เปิดตัวธุรกิจใหม่ โดยทายาทตระกูลพรประภา กับ “SBRAND” ศูนย์ซ่อมบำรุงสีและตัวถังรถยนต์ สุดยอดเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น เร็วสุด 60 นาที หนึ่งเดียวในไทย
Posted by Contemporary industry
Posted on 02:47
กรุงเทพฯ – ปัจจุบันการให้บริการซ่อมบำรุ งสีและตัวถังรถยนต์ ในประเทศไทยยังคงเป็นรูปแบบเดิ มที่ใช้ระยะเวลาในการซ่อมนานกว่ า 3-4 วัน ซึ่งถือว่ายังไม่ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ ใช้รถยนต์ได้อย่างเต็มที่SBRAND จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่ าในการให้บริการซ่อมบำรุงสี และตัวถังรถยนต์ด้วยเทคโนโลยี ประสิทธิภาพสูงภายในระยะเวลาที่ รวดเร็ว
SBRAND ศูนย์ซ่อมบำรุงสีและตัวถั งรถยนต์ ก่อตั้งและบริหารงานโดยนายประณั ย พรประภา กรรมการผู้จัดการบริษัท สยาม เอสแบรนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ SBRAND JAPAN Co., Ltd. ให้บริการเกี่ยวกับการซ่อมบำรุ งสีและตัวถังรถยนต์ โดยใช้นวัตกรรมที่ ประสบความสำเร็จมาอย่ างยาวนานในประเทศญี่ปุ่น โดยนายประณัยได้เล็งเห็นถึ งโอกาสในการยกระดับมาตรฐานการซ่ อมสีและตัวถังรถยนต์ ในประเทศไทยให้มีมาตรฐานระดั บสากลและยังเป็ นการตอบสนองความต้องการของผู้ ใช้รถยนต์ในประเทศไทยได้มากยิ่ งขึ้น ด้วยการซ่อมโดยเทคโนโลยีที่มี ประสิทธิภาพสู งภายในระยะเวลาการซ่อมที่รวดเร็ ว อีกทั้งยังมั่นใจว่า ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ SBRAND จะได้รับความพึ งพอใจและประสบการณ์การซ่อมบำรุ งสีและตัวถังรถยนต์ที่แตกต่ างจากเดิมอย่างแน่นอน
นายประณัย กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ SBRAND ต่างจากศูนย์บริการอื่นๆ นั่นคือ ความสามารถในการซ่อมบำรุงสี และตัวถังรถยนต์ที่เร็วกว่าถึง 20 เท่า โดยใช้เวลาในการซ่อมเร็วสุด 60 นาที ด้วยการซ่อมแบบ microREPAIRซึ่งเป็นการซ่อมเฉพาะบริเวณที่ เกิดความเสียหายโดยไม่ต้ องถอดแยกชิ้นส่วนในระหว่างการซ่ อม ทำให้หมดปัญหาเรื่องการประกอบชิ ้นส่วนที่อาจกลับมาไม่เหมือนเดิ ม และระบบ UV Flash system คือการฉายแสง UV Flashไปยังบริเวณที่ซ่อมเพื่อย่ นระยะเวลาการซ่อมให้เร็วขึ้นอย่ างมีประสิทธิภาพ ในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ SBRAND ไม่เคยมองข้าม คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ DuPont ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพอันดับ 1 ของโลกที่ใช้กับรถยนต์ชั้นนำเท่ านั้น ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ SBRAND สามารถรองรับการบริการได้ถึงกว่ า 500 คันต่อเดือน ถือเป็นรายแรกและรายเดี ยวในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีดั งกล่าว
นอกจากประสิทธิภาพของเทคโนโลยี แล้ว ศักยภาพของช่างก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้คุณภาพการซ่อม ดีที่สุดทุกขั้นตอน การซ่อมและการควบคุมคุณภาพจึ งดำเนินการโดยช่างผู้เชี่ ยวชาญชาวญี่ปุ่น และช่างชาวไทยที่ผ่านการรั บรองการฝึกทักษะจาก SBRAND ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้งานซ่อมรถทุกคันมีคุ ณภาพสูงสุดก่อนส่งถึงมือลูกค้า นอกจากนี้การรับประกันคุ ณภาพงานซ่อมและรับงานเคลมประกั นของทุกบริษัท ยังเป็นอีกหนึ่งความสะดวกที่ SBRAND ตั้งใจมอบให้กับลูกค้าทุกท่าน เพื่อการเป็นผู้นำด้านการให้บริ การซ่อมบำรุงสีและตัวถัง รถยนต์ในประเทศไทย
นายประณัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “SBRAND ใช้งบลงทุนไปประมาณ 40-50 ล้านบาท ส่วนงบประมาณการตลาดสำหรับปี 2012 นี้ เราตั้งไว้ที่ 5 ล้านบาท โดยแผนการตลาดจะเน้นเรื่ องการสร้างการรับรู้เป็นหลัก จึงมุ่งไปที่การประชาสัมพันธ์ผ่ านสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และสื่อออนไลน์ ผ่านจุดขายหลัก 3 ประเด็นคือ สะดวกรวดเร็ว (Quick) คุณภาพสูง (High Quality) และราคาที่เหมาะสม (Affordable Price)ส่วนกลยุทธ์อื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้การประชาสัมพันธ์ นั้นคือ Word of Mouth หรือการบอกต่อจากลูกค้าที่ เคยมาใช้บริการ การเข้าร่วมกับองค์กรต่างๆ (partnership) อาทิ บริษัทประกันภัยชั้นนำ ศูนย์ซ่อมรถชั้นนำ และการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ต่างๆ ทางด้านกลุ่มเป้าหมายของ SBRAND นั้นคือ กลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถยนต์และผู้ ที่สนใจในเรื่องรถยนต์โดยตรง รวมไปถึงผู้ใช้รถยนต์ที่ซื้ อรถมาจาก Grey Market เพราะลูกค้าเหล่านี้ไม่ สามารถนำรถเข้าศูนย์รถยนต์ ของแต่ละยี่ห้อได้ ส่วนคู่แข่งของเราก็จะเป็นศูนย์ บริการรถยนต์ทุกยี่ห้อ และอู่ซ่อมสี/ตัวถังรถยนต์ทั่ วไป
ในด้านราคานั้น นอกจากจะถูกกว่า SBRAND ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากค่าแรงของบ้านเราถู กกว่าแล้ว ยังถูกกว่าศูนย์รถยุโรปถึง 30-40% โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 30 ล้านบาทภายในปี 2555 เราคาดว่าจะสามารถคืนทุนภายใน 6 ปี และหลังจากการเตรียมความพร้ อมในด้านต่างๆเพิ่มเติมภายใน 2 ปี SBRAND มีแผนจะขยายธุรกิจในรู ปแบบแฟรนไชส์ คิดว่าจะขยายสาขาออกไปอีกกว่า 15 สาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล จากเดิมที่มีอยู่แล้ว2 สาขาคือ ที่ถนนศรีนครินทร์และสาขาปทุมวั น (โรงแรม Siam@Siam) รวมไปถึงการเพิ่มรูปแบบการใช้ บริการในส่วนของบริการล้างรถ บริการเคลือบสีรถ (Royal Quartz) และการให้บริการแบบ Delivery”
SBRAND เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองเข้ารับบริการล่วงหน้าได ้ที่ บริษัทสยาม เอสแบรนด์ จำกัด โทร. 02 721 3111, 084 713 3077 หรือwww.sbrand.co.th
พริอุส ใหม่ …นวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบทุกจินตนาการ ครั้งแรกที่โตโยต้านำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับรถยนต์
Posted by Contemporary industry
Posted on 23:05
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย มร.โคจิ โทโยชิม่า หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และนายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวแนะนำ “โตโยต้า พริอุส ใหม่” เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2555 ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ โตโยต้า พริอุส อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า เช่นเดียวกับลูกค้าทั่วโลกที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยยอดขายทั่วโลกมากกว่า 2,500,000 คัน (ยอดขายสะสมตั้งแต่ พ.ศ.2540 ถึง มกราคม 2555) ซึ่งสามารถยืนยันความสำเร็จของ พริอุส ได้เป็นอย่างดี
สำหรับ พริอุส ใหม่นั้น ยังคงเป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว และมีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายที่ช่วยลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดเชื้อเพลิง อาทิ ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่สามารถขับเคลื่อนรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวหรือขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยสนับสนุน กระบวนการผลิตที่มีการนำวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่มาเป็นวัตถุดิบ ตลอดจนมีการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้มากขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งความสนุกสนานในการขับขี่
เทคโนโลยี อัจฉริยะ… Intelligent Equipment
ระบบระบายอากาศอัตโนมัติด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Ventilation System)*... แผงโซลาร์บนหลังคารถจะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในการทำงานของพัดลมสำหรับระบายความร้อนออกจากห้องโดยสารขณะจอดกลางแดด เพื่อลดอุณหภูมิห้องโดยสาร ช่วยลดการทำงานของระบบปรับอากาศ ทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โตโยต้า นำมาใช้กับรถยนต์
ระบบปรับอากาศ เปิด-ปิดด้วยกุญแจรีโมท (Remote Air-Conditioning System) *...สามารถควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศจากภายนอกห้องโดยสารเพื่อเปิดแอร์ก่อนขึ้นรถ ช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบาย โดยไม่สิ้นเปลืองน้ำมันเพราะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีไฮบริด
ระบบนำทางบนกระจกหน้า (Head-up Display)...จอแสดงผลอัจฉริยะบนกระจกหน้าสามารถเลือกแสดงผลได้หลากหลาย อาทิ แสดงทิศทางการเดินทางตามข้อมูลจากระบบนำทาง (Navigator) แสดงมาตรวัดความเร็ว หรือแสดงผลการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ภายนอกดีไซน์ใหม่… Intelligent Exterior
กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า... เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
กันชนหน้าดีไซน์ใหม่...ลงตัวทุกมุมมอง บ่งบอกสไตล์ในแบบที่เป็นคุณ
ไฟเลี้ยวด้านหน้าและไฟตัดหมอก...ชัดเจนทุกมุมมอง และช่วยเสริมความปลอดภัย
ไฟหน้า...แบบ LED** ทนทานและประหยัดพลังงาน มาพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด อัตโนมัติ ระบบปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมหัวฉีดล้างทำความสะอาดโคมไฟหน้า
ไฟท้าย...แบบ LED เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ...น้ำหนักเบา ช่วยลดแรงเสียดทานในการหมุนวนของอากาศบริเวณซุ้มล้อ
ภายในใหม่สุดล้ำ… Intelligent Interior
เบาะคนขับ...ปรับเลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ปรับระดับได้ 8 ทิศทาง เพิ่มความสะดวกสบาย
แผงคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และพวงมาลัย... สีดำ คมเข้มเติมอารมณ์สปอร์ต
ช่องต่อ USB/AUX**...ตอบรับทุกความบันเทิง
ระบบนำทาง พร้อมDVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว 1CD/MP3, WMA ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย (Bluetooth) พร้อมลำโพง 8 จุดและเพาเวอร์แอมป์จาก JBL* ... เพิ่มความสุนทรีย์ตลอดการเดินทาง
3 รุ่น ให้คุณครอบครอง
1.8 Top Option ราคา 1,369,000 บาท
1.8 Top ราคา 1,299,000 บาท
1.8 Standard ราคา 1,199,000 บาท
5 สี ให้เลือกสรร
White Pearl Crystal**
True Blue Metallic
Silver Metallic
Attitude Black Mica
Red Mica Metallic
พบกับ โตโยต้า พริอุส ใหม่... นวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบทุกจินตนาการ
ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ 2012 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี
ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายน 2555
และที่โชว์รูมโตโยต้า 334 แห่งทั่วประเทศ
** เฉพาะรุ่น Top Option และรุ่น Top
สำหรับสี White Pearl Crystal ราคาเพิ่มอีก 10,000 บาท
รายละเอียดรถยนต์ โตโยต้า พริอุส ใหม่
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์ ที่ผสานความล้ำหน้าแห่งเทคโนโลยี Atkinson Cycle และระบบควบคุมการหมุนเวียนไอเสีย EGR(Exhaust Gas Recirculation) ที่มีการติดตั้งระบบระบายความร้อน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมมลภาวะจากไอเสีย พร้อมระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-i เพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่ประหยัดคุ้มค่า
รุ่น 2ZR – FXE / 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
ความจุกระบอกสูบ 1,797 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 73 กิโลวัตต์ (99 แรงม้า) ที่ 5,200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
มาตรฐานไอเสีย ยูโร 4
รองรับพลังงานทางเลือก E10
มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ที่พัฒนาระบบเกียร์ทดกำลังให้มีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบายิ่งขึ้น แต่สามารถรองรับการทำงานของเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงขึ้น
ชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 650 โวลต์
กำลังสูงสุด 60 กิโลวัตต์ (82 แรงม้า)
แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร
เกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ (Electronic Gear Shift) เทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนที่รองรับทุกการสั่งงาน พร้อมระบบคันเกียร์ที่กลับคืนสู่ตำแหน่งกลางโดยอัตโนมัติทุกครั้งหลังการเข้าเกียร์ เพิ่มความสะดวกในการเปลี่ยนเกียร์
เกียร์ทดกำลัง (Reduction Gear) เพื่อเพิ่มแรงบิดให้มอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมให้ความนุ่มนวลในจังหวะการเปลี่ยนเกียร์
อุปกรณ์แยกกำลัง (Power Split Device) ที่ผสานการทำงานระหว่าง เครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า อย่างลงตัว
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) ตอบสนองการเร่ง โดยการเสริมพลังไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อน
หน่วยควบคุมไฟฟ้า (Power Control Unit) ทำหน้าที่ควบคุมไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี และไฟฟ้ากระแสสลับจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม พร้อมช่วยขยายกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรีได้สูงถึง 650 โวลต์
แบตเตอรีไฮบริด Ni-MH (Nickel–Metal Hydride) ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าทำให้แบตเตอรี ไฮบริดมีน้ำหนักเบาขึ้น ทนทานยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างดีเยี่ยม
รูปแบบการขับขี่ ตอบสนองทุกอารมณ์ในการขับขี่
โหมดการขับขี่ทรงพลัง (PWR Mode) ระบบจะผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองการขับขี่อย่างทันใจ
โหมดการขับขี่ประหยัดน้ำมัน (ECO Mode) ระบบจะเลือกใช้กำลังในการขับเคลื่อน จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
โหมดการขับขี่เงียบสนิท (EV Mode) ระบบจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ให้การขับขี่ที่เงียบสนิท เหมาะสำหรับการเดินทางในบริเวณที่ใช้ความเร็วต่ำ
ความปลอดภัย ทุกการเดินทางคือความอุ่นใจ ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
ความปลอดภัย แบบป้องกัน (Active Safety)
กระจกมองข้างลดการเกาะตัวของหยดน้ำ (Hydrophilic) เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ขณะฝนตก
ระบบควบคุมการปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor) ที่สามารถปรับระดับความเร็วในการปัดให้สัมพันธ์กับความเร็วได้โดยอัตโนมัติ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) รักษาระดับความเร็วให้คงที่ เพิ่มและลดความเร็วได้โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรค
กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ (EC Mirror) ช่วยลดแสงสะท้อนจากไฟหน้าของรถคันหลัง เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่เวลากลางคืน
สัญญาณไฟเบรกกระพริบเมื่อเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Lamps) เพิ่มความปลอดภัย เมื่อเกิดการเบรกกะทันหัน ด้วยสัญญาณไฟเบรกอัตโนมัติแจ้งเตือนรถที่อยู่ด้านหลังทันที
ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC – Vehicle Stability Control) ที่ทำงานร่วมกับ EPS (Electronic Power Steering) รักษาการทรงตัวของรถในทุกสภาพการขับขี่ โดยการสั่งให้เครื่องยนต์ลดความเร็วอัตโนมัติ และควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกทั้ง 4 ล้ออย่างอิสระเพื่อรักษาการทรงตัวของรถให้สมดุลที่สุด
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ในทุกๆการเบรก ระบบจะปรับแรงดันน้ำมันเบรกทั้ง 4 ล้อให้เหมาะสมกับน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อ เพื่อประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC – Traction Control System) คอยควบคุมและป้องกันการลื่นไถลของล้อ เมื่อมีการเหยียบคันเร่งมากเกินไปขณะออกตัว หรือการเร่งความเร็วแบบกะทันหันบนถนนลื่น
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS – Anti-lock Braking System) สำหรับการเบรกแบบกะทันหันบนถนนที่เปียก ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับควบคุมทิศทางของรถได้ดีขึ้น
ความปลอดภัย แบบปกป้อง (Passive Safety)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 จุดรอบคัน เสริมความปลอดภัย โดยติดตั้งไว้รอบคัน (ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่าน 2 ตำแหน่ง และ เข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง)
หมอนพิงศีรษะคู่หน้าแบบช่วยลดแรงกระแทก (Active Headrest) เมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง หมอนพิงศีรษะจะปรับองศาอัตโนมัติเพื่อรองรับสรีระบริเวณคอทันที ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บที่กระดูกคอ
โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ช่วยดูดซับแรงกระแทก เทคโนโลยีเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริเวณห้องโดยสารจากการชนทั้งด้านหน้าและด้านข้าง เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับและกระจายแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ
มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ New “MIRAGE”…BE MORE
Posted by Contemporary industry
Posted on 03:08
กรุงเทพฯ : 20 มีนาคม 2555 – มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดงานเแถลงข่าวแนะนำ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่รถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานรุ่นแรกของบริษัทฯ ภายใต้โครงการ โกลบอล สมอลล์ ยนตรกรรมที่ผลิตขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน ทำให้ได้มาซึ่งรถที่ให้ทั้งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูงสุด ง่ายต่อการขับขี่ ถึงพร้อมด้วยสมรรถนะ ความลงตัวในการออกแบบ และคุณภาพที่เป็นเยี่ยมเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดในการขับขี่ มาพร้อม 5 รุ่น พร้อม 8 สีให้เลือก กับราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 380,000 บาท ถึง 546,000 บาท พร้อมดึง “นิชคุณ” ร่วมตอกย้ำความเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลก
วันนี้ มร.โอซามุ มาสุโกะ ประธาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย มร.โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานแถลงข่าวแนะรถยนต์มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ อย่างเป็นทางการกับสื่อมวลชนชาวไทยและต่างประเทศ ขึ้น ณ บีซีซี ฮอล์ กรุงเทพ โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลกในเมืองไทยในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายนนี้ (วันสื่อมวลชนวันที่ 27 มีนาคม)
“เราพัฒนา มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ ขึ้น เพื่อให้เป็นรถที่มีความสมดุลทั้งสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งาน จากความพยายามในการลดน้ำหนักของตัวรถรวมไปถึงการพัฒนารถขึ้นมาบนแพลทฟอร์มใหม่ทั้งหมดเพื่อโดยเน้นการประหยัดน้ำมันจากโครงสร้างเหล็กความแข็งแรงสูง High tensile steel ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่ใความแข็งแกร่งสูงกว่าเหล็กทั่วไป สอดคล้องกับการออกแบบตัวถังตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่งผลให้ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ เป็นรถที่ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุดในรถระดับเดียวกันโดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร”
“ผมมั่นใจว่าด้วยความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ทั้งในด้านสมรรถนะและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมประกอบกับศักยภาพของโรงงาน ความสามารถของพนักงานคนไทย ตลอดจนแรงสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลไทย จะทำให้การแนะนำรถรุ่นนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี” มร. มาสุโกะ กล่าว
(1) ภาพรวมของผลิตภัณฑ์ : มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่...ให้คุณได้มากกว่า
ภาพรวมผลิตภัณฑ์
มิตซูบิชิ “มิราจ” โดดเด่นด้วยการออกแบบเพื่อให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด และง่ายต่อการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยนต์ขนาดเล็กแต่ให้ความสะดวกสบายด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางรับกับฟังก์ชั่นการใช้งานพร้อมการจัดวางพื้นที่ห้องโดยสารให้สามารถรองรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ได้ 5 ที่นั่ง
ให้ความปลอดภัยสูงสุดจากการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างตัวถังด้วยส่วนรับแรงกระแทกผลิตจากเหล็กที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ “High-tensile steel” สูงสุดที่ 980 MPc ประกอบกับเทคโนโลยีการลดน้ำหนักของตัวรถทำให้มีน้ำหนักโดยรวมลดลง 7%* 1มาอยู่ที่ 825-870 กิโลกรัม
โครงสร้างตัวถังแบบ RISE Body* 2 ช่วยซับและลดแรงกระแทกจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์MIVEC*3 ใหม่ส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันสูงสุดของรถพร้อมปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุดในรถระดับเดียวกัน
มิตซูบิชิ “มิราจ” มาพร้อมคุณภาพที่เป็นเยี่ยมจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ระบบ Mitsubishi Motors Development System (MMDS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการควบคุมกระบวนการพัฒนารถยนต์ของบริษัทฯ ในแต่ละขั้นตอนครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต ตลอดจนการขาย และการใช้แนวทางการผลิตรถยนต์ตามแบบฉบับของมิตซูบิชิ (MMPW) ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพของทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ทุกคันที่เราผลิตจะมีคุณภาพเทียบเท่ากันอันเป็นแนวทางที่ใช้ในโรงงานการผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วโลก
นอกเหนือจากนี้ การผลิต มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นจากโรงงานแห่งใหม่ ทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส จึงได้ส่งพนักงานที่มีเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงมาฝึกอบรมพนักงานในเมืองไทยเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการปฏิบัติงานจะเป็นไปตามคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันกับโรงงานในประเทศญี่ปุ่น
*1: เปรียบเทียบกับรถยนต์มิตซูบิชิ โคล์ท .
*2: Reinforced Impact Safety Evolution
*3: Mitsubishi Innovative Valve timing Electronic Control system
เครื่องยนต์ใหม่
มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนยีที่ทันสมัยตามแบบฉบับของมิตซูบิชิ จึงทำให้ได้มาซึ่งรถยนต์ที่ให้ทั้งสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทย มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร พร้อมระบบ MIVEC โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ CVT และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กิโลเมตร ต่อ ลิตร*4 สอดคล้องกับข้อกำหนดทางเทคนิคของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ อีโค คาร์*4 ของรัฐบาลไทย
*4: ตามมาตรฐานการทดสอบ ECE R101 Rev. 01 Combine Mode.
*5:เงื่อนไขอีโค คาร์ : ด้านการประหยัดพลังงาน ต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร,ด้านสิ่งแวดล้อม ต้องเป็นไปตามมาตรฐานมลพิษระดับ ยูโร 4 หรือระดับที่สูงกว่า และปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัม ต่อ 1 กิโลเมตร, ด้านความปลอดภัยจะต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสารกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและด้านข้างตัวรถ ตามข้อกำหนด UNECE Reg.94 และ 95
รุ่นและราคา
มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ มีทั้งหมด 5 รุ่นหลัก โดยตั้งราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 380,000 - 546,000 บาท
รุ่นรถ ราคา
(1) GLS Ltd. เกียร์อัตโนมัติ 546,000 บาท
(2) GLS เกียร์อัตโนมัติ 506,000 บาท
(3)GLX เกียร์อัตโนมัติ 460,000 บาท
(4)GLX เกียร์ธรรมดา 426,000 บาท
(5)GL เกียร์ธรรมดา 380,000 บาท
* ราคาเพิ่ม 5,000 บาทสำหรับสีขาวมุก ไวท์เพิร์ล (White Pearl)
สีตัวถัง
(1) สีขาวมุก - White Pearl*
(2) สีเหลือง - Lemonade Yellow Metallic
(3) สีเขียว - Pop Green Metallic
(4) สีแดง - Red Metallic
(5) สีฟ้า - Cerulean Blue Mica
(7) สีดำ - Black Mica
(8) สีเงิน - Cool Silver
* ราคาเพิ่ม 5,000 บาท สำหรับสีขาวมุก “ไวท์เพิร์ล”
ยึดไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก
ด้วยศักยภาพและความพร้อมของโรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถมิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ เพื่อการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ ภายหลังจากการแนะนำรถเป็นครั้งแรกในบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ในประเทศไทยแล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีแผนจะทยอยเปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวในภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาเซียน ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศในทวีปยุโรป
แนะนำ “นิชคุณ” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์
จากความเป็นคนไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ พร้อมบุคลิกที่โดดเด่นและความสามารถที่หลากหลาย ซึ่งตรงกับจุดเด่นของ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ ซึ่งผลิตในประเทศไทยเพื่อการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงตัดสินใจเลือก “นิชคุณ หรเวชกุล” คนไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงดนตรีเกาหลี “2PM” มา
เป็นพรีเซ็นเตอร์ของมิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีของสัญญานั้น นอกเหนือจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์สำหรับภาพยนตร์โฆษณา และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ แล้ว “นิชคุณ” ยังจะได้ร่วมทำกิจกรรมของบริษัทฯ ในโอกาสต่างๆ อีกด้วย
มั่นใจเต็มที่กับคุณภาพของการบริการหลังการขาย
ความพร้อมของการบริการหลังการขาย ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุด ปัจจุบันบริษัทฯ มีโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน 161 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมพนักงานขายและช่างที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของบริษัท ที่พร้อมให้บริการลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิทุกท่าน พร้อมการจัดสำรองอะไหล่สิ้นเปลืองไว้ เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการได้ทันท่วงที
ทั้งนี้จากนโยบายขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายของบริษัทฯ ทำให้ปัจจุบันมิตซูบิชิมีโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานที่เปิดให้บริการไปแล้วรวม 161 ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการเพื่อเปิดดำเนินงานอีก 33 แห่ง ซึ่งจากผลตอบรับที่ดีดังกล่าวจะทำให้มิตซูบิชิมีผู้จำหน่ายรวมแล้วกว่า 200 แห่งภายในปีงบประมาณ 2555 นี้ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจากจำนวนโชว์รูมมาตรฐานที่เพิ่มขึ้นและครอบคลุมพื้นที่การขายดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพการให้บริการและการดำเนินงาน รวมทั้งสร้างความสะดวกสบายในการชื้อรถ ตลอดจนสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าที่เข้ารับบริการได้เป็นอย่างดี
(2) ข้อมูลการขาย : รับข้อเสนอสุดพิเศษก่อนใคร
1. เป้าหมายการ
- เป้าหมายการขายต่อเดือน 2,000 คัน
2. กิจกรรมการขายและกิจกรรมทางการตลาด
- งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 28 มีนาคม – 8 เมษายน
(วันสื่อมวลชน 27 มีนาคม วันประชาชนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม)
- เปิดขายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมเป็นต้นไป
- กิจกรรมโรดโชว์ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมเป็นต้นไป
(รายละเอียดตามเอกสารแนบ)
3. โบนัสพิเศษ สำหรับลูกค้าคนพิเศษ
สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มิตซูบิชิ “มิราจ” ทุกรุ่น ในช่วงเปิดตัว จำนวนจำกัด รับฟรีประกันภัยชั้น 1 “ไดมอนด์ อินชัวรันซ์” และรับโบนัสพิเศษเงินคืน 10,000 บาท เฉพาะลูกค้า 9,000 ท่านแรกเท่านั้น
4. รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายรถยนต์คันแรก
ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ ทุกรุ่น ในช่วงระยะเวลาตามประกาศของรัฐบาลจะได้รับสิทธิ์คืนเงินภาษีจากนโยบายลดภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล
5. รับรู้ข่าวสาร “มิราจ” ใหม่ ก่อนใคร
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับมิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ พร้อมร่วมกิจกรรมกับทางบริษัทฯ ผ่านทางเว็บไซต์ และ Fanpage ได้ที่;
- มิตซูบิชิ “มิราจ” เว็บไซต์ : http://www.mitsubishimotors-mirage.com
- Facebook Fanpage : www.facebook.com/MitsubishiMirage
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมพร้อมทดลองขับ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ ได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 ที่บูธรถยนต์มิตซูบิชิ หมายเลข A6 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอล์ล เมืองทองธานี ในระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายน นี้ หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1800 900 009 ฟรี เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS หรือ โทร. 02-529-9500 ในวันและเวลาทำการ หรือที่เว็บไซต์ www.mitsubishimotors-mirage.com
หมวดหมู่ยานยนต์
- 014 Chevrolet Silverado HD (1)
- 10 เคล็ดลับขับปลอดภัยเมื่อน้ำท่วม (1)
- 2014 Volvo S80 (1)
- 2015 Lincoln MKC crossover (1)
- 2015 Volvo S60 T6 (1)
- 2015 Volvo V40 (1)
- 2016 Chevrolet (1)
- 2016Chevrolet Colorado (1)
- 2016 Toyota Fortuner (1)
- 2018 Mazda CX-5 (1)
- 2018 Toyota Rush (2)
- 2 Stroke Engine (1)
- 5 ประตู (6)
- กระบวนการผลิต (19)
- กระบอกสูบ (1)
- กราฟกำลัง (1)
- กราฟแรงบิด (1)
- ก้านสูบ (1)
- การขับรถอย่างปลอดภัย (1)
- การใช้ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก (1)
- การดูแลรักษารถด้วยตนเอง (2)
- การเติมลม (1)
- การเติมลม กับ ล้อแม็กซ์ (1)
- การถ่วงล้อ (1)
- การบำรุงรักษา (4)
- การบำรุงรักษาและตรวจเช็คประจำวันรถยนต์คู่ใจ ควรทำอย่างไร (1)
- การปลี่ยนขนาด ยางรถยนต์ (1)
- การเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกลของเครื่องยนต์ (1)
- การเผาไหม้ (11)
- การเผ่าไหม้ (1)
- การวิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์ (1)
- การหยุดรถ และการจอดรถ (1)
- การออกแบบ (10)
- แก๊สโซลีน (3)
- ข้อควรปฏิบัติทั่วไป ในการใช้รถยนต์ (1)
- ข้อควรปฏิบัติ เมื่อการขับขี่ในพื้นที่ลักษณะต่างๆ (1)
- ขับเคลื่อน (13)
- ขับอย่างไรเพื่อยืดอายุยาง (1)
- ข่าวยานยนต์ (4)
- ควรจะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ (1)
- คว้านเสื้อสูบ (2)
- ความรู้ (3)
- คอมมอนเรล (1)
- คอยล์จุดระเบิด (8)
- คำศัพท์น่ารู้ (1)
- เครื่องมือ (1)
- เครื่องยนต์ (64)
- เครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (1)
- เครื่องยนต์คอมมอนเรล (1)
- เครื่องยนต์ดีเซล (3)
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (1)
- เครื่องยนต์ดีเซลตระกูล GD รุ่นใหม่ (1)
- เครื่องยนต์เบนซิน (1)
- เครื่องยนต์แบบโรตารี่ (1)
- เครื่องยนต์ร้อนแล้วดับ สตาร์ทติดยาก เกิดจากสาเหตุใด และแก้ไขอย่างไร (1)
- เครื่องยนต์เล็ก (2)
- เครื่องยนต์สตาร์ทติดยากตอนอากาศชื้นเกิดจากอะไร ? (1)
- เครื่องยนต์สันดาปภายใน (3)
- เครื่องยนต์หัวฉีด (1)
- เครื่องยนต์ EFI (2)
- เครื่องยนต์V8 (1)
- เคล็ดลับ (2)
- จอดรถให้ปลอดภัย (1)
- จักรยานยนต์ (1)
- จังหวะการฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ EFI (1)
- ชิ้นส่วนยานยนต์ (1)
- ชื่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ภาษาไทย และอังกฤษพร้อมรูป คลิปวีดีโอ (1)
- เชฟโรเลต (1)
- เชฟโรเลต โคโลราโด 2015 (1)
- โช๊คอัพ (5)
- ซ่อม (21)
- ซ่อมเครื่องยนต์ (7)
- ซ่อมบำรุง (6)
- ซุปเปอร์คาร์ (3)
- ซูซุูกิ (2)
- ซูซูกิ ไฮบริด (1)
- โซลินอย (1)
- ดัดแปลง (3)
- ไดชาร์จ (2)
- ไดร์สตาร์ท (10)
- ไดสตาร์ท (12)
- ตรวจสอบเครื่องยนต์ (1)
- ตลับลูกปืน (2)
- ตัวอักษรบนยาง บอกอะไร? (1)
- ตีปลอก (1)
- โตโยต้า (21)
- โตโยต้า 2015 (1)
- ถุงลมนิรภัย (1)
- ที่นั่งเด็ก (5)
- เทคนิคการขับรถป้องกันเชิงอุบัติเหตุ (1)
- เทคนิคการใช้รถและการดูแลรถอย่างง่ายๆ (1)
- เทคโนโลยียานยนต์ (53)
- เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ (8)
- เทอร์โบ (1)
- เทอร์โบแปรผัน (7)
- น้ำมันเชื้อเพลิง (14)
- น้ำมันดีเซล (6)
- น้ำมันเบนซิน (4)
- นิตยสาร (3)
- นิสสัน (11)
- บำรุงรักษาเครื่องยนต์ (1)
- บีเอ็มดับเบิ้ลยู (1)
- เบรค (22)
- เบาะรถยนต์ (5)
- เบาะสำหรับเด็ก (5)
- แบตเตอรี่ (3)
- แบรนด์รถยนต์ (1)
- แบริ่ง (1)
- ไบโอดีเซล (2)
- ประกอบเครื่องยนต์ (5)
- ประกอบรถยนต์ (13)
- ประดับยนต์ (5)
- ประเภทรถยนต์ (1)
- ปอร์เช่ (2)
- ปัญหารถยนต์ (1)
- ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ 2015 (1)
- ปิกอัพ (4)
- ปี2017 (3)
- เปลี่ยนอะไหล่ (3)
- ผลิตรถยนต์ (16)
- แผนภาพจังหวะการเปิดของลิ้น (Valve Timing Diagram) เครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบ (1)
- แผนภาพต้นกำลังงานของรถยนต์ (1)
- ฝาสูบ (4)
- พจนานุกรมศัพท์ยานยนต์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒ (1)
- พูเล่ (1)
- เพลาข้อเหวี่ยง (1)
- เพลาท้าย (2)
- ฟอร์ด (1)
- ฟิล์มกรองแสง ติดดี หรือ ไม่ติดดี มีประโยชน์อย่างไร วันนี้ทีคำตอบ (1)
- เฟอรารี่ (3)
- เฟืองท้าย (14)
- ไฟฉุกเฉิน ไม่จำเป็นและไร้สาระ (1)
- ไฟฟ้ารถยนต์ (24)
- ภาพโครงสร้างเครื่องยนต์ EFI (1)
- ภาพรวมรถยนต์ (9)
- มาสด้า (3)
- มิตซูบิชิ (6)
- มินิ (2)
- โมเดลรถยนต์ (3)
- ยนตกรรม (1)
- ยานยนต์ อุตสาหกรรม (26)
- ยาริส (15)
- รถกระบะ (9)
- รถกระบะ Revo (1)
- รถเก๋ง (51)
- รถแข่ง (2)
- รถจิ๊บ (1)
- รถเบนซ์ (19)
- รถยก (27)
- รถยก อุตสาหกรรม (26)
- รถยก อุตสาหกรรมม (1)
- รถยนต์ (3)
- รถยนต์ไฟฟ้า (4)
- รถรุ่นเก่า (1)
- รถศูนย์ (16)
- รถสปอร์ต (10)
- รถหรู (1)
- รถใหม่ (41)
- ระบบขับอัตโนมัติ (1)
- ระบบความร้อน (2)
- ระบบจุดระเบิด (10)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงแก๊สโซลีน (Gasoline Fuel Injection System) (1)
- ระบบช่วงล่าง (27)
- ระบบเบรค (22)
- ระบบไฟฟ้า (14)
- ระบบรองรับ (5)
- ระบบระบายความร้อน (6)
- ระบบลม (3)
- ระบบส่งกำลัง (1)
- ระบบหล่อเย็น (2)
- ระบบหัวฉีด (1)
- ระบบห้ามล้อ (14)
- ระบบ Hybrid (1)
- ราคารถยนต์ (5)
- รางร่วม (1)
- รีเลย์ (6)
- รีวิว (15)
- รีวิวรถยนต์ (11)
- รู้ไว้ก่อน : การเปลี่ยนขนาดยาง (1)
- เรื่อง น้ำมันเครื่อง (1)
- โรงงานผลิตรถยนต์ (13)
- ล้อตุนกำลัง (1)
- ลักษณะดอก ยางรถยนต์ (1)
- ลากรถอย่างไรเมื่อรถเสีย (1)
- ลำดับการจุดระเบิด (1)
- ลูกปืนกลม (1)
- ลูกสูบ (3)
- วงจรไฟฟ้า (7)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECCS Nissan RB20E (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด ECI-multi Mitsubishi 4G61 (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด EFI เครื่องยนต์ Toyota 4A-GE (1)
- วงจรไฟฟ้าเครื่องยนต์หัวฉีด Honda B16A VTEC DOHC รุ่นแรก (1)
- วิชาช่างยนต์ (10)
- วี8 (1)
- สเปกรถยนต์ (5)
- สร้างเครื่องยนต์ (1)
- สร้างโมเดลรถยนต์ (1)
- สายพานเครื่องยนต์ (2)
- สีรถ (8)
- เสื้อสูบ (5)
- หนังสือรถยนต์ (7)
- หม้อน้ำ (2)
- หลักการทำงาน (2)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ (1)
- หลักการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (1)
- หัวเทียน (24)
- ห้ามล้อ (14)
- แหวนลูกสูบ (1)
- องค์ประกอบการสันดาปของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- ออกแบบรถยนต์ (22)
- อะไหล่เครื่องยนต์ (3)
- อะไหล่ยนต์ (1)
- อัตราค่าปรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (1)
- อัตราส่วนผสมอากาศต่อเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน (1)
- อาการหัวเทียน (12)
- อินเตอร์คูลเลอร์ (6)
- อีโก้คาร์ (5)
- อุตสาหกรรม รถยก (27)
- อุปกรณ์เสริม (6)
- แอร์เริ่มไม่เย็น และส่งกลิ่นอับเวลาเปิดแอร์ใหม่ ควรทำอย่างไร ? (1)
- ไอดี (3)
- ไอเสีย (6)
- ฮอนด้า (6)
- ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด (2)
- Accessories (5)
- All New toyota yaris 2013 2014 (1)
- Alternator (1)
- alternators (1)
- Ativ (7)
- Audi (2)
- Audi A4 (1)
- Automatic drive (1)
- Ball Bearing (1)
- bearing (1)
- biodiesel (2)
- BMW (4)
- Brake (23)
- Brake system (23)
- BT-50 (1)
- Car Family (1)
- Cars (61)
- CAT (Catalytic Converter) เครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (1)
- Check Engine (1)
- Chevrolet (1)
- CHEVROLET COLORADO (2)
- Colorado (1)
- commonrail (1)
- Common Rail (1)
- Common Rail Engine (1)
- Concept Car (1)
- Connecting rod (1)
- Crankshaft (1)
- Cylinder head (1)
- Diesel Engine (3)
- Diesel fuel (6)
- differential (12)
- DIY (8)
- DURAMAX ENGINE (1)
- DURAMAX VIN CHART (1)
- ECCS (1)
- EFI (1)
- EGR (Exhaust Gas Recirculation) หรือการหมุนเวียนไอเสีย (1)
- Electric car (4)
- Electric cars (4)
- Electronic Fuel Injection Engine (1)
- Engine (37)
- Engine Block (1)
- Engine Curve (1)
- Ferrari (3)
- Flywheel (1)
- Ford (4)
- Ford Ranger (2)
- Fuel (14)
- gasoline (3)
- Gasoline engine (1)
- General Motors (2)
- GMC Canyon (1)
- Honda (11)
- Honda Accord (1)
- HONDA ACCORD HYBRID ใหม่ (1)
- Honda CR-V 2015 (1)
- Honda HR-V (1)
- Honda HRV 2015 (1)
- Honda Jazz (1)
- Honda Vezel (1)
- Hydrogen cars (1)
- i-DTEC (1)
- Ignition Coil (8)
- Ignition System (1)
- i-MMD (1)
- Intercooler (6)
- internal combustion engine (3)
- Jeeb (1)
- lamborghini (4)
- Lamborghini Revuelto (2)
- Mazda (4)
- Mercedes Benz (21)
- Mini (2)
- MINI Cooper (2)
- Mitsubishi (9)
- Mustang (1)
- Navara (2)
- NGV (1)
- Nissan (11)
- nissan np300 navara (1)
- NP300 (1)
- NP300 NAVARA Single Cab (1)
- pickup (6)
- pickup truck. (5)
- Piston (3)
- Piston Ring (1)
- Porsche (2)
- Port Timing Diagram ของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ (1)
- Ranger (1)
- Rear axle (1)
- Relay (6)
- Revuelto (1)
- Rotary Engine (1)
- S60 (1)
- S90 (1)
- SEAT (1)
- Self Diagnosis System (1)
- Shock Absorbers (5)
- SKODA (1)
- SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (1)
- solenoid (4)
- Spark Plugs (20)
- Starter (6)
- Supper Car (4)
- Suspension System (3)
- Suzuki (2)
- TCCS (1)
- Tesla Model X (1)
- TOYOTA (29)
- Toyota และ Lexus (1)
- Toyota Hilux Revo (1)
- Triton (1)
- V60 (1)
- Ⅴ8 (1)
- Variable Nozzle Turbo (2)
- VGT (5)
- Volkswagen (1)
- Volvo (4)
- Volvo purchased the Polestar brand (1)
- Volvo S90 (1)
- Wankel Engine (1)
- XC90 (1)
- Yaris (15)