้อรัง มิหนำซ้ำยังเป็นสารสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้อีกด้วย และหากว่าเด็กๆได้รับสารไฮโดรคาร์บอนเข้าไปก็จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากเซลล์ต่างๆ ในร่างกายของเด็กค่อนข้างไวต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้ถูกทำลายจากสารไฮโดรคาร์บอนได้โดยง่าย

ดังนั้นหากเราต้องเติมน้ำมันก็ควรปิดประตูหน้าต่างรถเพื่อไม่ให้กลิ่นไอของน้ำมันเข้าไปในรถมากเกินไป และเวลาที่เรานำรถออกจากปั๊มน้ำมันก็เช่นกัน อย่าลืมเปิดกระจกขับรถให้ลมโกรกระบายกลิ่นไอของน้ำมันออกไปให้หมดอย่างรวดเร็วก่อน



Fortuner ใหม่ (The ultimate Attraction) “ดึงดูดใจให้ไปกับคุณ”


สัมผัสอีกระดับ แห่งตัวตนที่เหนือกว่าด้วยยนตกรรม SUV ระดับหรูขีดสุดความสมบรูณ์แบบแห่งยนตกรรมที่พร้อมสะกดทุกสายตาให้เหลียวมองดึงดูดทุกหัวใจให้หลงใหลไม่สิ้นสุดด้วยรูปลักษณ์แห่งดีไซด์ที่โดดเด่นงามสง่าอรรถประโยชน์ที่หลากหลาย พร้อมพลังขับเคลื่อนและมาตรฐานความปลอดภัยที่ยากที่จะหายนตกรรมใดมาเทียบเคียง “Fortuner” เสน่ห์แห่งการขับเคลื่อนที่เหนือใคร ดึงดูดทุกใจโดยไปกับคุณ
จุดเด่น ที่เห็นภายนอก ที่มีการปรับปรุงใหม่ ได้แก่

•ไฟหน้าแบบ Projector ใหม่ ให้ความสว่างชัดเจนยิ่งขึ้น เส้นแนวของแสงมองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความปลอดภัยย่อมมีมากขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญไม่รบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมาทำให้มีความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้เส้นทางอื่นๆอีกด้วย
•กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ หรูหรางามสง่า บ่งบอกศักดิ์ศรีความเป็นคุณอีกระดับ นอกจากสวยงามแล้ว การระบายความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยลม ขณะวิ่งนั้นทิศทางลมเข้าปะทะกับหม้อน้ำได้ดีเป็นผลให้การถ่ายเทความร้อนของเครื่องยนต์ทำได้ดีอีกด้วย
•ไฟท้าย แบบ มัลติรีเฟลกเตอร์ ใหม่ดูหรูหราขึ้น ออกแบบให้มีเหลี่ยมมากขึ้นคล้ายๆกับ Land cruiser Pradoทำให้ผู้ขับรถตามมา เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นความปลอดภัยย่อมมีมากขึ้นอีกด้วย
•ล้อแม็คอัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ เติมเต็มอารมณ์หรู และสปอร์ตมากขึ้นนอกจากนั้นยังเพิ่มสมรรถนะในการยึดเกาะที่มากขึ้นอีกด้วย การทำความสะอาดง่ายดายเพราะมีช่องพอที่จะใช้มือสอดผ่านได้นั้นเอง
อันดับต่อมา จุดเด่นภายใน ที่มีการเติมเต็มให้หรูหรามากยิ่งขึ้น ได้แก่


•ระบบนำทาง Navigator พร้อมเครื่องเล่น DVD และจอแสดงผล LCD แบบสัมผัส เพิ่มความสุนทรีย์ ให้การเดินทาง ซึ่งระบบนี้จะคล้ายกับที่บรรจุอยู่ใน CAMRY ทุกประการ มาบรรจุ อยู่ใน FORTUNER ใหม่แล้ว
•ระบบควบคุมความเร็ว อัตโนมัติ (Cruise control ) ลดความเมื่อยล้ายามเดินทางไกล ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งระบบนี้ก็เหมือนกับที่บรรจุอยู่ใน CAMRY ทุกประการ
•ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย แบบ Bluetooth เป็นการเชื่อมต่อโทรศัพท์ของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเข้าห้องโดย หลังจากที่คุณมีการบันทึกไว้แล้ว ระบบจะทำการเชื่อมต่อให้โดยอัตโนมัติ เป็นการเพิ่มความปลอดภัย ขณะขับขี่ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถออกใบสั่งให้ท่านได้อีกต่างหาก เมื่อมีการสนทนาทางโทรศัพท์ระบบจะตัดการทำงานของเครื่องเสียงโดยทันที หากมีการวางสายเครื่องเสียงจะกลับมาทำงานให้เองโดยอัตโนมัติ สรุปได้ว่า นอกจากสะดวกสบายแล้วความปลอดภัยก็มีมากขึ้นนั่นเอง
•ชุดควบคุมระบบปรับอากาศ ได้ออกแบบใหม่ สามารถควบคุมได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะได้จัดวางตำแหน่งของการควบคุมใหม่ ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ตามลำดับ
•กระจกมองข้าง สามารถพับเก็บด้วยไฟฟ้า ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เหนือระดับยิ่งขึ้น

อันดับต่อไปมาดูกันในเรื่องของอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ได้แก่

•ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ( TRC ) ควบคุมและป้องกันการลื่นไถลของล้อ ป้องกันการสูญเสีย การทรงตัวของรถนอกจากนั้นทำให้การออกตัวเป็นไปอย่างราบเรียบนุ่มนวล ลดการเสียหายของยางและยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วยแต่ถ้าหากมีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกการทำงานก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
•ระบบการทรงตัว ( VSC ) ควบคุมรถให้มีความมั่นคง แม้แต่ในทางโค้งและถนนเปียกลื่นโดยจะสั่งการให้เครื่องยนต์ ลดความเร็วอัตโนมัติ และยังมีระบบเบรกทำงานตามสภาวะขณะนั้นเองโดยอัตโนมัติ ยามเมื่อคอมพิวเตอร์ตรวจพบการสูญเสียการทรงตัวของรถ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกการทำงาน ก็สามารถทำได้ง่ายดาย เพียงปลายนิ้วสัมผัส
•ระบบเสริมแรงเบรก ( BA ) จะเป็นการเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น หากมีการตรวจพบว่าผู้ขับขี่ใช้แรงเบรกไม่เพียงพอในสภาวะฉุกเฉิน ระบบจะทำงานให้โดยอัตโนมัติ ทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
•ระบบกระจายแรงเบรก ( EBD )จะทำการกระจายแรงเบรกให้เป็นอิสระไปยังล้อแต่ละล้อตามสภาวะน้ำหนักที่กดบนล้อแต่ละล้อขณะนั้น ทำให้มีการเบรกที่ปลอดภัยและระยะเบรกก็สั้นลงอีกด้วย
นอกจากนั้น Fortuner ใหม่ ได้เพิ่มขนาดของชิ้นส่วนต่างๆ ได้แก่


•ขนาดของจานเบรกหน้าให้ใหญ่ขึ้น
•เพิ่มขนาดหม้อลมเบรกให้ใหญ่ ขึ้น
•เพิ่มแรงดันแม่ปั๊มเบรกเพิ่มขึ้น อีก 50 %
สิ่งที่ได้เสริมเติมแต่งให้สะดวกมากขึ้นและสวยงามมากยังมีอีกได้แก่

•ระบบปรับอากาศ จากอยู่หลังขวา มาอยู่บนเพดานทุกที่นั่ง ทำให้มีความเย็นสบายตลอดการเดินทางหากไม่มีผู้โดยสารในแถวสอง และสาม สามารถควบคุมได้โดยผู้ขับขี่โดยมีสวิทช์ควบคุมอยู่บริเวณคอนโซลหน้า
•ชุดคอนโซลหน้ามีสีที่เข้มขึ้น บำรุงรักษาง่ายขึ้นและการสะท้อนขึ้นที่กระจกบังลมหน้านั้นแทบมองไม่เห็นทำให้การมอง ผ่านกระจกบังลมหน้าชัดเจนมากขึ้น แน่นอนที่สุด ความปลอดภัยย่อมมีมากขึ้นนั่นเอง

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ประกันภัยรถยนต์


การทำประกันภัยรถยนต์ ถือเป็นเรื่องที่ดี สำหรับเจ้าของรถยนต์ทุกท่าน หากมีการเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันภัยต้องเข้ามารับผิดชอบหรือมาดำเนินการแทนเจ้าของรถอยู่แล้ว แต่มีอยู่มากที่จะเลือกไม่ทำประกันภัยรถยนต์ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นก็คือ รถยนต์ทุกคันหากมีการใช้งานอยู่ ก่อนจะถึงวันครบที่จะต้องเสียภาษีประจำปี จะต้องมีการทำที่เราเรียกว่า “ พ.ร.บ . ” ทุกคัน มิฉะนั้นจะผิดกฎหมาย และ ไม่อนุญาตให้ต่อภาษี

การประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประเภท 1 , ประเภท 2 , หรือ ประเภท 3 ก็ตาม ต่างก็มีข้อกำหนดมากมาย ซึ่งคนส่วนใหญ่ ก็ไม่ทราบรายละเอียดหรือข้อมูลเท่าใดนัก รู้แต่เพียงว่ารถของฉันมีประกันภัย หากเกิดเหตุย่อมได้รับสิทธิ์ความคุ้มครอง แต่ในความเป็นจริง อาจจะไม่ตรงกับที่เราเข้าใจอยู่ก็เป็นได้

ยกตัวอย่างเช่น การทำประกันชั้น 1 ได้จำแนกออกเป็นส่วนอื่นๆอีก อย่างที่เห็นเด่นชัดก็เกี่ยวกับการประกันชั้น 1 ของศูนย์บริการหรือที่เราเข้าใจว่าห้าง กับ ประกันภัยชั้นหนึ่ง ของ อู่ทั่วไป อีกอันหนึ่ง ก็ ประกันภัยชั้น 1 เกี่ยวกับคุ้มครอง รถหาย กับ รถไม่หาย ดั้งนั้นผู้ที่จะทำประกันภัย ขอให้สอบถามทำความเข้าใจให้ดีก่อนที่จะทำการใดๆ

บริษัท ประกันภัย ยินดีที่จะรับใช้ท่านเจ้าของรถอยู่แล้วตามเงื่อนไขในเอกสาร แต่พนักงานของบริษัทประกันภัยอาจเป็นพนักงานใหม่ หรือ ไม่ทราบในรายละเอียดของประกันภัยมากนัก อาจทำให้ลูกค้าเกิดความสับสน หรือ อีกประเด็นหนึ่ง คือ ผ่านทางพนักงานขายเลยทำให้ตกหล่นไปบ้าง ที่สำคัญลูกค้าไว้ใจ เจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยเวลาเกิดเรื่องขึ้น ไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นจะถูกหรือผิดก็ตาม ถึงอย่างไรต้องเรียกประกันภัยมา แต่มาช้าหรือมาเร็วนั่นอีกเรื่องหนึ่ง ( ส่วนใหญ่จะมาช้า )

การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ อย่าเห็นแก่ราคาถูก การบริการอาจจะไม่ดีตามที่เราคิดได้ ขอให้ท่านศึกษาให้ดีไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาลักษณะใด เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วคงจะเสียอารมณ์มิใช่น้อย ก็มีอยู่พอสมควรที่ร้องเรียนถึงบริษัทประกันภัย แต่ถ้าหากมองมุมกลับ บริษัท ประกันภัยอาจไม่จะไม่เกี่ยวข้อง แต่จะเป็นตัวเจ้าหน้าที่เอง ที่ทำให้เสียชื่อเสียงขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า การเซ็นต์ชื่อใดๆลงไปในเอกสาร ขอให้ อ่านให้รอบคอบเสียก่อน ว่าการเซ็นต์ชื่อไปนั้นเป็นการยินยอมชดใช้ของประกัน หรือ ยินดีที่จะจ่ายค่าเสียหายโดยที่ประกันภัยไม่เกี่ยวเลย และถ้าหากเราเซ็นต์ชื่อลงไปแล้ว ถือ ว่าถูกกฎหมายเสียด้วยซ้ำ มนุษย์มีวิธีการที่แยบยลในกระทำการต่างๆโดยที่ผู้อื่นไม่ทราบ ดั้งนั้น ขอให้ใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน คนส่วนใหญ่พอเกิดอุบัติเหตุแล้วย่อมมีอารมณ์ที่ไม่ดีนัก จังหวะนี้แหละ อาจจะทำการเซ็นต์ชื่อไปโดยไม่รู้ตัว คิดว่าเซ็นต์ๆไปจะได้จบเรื่อง แต่ที่ไหนได้กลับถูกหักหลังจากเจ้าหน้าที่ประกันภัย ดั้งนั้น หากไม่เข้าใจตรงจุดใด อย่าเซ็นต์ชื่อก่อนเด็ดขาด หากเอกสารนั้นอยู่ในมือผู้ที่ไม่หวังดี อาจเสียใจภายหลังอย่างไรแล้ว การทำประกันรถยนต์ถือเป็นเรื่องดี และ จำเป็น เห็นด้วยทุกประการครับผม

“ สงสัยให้ถาม ความอย่างไร ใครถูกผิด คิดสักครู่ ดูให้เห็น แล้วจึงเซ็นต์ชื่อ รับทราบ ”

สิ่งของ วางไว้ ในรถ


ข้าวของเครื่องใช้ ที่วางไว้ในรถก็เพื่อเอาไว้ใช้งาน ซึ่งสามารถหยิบใช้ได้โดยง่าย บางชิ้นก็มีราคาแค่ไม่เท่าไร แต่ถ้าสิ่งของชิ้นนั้นมีราคา เมื่อมีการสูญหาย จะเสียดายขนาดไหน ? การที่วางสิ่งของไว้ในรถ ไม่ว่าจะถูกวางไว้ประจำหรือชั่วคราว บางครั้งจังหวะจะพอดีกับหัวขโมยที่กำลังมองอยู่ก็เป็นได้ ก็จะตกเป็นเป้าหมาย เมื่อเผลอเมื่อไหร่ เสร็จแน่ๆ ไม่ว่ารถของท่านจะมีการติดฟิล์มกรองแสงมาอย่างดีแล้วก็ตาม (พวกนี้มีพรสวรรค์ เพื่อแสวงหาในเรื่องผิดกฎหมาย) ขอให้ฉุกคิดสักนิดหน่อยว่า เก็บของเพื่อความปลอดภัย ถ้ารถของท่านประเภทที่ฝากระโปรงท้าย ก็ควรเก็บไว้ในนั้น เพราะมองไม่เห็น คงยากแก่หัวขโมยที่จะคาดเดา ก็อาจจะผ่านเลยไป แต่ถ้ามองเห็นชัดเจนแล้ว โอกาสที่จะสูญหายอาจมีมากขึ้น ไม่เพียงแต่ของจะหายแล้ว รถยนต์ของท่านอาจมีการเสียหายตามมาได้อีกด้วย

ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก็มีอยู่ไม่น้อยที่จอดรถทิ้งไว้แล้ว ของมีค่าภายในรถสูญหาย ไม่ว่าจะเป็น กล้องวีดีโอ คอมพิวเตอร์แบบพกพา (โน๊ตบุ๊ก), กระเป๋าเงิน และอื่นๆ พวกหัวขโมยมีวิธีการที่แยบยล ถึงแม้จะมีระบบป้องกันอย่างดีแล้วก็ตาม การที่ตกเป็นข่าวหรือมีข่าวออกมานั้น ส่วนมากจะเป็นคนมีชื่อเสียง ก็มีอยู่ไม่น้อยที่เป็นคนธรรมดา แล้วไม่ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้น ขอให้เจ้าของรถรำลึกเสมอว่า “อย่าประมาท”

ใช่ว่าการที่เก็บสิ่งของดีแล้ว ไว้ในเก๊ะเก็บของ หรือ ฝากระโปรงท้าย เวลาที่จะนำรถเข้าไปใช้บริการใดๆ ก็ควรให้กุญแจสำรอง ไว้แทนกุญแจหลัก ไม่ว่าจะเป็นการนำรถไปล้างอัดฉีดหรือใช้บริการอย่างอื่นที่ต้องให้กุญแจไป ขอให้ล็อคเก๊ะและฝากระโปรงท้ายด้วยกุญแจหลัก จากนั้นค่อยให้กุญแจสำรองไป เพราะจะไม่สามารถไขเปิดได้หรือดึงเปิดฝากระโปรงท้ายได้ สังเกตอย่างง่ายๆ ถ้ารถของท่านมีตำแหน่งไขกุญแจบริเวณเก๊ะเก็บของ แสดงว่า มีระบบป้องกันนั้นอยู่

ในรถยนต์แวน (VAN) บางรุ่นจะมีแผ่นเลื่อนปิดบริเวณห้องโดยสารส่วนท้าย มีไว้สำหรับปิดบังสิ่งของ ป้องกันมิให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นเอง ดังนั้น การที่จะวางสิ่งของก็ควรเก็บให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สิน อย่า! ชะล่าใจว่า สถานที่จอดรถนั้นมี ร.ป.ภ. ดูแล, จอดรถอยู่ในแหล่งผู้คนพลุกพล่านหรือแม้กระทั่งสถานที่ราชการคงไม่มีใครมองเห็นรถยนต์ได้ตลอดเวลา สรุปว่า สิ่งของใดๆที่ล่อแหลมแก่การถูกโจรกรรม ควรเก็บให้มิดชิด แล้วรถยนต์ของท่านจะไม่ถูกบุกรุกจากผู้ที่ไม่หวังดี ครับ

วิธีการเลือกซื้อรถ

จะซื้อรถใหม่สักคัน ต้องคิดให้รอบคอบรถยนต์ไม่ใช่คันละบาทสองบาท ตัดสินใจผิดพลาดไปแล้วต้องมาปวดหัวกันทีหลังนั้น ไม่ดี เรามีแนวทางการพิจารณาเลือกซื้อรถใหม่แบบกว้างๆ ให้ท่านพอสังเขป ดังนี้

1. งบประมาณที่มีอยู่ : จะซื้อรถหรือซื้ออะไรก็ตาม ก็ควรจะเหมาะสมกับกำลังที่มี มิใช่ซื้อมาแล้วต้องมามีชีวิตยากลำบาก หรือ ซื้อมาได้ไม่นานก็ถูกยึดไป ในส่วนของงบประมาณมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ดังนี้
- เงินสดที่ต้องใช้ : เงินสดสำหรับรถทั้งคันหรือ เงินดาว์น รวมทั้งค่าประกันภัย , ค่าทะเบียนและ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ
- เงินที่จะต้องผ่อนแต่ละเดือน : สำหรับท่านที่ซื้อรถเงินผ่อนซึ่งนอกจากเงินผ่อนแล้ว อย่าลืมค่าน้ำมันเชื้อเพลิง , ค่าบำรุง รักษาต่างๆ , ค่าประกันภัย และค่าทะเบียนปีต่อๆไปด้วย ( ใน Web site : www.phithan-toyota.com มีสูตรคำนวน เงินผ่อนแต่ละเดือนให้ด้วย ใช้สะดวกมาก)

2. วัตถุประสงค์ใช้งาน : จะต้องถามตัวเองก่อนว่า เราซื้อรถมาใช้ประโยชน์อะไร มีการใช้งานปกติอย่างไร มีข้อจำกัดในการใช้งานอย่างไรบ้าง ฯลฯ เมื่อทราบแล้วจึงดูว่า ในตลาดรถยี่ห้อใดรุ่นใดบ้าง ที่เหมาะกับการใช้งานของท่าน โดยทั่วๆ ไปจะมี คำถามที่เกี่ยวกับการใช้งานดังนี้

2.1 ใช้รถในกรุงเทพฯ หรือ ออกต่างจังหวัดเป็นส่วนมาก หรือ ทั้งสองอย่าง
- รถสำหรับใช้ในกรุงเทพฯ มักเรียกกันว่า City Car เป็นรถที่มีขนาดกระทัดรัด มีความคล่องตัวสูง มีอัตราเร่งดีตอนออกตัว ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากเป็นพิเศษ
- รถใช้เดินทางต่างจังหวัด ควรเป็นรถขนาดกลางหรือใหญ่มีการทรงตัวดี เครื่องยนต์มีกำลังเร่งทั้งที่รอบต่ำและรอบสูง เป็นรถที่แข็งแรงทนทาน
2.2 จำนวนผู้โดยสารประจำ
2.3 ความจำเป็นต้องใช้บรรทุกของมากน้อย และบ่อยแค่ไหน
2.4 ความจำเป็นต้องใช้การขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยปกติแล้วรถขับเคลื่อน 4 ล้อ จะราคาสูงกว่า , สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง มากกว่า , มีค่าบำรุงรักษาสูงกว่า และ ซ่อมแพงกว่าซึ่งถ้าซื้อมาแล้วได้ใช้ประโยชน์คุ้มค่าก็ถือเป็นเรื่องดี และ ถ้าซื้อมาแล้ว ไม่ได้ใช้ขับเคลื่อน 4 ล้อเลย ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย
2.5 ใช้ลุยน้ำท่วมหรือไม่ ถ้าต้องลุยน้ำท่วมก็ควรเป็นรถที่ยกสูงซึ่งมีทั้งขับเคลื่อน 4 ล้อและ ขับเคลื่อน 2 ล้อ
2.6 อุปนิสัยการขับรถ ช้าหรือเร็ว ถ้าเป็นคนที่ขับรถช้า ขับไปเรื่อยๆ ก็คงไม่ต้องพิจารณาอะไรให้มากนัก แต่ถ้าเป็นคนที่ ชอบขับเร็วแล้วสมรรถนะเครื่องยนต์ , ระบบช่วงล่าง , เกียร์ , ระบบเบรค , ขนาดล้อและยาง , อุปกรณ์ความปลอดภัย ฯลฯ คงต้องนำมาพิจารณากันซึ่งถ้าจะให้มีครบ ก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ครับ
2.7 ความสะดวกสบายและหรูหรา ข้อนี้คงพิจารณาได้ง่ายเพราะขึ้นกับเงินในกระเป๋าเป็นหลัก
2.8 ข้อจำกัดในการใช้งานอื่นๆ
- ขนาดของประตูบ้าน , ที่จอดรถ และซอยเข้าบ้าน
- ส่วนสูงของผู้ขับ
- ความปลอดภัยของที่ที่จอดรถเป็นประจำ
- ฯลฯ

3. การประหยัด
3.1 อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง :รถที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มักเป็นรถขนาดเล็ก , เครื่องยนต์ขนาดเล็ก , เครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ , ตัวถังออกแบบให้ลู่ลมมากกว่า , เครื่องยนต์ดีเซล มักจะมีอัตราสิ้นเปลือง น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องเบนซิน ฯลฯ
3.2 ค่าบำรุงรักษา : หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ เมื่อใช้งานถึงระยะทาง หรือ ระยะเวลาที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้ อาทิเช่น น้ำมันหล่อลื่นชนิดต่างๆ , ไส้กรองชนิดต่างๆ , หัวเทียน , สายพานต่างๆ , ยาง ฯลฯ รวมทั้งค่าแรง
3.3 ค่าซ่อม : หมายถึง ค่าแรงและค่าอะไหล่ของชิ้นส่วนที่หมดอายุการใช้งานหรือชำรุดโดยทั่วไปมักมีการแยกอะไหล เป็นกลุ่มดังนี้
- อะไหล่ลิ้นเปลือง หรือ อะไหล่ที่ต้องมีการเปลี่ยนบ่อยๆ เช่น ผ้าเบรค , ยางปัดน้ำฝนอะไหล่ ที่เปลี่ยนเมื่อใช้งานครบระยะทาง หรือระยะเวลา ฯลฯ
- อะไหล่ทั่วไป ซึ่งจะเปลี่ยนเมื่อตรวจพบว่าชำรุด
- อะไหล่ตัวถัง
3.4 ความทนทาน : ยิ่งซื้อรถไปเพื่อใช้งานหนัก หรือใช้มากเท่าใด ความทนทานก็ยิ่งมีความสำคัญมากเท่านั้น เพราะจะมี ผลอย่างมากต่อค่าใช้จ่าย และเวลาที่ต้องเสียไปกับการซ่อมบำรุงหากต้องการทราบว่ารถรุ่นไหนยี่ห้อไหน มีความทนทานมาก วิธีที่ง่ายก็คือ การสอบถาม จากผู้มีประสบการณ์หากเป็นรุ่นใหม่ในตลาดก็คงต้องดูที่ยี่ห้อว่าเป็นผู้ผลิตรถที่มี ความทนทานหรือไม่ นอกจากนี้สำหรับผู้เชี่ยวชาญทางวิศวกรรมยานยนต์ ก็อาจพอบอกได้จากการออกแบบ
3.5 การดูแลและการบำรุงรักษาด้วยตนเองหรือคนสนิท : เลือกรถที่สามารถดูแล และบำรุงรักษา ตลอดจนซ่อมบำรุงได้ด้วยตนเอง หรือ โดยคนสนิทที่คิดค่าใช้จ่ายถูกๆ ก็จะช่วยให้ประหยัดได้ไม่น้อย
3.6 ราคาขายต่อมือสอง : จะมีความสำคัญขึ้นมาเมื่อท่านต้องการเปลี่ยนรถ

4. การบริการหลังการขาย
4.1 มีศูนย์บริการอยู่ทั่วไป , หาง่าย , มีการบริการที่ดีได้มาตรฐาน และ ซื่อสัตย์
4.2 ความพร้อมของอะไหล่ : อะไหล่หาง่ายไม่ต้องรอนาน มีครบทุกชิ้น ในขณะที่มีรถบางรุ่นอาจต้องรออะไหล่เป็นเดือน
4.3 เงื่อนไขการรับประกัน ระยะเวลา และความสะดวกในการทำเคลม
4.4 การดูแลเอาใจใส่ของตัวแทนจำหน่าย และพนักงานขายหลังจากซื้อรถมาแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการหลังการขาย คงต้องมาจากประสบการณ์ของท่าน ของคนรู้จัก หรือ อ่านจากหนังสือต่างๆ หรือ ภาพพจน์ชื่อเสียงที่ผ่านมา

5. ความชอบและความพอใจของผู้ซื้อ สำหรับข้อนี้ก็แล้วแต่ผู้ซื้อครับ

การเลือกซื้อรถมือสอง


ท่านที่ต้องการซื้อรถมือสองหรือรถใหม่ก็แล้วแต่ ควรรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเองเสียก่อนว่าจะนำรถไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรปัจจัยต่อไปที่เราจะพูดถึงก็คือ การพิจารณาในการเลือกซื้อรถมาใช้ ควรดูว่ารถที่เราจะขับเป็นรถยี่ห้ออะไร และมีศูนย์บริการหรือบริการหลังการขายอย่างไร อะไหล่มีราคาถูกหรือราคาแพงและหาได้ง่ายหรือไม่ เพราะรถมือสองอาจจะต้องมีการซ่อมหลังจากการซื้อมามากหน่อย ซึ่งถ้าเป็นรถทางค่ายยุโรปอาจจะมีปัญหาเรื่องการหาอะไหล่ราคาถูกได้ยาก หรืออาจจะต้องรออะไหล่นาน สิ่งเหล่านี้สามารถดูได้จากความนิยมในการใช้ทั่วๆ ไป ถ้ามีความนิยมใช้มากอะไหล่ก็จะหาได้ง่ายและมีราคาถูก ดูปีที่ผลิตรถว่ารถเก่าไปไหม หรือจะใช้ได้อีกนานหรือไม่ ดูว่าหากต้องการขายต่อ ยังพอได้ราคาอยู่หรือเปล่า ดูเลขกิโลเมตรกับปีรถว่าเหมาะสมกันหรือไม่ ซึ่งเรากำลังจะกล่าวถึงรายละเอียดในหัวข้อต่างๆ ต่อไปนี้ครับ

1. การตรวจเช็คสภาพภายนอกของรถยนต์ คือ การดูตัวถังภายนอกและการดูสีของรถยนต์ การดูสีของรถยนต์ควรดูที่สว่างๆ แต่ไม่ใช่กลางแดดจัด ให้มีแสงพอสมควร เริ่มจาก

1.1 ยืนในต่ำแหน่งหน้ารถ แล้วนั่งลงมองในระดับฝากระโปรงหน้าทั้งด้านซ้าย และด้านขวาดูเส้นขอบตรงหน้ารถไปจรดท้ายที่เป็นเส้นตรงว่ารอยหรือเส้นขอบต่างๆ ผิดเพี้ยนหรือไม่ถ้าดูแล้วมีรอยยุบของเส้นขอบต่างๆ ที่ไม่ต่อเนื่องสันนิษฐานได้ว่ารถคันนี้ได้มีการทำสีมาแล้ว
1.2 เดินดูรอบรถโดยดูเส้นขอบของประตูเป็นแนวเดียวกันหรือไม่ มีรอยโค้ง รอยนูนหรือเว้าหรือไม่
1.3 ดูช่องว่างระหว่างประตูแต่ละบานว่าเหมาะสมกันหรือไม่
1.4 ดูตัวถังว่ามีการโป๊วสีมาหรือไม่ โดยการใช้นิ้วดีดหรือเคาะเพื่อทำการฟังเสียง โดยทำรอบๆ ตัวรถบริเวณที่มีเสียงทึบมีโอกาสเป็นไปได้ว่ารถได้มีการทำสีมาก่อน เสียงที่ดีต้องเป็นเสียงป็อกๆ ถือว่าใช้ได้
1.5 ต่อไปให้ดูว่าผิวสีเรียบเป็นปรติเหมือนกันทั้งคันหรือไม่ เพราะถ้าผิวสีที่มีรอยนูนหรือเว้า หรือลักษณะของสีที่แตกต่างกัน
1.6 ดูส่วนประกอบรอบๆ รถ เพื่อที่จะบอกได้ว่าเจ้าของเก่ามีการใช้รถเป็นอย่างไร

2. การดูภายในห้องเครื่องยนต์ เปิดฝากระโปรงหน้าขึ้น เริ่มจาก

2.1 ดูที่คานหน้าหม้อน้ำ ทั้งด้านบนและล่าง รูน๊อตยึดต่างๆ กลมเป็นปรกติหรือไม่
2.2 ดูสภาพของสีกลมกลืนทั้งห้องเครื่องยนต์หรือไม่ ถ้าสีเหมือนกันแต่พ่นใหม่อาจจะมีการยกเครื่องออกมา เพื่อทำการซ่อมตัวถังหรือซ่อมเครื่องยนต์
2.3 ดูตะเข็บรอยต่อเป็นปรกติ เหมือนกันทั้ง 2 ข้าง
2.4 ดูซุ้มล้อหน้าซ้าย,ขวา สังเกตสติ๊กเกอร์ NAME PLATE ว่ามีหรือไม่ สภาพเป็นปกติหรือเปล่า
2.5 ดูร่องน้ำไหล ทั้งซ้ายและขวา ง่ามีรอยบุบหรือคดบ้างหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้ จะบ่งบอกถึงการเกิดอุบัติเหตุหรือเพียงแค่ทำสีใหม่เท่านั้นควรดูให้ดี

3. การดูเครื่องยนต์

3.1 คราบหรือร่องรอยของการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง
3.2 ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก, คลัทช์, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ สีต้องเป็นปกติและสะอาด
3.3 ระดับน้ำยาหล่อเย็น จะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด
3.4 ระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ สีและกลิ่นของน้ำมัน
3.5 ระดับน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด สีและกลิ่นต้องอยู่ในสภาพที่ดี
3.6 สภาพของสายพานต่างๆ จะต้องไม่แตกร้าว ความตึงพอเหมาะ
3.7 ตรวจหม้อน้ำ,ฝาปิดหม้อน้ำ จะต้องไม่รั้วและมีน้ำอยู่ในระดับที่พอเหมาะ
3.8 สภาพของสายไฟในห้องเครื่องยนต์ จะต้องจัดเก็บเรียบร้อย
3.9 แบตเตอร์รี่จะต้องไม่บวม ขั้วแบตเตอร์รี่สภาพดี และดูอายุของแบตเตอร์รี่,สภาพของน้ำกลั่น
3.10 ติดเครื่องฟังเสียงของเครื่องยนต์ว่าผิดปกติหรือไม่ และจะติดเครื่องได้โดยง่าย
3.11 เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วสังเกตเสียงว่าผิดปกติหรือไม่ เครื่องยนต์เดินเรียบหรือเปล่า
3.12 ตรวจการรั่วของกำลังอัด ดูไอน้ำมันเครื่อง โดยดึงก้านวัดน้ำมันขึ้นมาดูว่ามีควันหรือกลิ่นไหม้ ถ้าไม่มีถือว่าใชได้ และจะต้องไม่มีแรงดัน ดันออกมาทางด้านก้านวัดน้ำมันด้วย
3.13 เดินไปท้ายรถสังเกตควันที่ออกจากท่อไอเสีย จะต้องไม่ขาวและดำ ถ้าผิดปกติแสดงว่าเครื่องยนต์ทำงานบกพร่อง อาจจะต้องมีการทำเครื่องยนต์ใหม่

4. การดูห้องโดยสาร

4.1 แผงหน้าปัทม์ ดูไฟเตือนต่างๆ ขณะเปิดสวิทซ์กุญแจ ต่อจากนั้นสตาร์ทเครื่อง ไฟเตือนต่างๆ จะต้องดับลง
4.2 ระบบเครื่องเสียงใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
4.3 ระบบปรับอากาศ อุณหภูมิของลม การปรับตั้ง Mode, Fan, Temperature ทำงานได้ดีหรือเปล่า
4.4 ไฟส่องสว่างภายในรถ เช็คสัญญาณไฟเลี้ยว, ไฟสูง ว่าติดที่หน้าปัทม์หรือไม่ขณะทำการเปิด
4.5 กระจกหน้าต่างทุกบานปิดสนิทหรือไม่
4.6 เบาะนั่งอยู่ในสภาพใช้งานได้เป็นปกติสามารถทำการปรับตั้งได้หรือไม่

*โดยรวมสภาพของห้องโดยสาร จะต้องสัมพันธ์กับอายุของรถ เลขกิโลเมตร่าเหมาะสมกันหรือไม่

5. ดูห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ การดูคล้ายๆ กับห้องเครื่องยนต์

5.1 รอยตะเข็บต่างๆ ,รอยเชื่อม,รอยบัดกรี จะต้องไม่ผิดเพี้ยนจากจุดใกล้เคียง
5.2 ร่องรอยการทำสี ว่ามีสีที่ดูใหม่กว่าจุดอื่นหรือไม่
5.3 รางน้ำฝากระโปรง ต้องไม่เสียรูป
5.4 ถ้าเป็นรถเก๋งควรเปิดพรมท้ายรถดูว่ามี เครื่องมือ, ยางอะไหล่อยู่หรือเปล่า และตรวจดูว่ามีน้ำขังอยู่หรือไม่ ถ้ามีอาจเกิดจากการรั่วของรอยตะเข็บบริเวณรางน้ำของฝากระโปรงท้ายได้

6. ตรวจสอบช่วงล่าง โดยรถยนต์กับที่

6.1 กดรถทางด้านหน้าและหลัง เพื่อดูการทำงานของโช๊คอัพจะต้องไม่แข็งและเด้งเร็วเกินไป และดูว่ามีคราบน้ำมันจำนวนมากที่บริเวณโช๊คอัพหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าน่าจะชำรุด
6.2 ดูยางทั้ง 4 เส้นว่าสภาพของดอกยางมีการสึกหรอสม่ำเสมอหรือไม่ ถ้าไม่สม่ำเสมอแสดงว่าช่วงล่างและศุนย์ล้อน่าจะมีปัญหาสังเกตยางมีการปริแตกหรือฉีกขาดหรือเปล่า ยางยี่ห้อเดียวกันและรุ่นเดียวกันทั้งหมดหรือไม่ เพราะยางแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะมีการออกแบบมาใช้งาน และการบรรทุกจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการผลิตของยางยี่ห้อนั้นๆ ถ้าใช้ยางผิดประเภทจะทำให้เกิดอันตรายได้

6.3 ระยะฟรีพวงมาลัยจะต้องมีเล็กน้อย ถ้ามากเกินไปเป็นไปได้ว่า ลูกหมากจะมีปัญหา
6.4 ถ้าสามารถทำการตรวจสอบใต้ท้องรถได้ ให้ดูว่ามีการผุกร่อนของตัวถังบริเวณใต้ท้องหรือไม่ แซสซีส์ต้องตรงไม่การ บิดเบี้ยว ผุ หรือทีรอยเชื่อมที่เกิดจากการหักของแซสซีส์

7. การทดสอบโดยการขับขี่ ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกขับตามสภาพถนนหลายๆ แบบ

7.1 ทดสอบระบบรองรับว่าทำงานได้ดีหรือไม่ เช่นโช๊คอัพ, สปริง, แหนบ ขณะทำการวิ่งทดสอบว่ามีเสียงดังเกิดจากช่วงล่างหรือไม
7.2 ขณะทำการเร่งเครืองยนต์ มีเสียงดังเกิดขึ้นผิดปรกติหรือไม่
7.3 ขณะรถวิ่งมีเสียงเข้ามาในห้องโดยสารมากน้อยเพียงใด
7.4 เวลาวิ่งด้วยความเร็วสูงรถควรมีการเกาะถนนที่ดีพอ และจะต้องไม่มีอาการส่ายหรือโครงไปมา
7.5 ทดลองเลี้ยวซ้ายและขวาดูว่า ช่วงล่างเกิดเสียงดังหรือไม่
7.6 การทำงานของเบรกระบบ ABS ทำงานเป็นปกติหรือไม่ โดยทำงานของเบรก ABS ขณะเบรกแบบกระทันหันจะมีการเคลื่อนตัวขึ้นลงแป้นเบรกเป็นระยะ ในขณะที่ไม่ได้ถอนเท้าออกจากแป้นเบรก ถ้ามีแสดงว่าเป็นปกติ
7.7 ทดสอบศูนย์ขณะรถวิ่ง ว่าดึงไปมาข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ และพวงมาลัยตรงพอดีหรือไม่
7.8 การตัดต่อของคอมเพรสเซอร์แอร์ขณะขับขี่มีเสียงดังเป็นปกติหรือไม่ หากมีเสียงดังเกินไปอาจเกิดจากลูกปืนคลัทช์หน้าคอมเพรสเซอร์แอร์ชำรุด
7.9 หลังจากขับทดสอบแล้วให้ติดเครื่องทิ้งไว้สักครู่ เพื่อดูความผิดปกติอีกครั้ง

8. การดูเอกสารเล่มทะเบียนรถยนต์

เราจะรู้ประวัติของรถยนต์เบื้องต้นได้โดยการตรวจสอบดูจากเล่มทะเบียนรถยนต์ จะทำให้ทราบว่ารถคันนี้ผ่านการใช้งานมาแล้วกี่ราย มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์และสีของรถยนต์หรือเปล่า ควรเลือกซื้อรถที่ผ่านการใช้งานมามือเดียว หรือจากเจ้าของคนเดียว จะช่วยให้เราสามารถซักถามประวัติการใช้รถได้ เอกสารที่ควรใส่ใจมากที่สุด คือสมุดจดทะเบียนไม่ควรมีการแก้ไขโดยไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ขนส่งกำกับ หากสมุดจดทะเบียนมีข้อน่าสงสัยไม่ควรทำการซื้อขายรถคันดังกล่าว

แต่พอจะสรุปสุดท้ายก็คงต้องดูที่ราคาว่าเหมาะสมกับรถไหม เพราะการซื้อรถมือสองก็ต้องดูตามสภาพความเป็นจริงว่าสภาพรถขนาดนี้ ราคาก็น่าจะอยู่ประมาณนี้ เพราะถ้าจะเอารถมือสองคุณภาพเทียบเท่ารถใหม่ จะให้ราคาถูกก็คงหาได้ยากหรือหาไม่ได้เลย เพระาฉะนั้นควรระลึกไว้ด้วยว่าของถูกและดีไม่มีในโลก ควรเลือกแบบที่เหมาะสมกับราคาตามสภาพรถ และวัตถุประสงค์ของการใช้งานครับ

เคล็ดลับการขายรถใช้แล้วทางอินเตอร์เน็ต

การขายรถใช้แล้วผ่านทางอินเตอร์เน็ตนั้น ควรเน้นในสิ่งต่างๆที่จะทำให้ผู้ที่สนใจจะซื้อรถได้ ทราบถึงรายละเอียดของรถอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน เพราะหากมีการพบสิ่งผิดปกติในภายหลัง อาจมีการยกเลิกข้อตกที่ได้ทำกันไว้ก็เป็นได้ ซึ่งในการขายรถใช้ แล้วผ่านทางอินเตอร์เน็ตนั้น ท่านควรมีรายละเอียดเหล่านี้ระบุลงไปในประกาศขายของท่านด้วย อ่านต่อคลิกที่นี่
donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved