คุณ ประโยชน์ของฟิล์มกรองแสงที่เราทุกคนทราบแน่นอนก็คือ ติดแล้วช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่จะเข้ามาในตัวรถ สิ่งนี้ไม่ใช่การป้องกัน เพราะโดยหลักของการคิดค้นฟิล์มกรองแสงขึ้นนั้น ฟิล์มกรองแสงต้องเป็นวัสดุที่ใช้ในการควบคุมพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์
วัสดุ ที่นำมาผลิตฟิล์มกรองแสง เป็นแผ่นโพลีเอสเตอร์ ที่มีคุณสมบัติทั้งเรื่องทนความร้อน ทนทาน ดูดซับความชื้นน้อย ยืดหยุ่นสูง นำมาเคลือบด้วยชั้นฟิล์ม ต่าง ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นสี กาว โลหะ สารกันลอยขีดข่วน สารดูซับรังสียูวี
ชั้นฟิล์มที่นำมาเคลือบนี่ แหล่ะ จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงคุณประโยชน์ และคุณภาพของฟิล์มกรองแสงแต่ละชนิด แต่โดยหลัก ๆ แล้ว สิ่งที่เราได้ประโยชน์จากฟิล์มกรองแสงก็คือ
- ช่วยลดความร้อนและป้องกันรังสียูวีจากแสงอาทิตย์
- ในอดีตหรือแม้ปัจจุบันที่มีกฎหมายกำหนดความทึบของฟิล์ม เราจะพบว่า การติดฟิล์มทึบๆ สามารถสร้างความเป็นส่วนตัวได้ในบางครั้ง
- แสงที่ผ่านเข้าห้องโดยสารลดลง ทำให้มุมมองของสายตาดีขึ้น
- การลดความร้อนที่ผ่านเข้ามายังห้องโดยสาร ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น สิ่งนี้ยังเป็นผลสะท้อนไปถึงการลดภาระของการทำงานของเครื่องยนต์ด้วย
- ความร้อนและแสงยูวีที่ผ่านเข้ามาลดลง ช่วยยึดอายุวัสดุและอุปกรณ์ภายในรถ โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก และหนัง
- ในบางครั้ง ฟิล์มกรองแสงยังเป็นตัวยึดเหนี่ยวกระจกไม่ให้แตกกระจาย ขณะเกิดการชน
เรา เห็นแล้วว่า คุณประโยชน์ของฟิล์มกรองแสงนอกจาก ทางตรงคือ ลดความร้อนและป้องกันแสงยูวีแล้ว ยังมีประโยชน์ทางอ้อมอีกหลายประการ แต่ทั้งนี้ ศักยภาพในการทำงานของฟิล์มกรองแสงยังขึ้นกับคุณภาพของฟิล์มกรองแสงรวมถึงการ ติดตั้งด้วย
การเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพ หลักการที่งายที่สุดก็คือ การเลือกซื้อและติดตั้งฟิล์มกรองแสงจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง มีมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการรับรอง มีใบรับประกันคุณภาพที่ชัดเจน ซึ่งโดยปกติแล้ว การปรับประกันฟิล์มกรองแสงจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 ปี
การ เลือกซื้อฟิล์มกรองแสงชื่อดัง ยี่ห้อที่มีความชำนาญด้านนี้จริง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยากมากนัก แต่ปัญหามักจะอยู่ที่การติดตั้ง เพราะการจำหน่ายและการติดตั้งฟิล์มกรองแสงมักจะอยู่ในรูปแบบของตัวแทน จำหน่าย ที่มีเป็นจำนวนมากทั้งตัวแทนจริง ๆ และร้านค้าที่เปิดให้บริการอิสระ หากเราต้องการทราบให้ชัดเจนว่า ฟิล์มกรองแสงที่ทางร้านค้าจะมาติดตั้งให้เรานั้นเป็นของจริงหรือไม่ ก็สามารถให้ทางร้านค้าอธิบายถึงตราสินค้าบนไลเนอร์ได้ ถือว่าไม่เป็นการผิดกติกา
สิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือ หลังการติดตั้งฟิล์มกรองแสง เราต้องได้รับเอกสาร 3 ตัว นั่นก็คือ
บัตรลงทะเบียนใบรับประกันคุณภาพ
ก็ เหมือนเราซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าน่ะแหล่ะครับ โดยเอกสารนี้จะมี 3 ส่วน ส่วนหนึ่งร้านค้าจะเก็บไว้ อีกส่วนให้ลูกค้าเก็บ และอีกส่วนเป็นใบให้เรากรอกเพื่อส่งกลับไปยังผู้ผลิต ส่วนใหญ่ใบที่เราต้องกรอกส่งให้ผู้ผลิตจะต้องทำภายใน 15 วัน
ใบรับรองการติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์
ใบ นี้สำคัญนะครับ ไม่ใช่แค่บอกว่ารถเราติดฟิล์มแล้ว เพราะเรื่องนี้มองดูก็รู้ แต่เนื่องจากปัจจุบัน มีการกฎหมายให้ติดฟิล์มกรองแสงที่แสงต้องรอดผ่านได้ 40% เกิดจับพัดจับผู ถูกเรียกตรวจจะได้มีใบนี้ยืนยัน
เพื่อความสบายใจ เราสามารถให้ทางร้านค้าทดสอบการผ่านของแสงได้ อย่าให้ทางร้านทดสอบโดยผ่านฟิล์มเพียงอย่างเดียว ควรทดสอบหลังจากมีการติดตั้งฟิล์มเรียบร้อยแล้ว เพราะตัวกระจกรถเองมีการลดทอนแสงและหักเหของแสงบางส่วนอยู่แล้ว ตามกฎหมายกำหนดชัดเจนนะครับว่า แสงที่ผ่าน 40% เป็นแสงที่วัดผ่านกระจกที่ติดฟิล์มกรองแสง และสิ่งที่ควรจำอีกประการหนึ่งก็คือ อย่าใช้หรือเชื่อกับวิธีทดสอบที่เอาไฟสปอร์ตไลท์มาจ่อกับฟิล์มให้ดู นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว เพราะบอกตัวเลขอะไรไม่ได้ ความร้อนของสปอร์ตไลท์ยังจะทำให้ฟิล์มเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นอีกด้วย
ใบรับประกันคุณภาพ
เป็นใบที่เราจะได้รับหลังจากส่งใบที่เรากรอกกลับไปยังผู้ผลิตประมาณ 1 เดือน เป็นใบรับประกันคุณภาพที่ออกโดยผู้ผลิตนั่นเอง
สำหรับ ในเรื่องราคาของฟิล์มกรองแสงนั้น ไม่ต่างไปจากเรื่องของราคายางรถยนต์ เพราะฟิล์มกรองแสงมีหลายคุณลักษณะมาก ขึ้นอยู่กับฟิล์มที่นำมาเคลือบว่าประกอบด้วยสารอะไรบ้าง ยิ่งฟิล์มคุณภาพสูง ๆ ประเภท ใสแจ๋วเลย แสงผ่านได้มาก แต่กลับลดความร้อนได้สูง ก็จะมีราคาสูงกว่าฟิล์มประเภททึบ ๆ ทึม ๆ แต่ผ่านตามกฎหมายกำหนด ก็อยู่ที่เราเดินเข้าไปในร้านค้าและเลือกหาเอาล่ะครับ ว่าเราจะยอมจ่ายมากน้อยแค่ไหน และส่วนใหญ่ค่าบริการติดตั้งจะคิดแยกออกมาต่างหาก
คุณภาพและการรักษา
การ หมดอายุใช้งานของฟิล์มกรองแสงก่อนกำหนด บ่อยครั้งเกิดจากคุณภาพในการติดตั้งที่ต่ำหรือผิดวิธี และหลาย ๆ ครั้งเกิดจากการไม่เอาใจใส่ดูแลของเจ้าของรถหรือดูแลอย่างผิดวิธี…เรามา เรียนรู้ในการที่จะสังเกตคุณภาพการติดตั้งและการบำรุงรักษากัน
การ เลือกฟิล์มกรองแสงดูจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นเท่าไร เนื่องด้วยวิธีการตรวจสอบฟิล์มคุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แต่การหาร้านค้าที่มีช่างผู้ชำนาญพร้อมที่จะติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้ใช้งาน ได้เต็มประสิทธิภาพกลับเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่า
ปัญหาใหญ่ก็คือ เราจะทราบกันได้อย่างไรว่า รถของเราได้รับการติดตั้งฟิล์มกรองแสงโดยวิธีที่ไม่ถูกต้องและไม่มีคุณภาพเอาเสียเลย
1. โดยความเป็นจริงเราไม่สามารถทราบได้เลยว่า วัสดุที่ช่างนำมาติดตั้งให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดต่อคุณภาพ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ การใช้สายตาสังเกตดูฟองอากาศ คราบน้ำขัง ฝ้า คราบมัว หรือภาพที่บิดเบือนมาก
2. เดินดูกระจกรอบรถทุกบานเพื่อดูว่ามีการบิดเบือนของภาพมากน้อยเพียงใด และยอมเสียเวลาอีกนิดเข้าไปในรถเพื่อดูออกมาข้างนอกอีกครั้งหนึ่ง
3. แน่นอนว่า การติดตั้งฟิล์มกรองแสง ไม่ได้กระทำกันในห้องปราศจากฝุ่น และสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ดังนั้น ควรตรวจสอบดูว่าในระยะ 5 เซนติเมตรจากขอบมีอะไรบ้างและติดมากน้อยเพียงใด ถ้าไม่มากก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้
4. เราสามารถสังเกตอะไรได้บ้าง ก็ดูกันหมดล่ะครับ ตั้งแต่เศษผง แมลง เส้นผม ขอบฟิล์มล่อน ลอยนิ้วมือ รอบขีดข่วน รอบฉีก รอยหัก ดูให้หมด อย่าให้มากจนน่าเกลียด
5. ปกติแล้ว การติดตั้งฟิล์ม จุดที่เริ่มติดฟิล์มไม่ควรจะห่างจากบริเวณขอบเกิน 1-4 มม. แต่ถ้าหากเป็นฟิล์มเข้มไม่ควรจะห่างเกิน 2 มม.
6. การตรวจตราลอยต่อของฟิล์มกรองแสง ปกติในส่วนที่ความโค้งมาก ๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จำเป็นต้องมีรอยต่อของฟิล์มแน่นอน แต่หากสังเกตเห็นพบว่าบางส่วนที่ไม่จำเป็นต้องมีรอยต่อแต่กลับมีขึ้นมา ก็คงต้องซักถามกับช่างและให้แก้ไข
7. หลังจากติดตั้งไป 1-7 วัน อาการอย่างพวกฟองอากาศไม่หาย ก็ให้รีบกับไปที่ร้านค้าเพื่อทำการแก้ไขทันที
การ ติดตั้งฟิล์มไม่มีความยุ่งยาก แต่ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อน ปกติการติดตั้งจะต้องใช้น้ำผสมแชมพูแบบอ่อน ๆ ฉีดไปบนด้านแผ่นกาวของฟิล์มและกระจกที่จะติดตั้ง ขยับฟิล์มให้เข้าที่แล้วจึงค่อยรีดน้ำออกด้วยเครื่องมือ ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวนี้ เป็นที่มาของน้ำขัง อาการมัว หรือเป็นฝ้า โดยทั่วไป 1-4 สัปดาห์ก็จะหาย
ในช่วง 1-2 สัปดาห์ จึงเป็นช่วงระยะเวลาที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะกาวยังไม่แห้งและฟิล์มยังไม่แนบกับผิวของกระจก ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับกระจกในลักษณะเสียดสีรุนแรงมากเกินไป หากรถคุณเป็นกระจกไฟฟ้า ให้ล็อกปุ่มเลื่อนขึ้นลงของผู้นั่งร่วมทางทุกบาน รวมถึงปุ่มปรับเลื่อนกระจกไฟฟ้าด้านคนขับเองก็ควรหาสัญลักษณ์หรือกระดาษมา ปิดไว้กันการลืมไปเลื่อนเปิดปิดกระจกโดยไม่ตั้งใจ ฟิล์มกรองแสงอาจลอกหลุดได้
แต่ก็ใช่ว่าเราจะแตะต้องไม่ได้เลย เพียงแต่เราต้องหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่ค่อนข้างแข็งหรือใช้น้ำเช็ด ล้างกระจกด้านโดยตรง ควรหาอุปกรณ์ที่อุ่นนุ่มเช่นฟองน้ำชุบน้ำและเช็ดอย่างแผ่วเบา และจำไว้ว่าห้ามใช้น้ำยาล้างที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียเป็นเด็ดขาด เพราะจะมีปฏิกิริยากับฟิล์มโดยตรง
ข้อควรจำในการใช้งานฟิล์มกรองแสงให้ มีอายุยาวนานขึ้นก็คือ หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่แข็งขีดข่วนกับฟิล์มโดยตรง เพราะแม้ว่าฟิล์มกรองแสงจะผลิตขึ้นจากวัสดุที่ทนต่อการขีดข่วน แต่หากกระทบรุนแรงเกินไปก็หลุดลอกได้ คงไม่มีใครอยากให้กระจกรอบคันเป็นรอยกันสักเท่าไร เพราะนอกจากไม่สวยงามแล้ว ยังทำให้มุมมองของผู้ขับลดลงอีกด้วย