โดยทั่วไปในบ้านเรา แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ
1.) ดอกยาง แบบ 2 ทิศทาง
ดอกยาง ประเภทนี้ จะสามารถ ทำการ สลับยาง ได้ทุกตำแหน่ง ลักษณะมี ดอกยาง สวนทางกัน จึงไม่เน้นในเรื่องของ ความเร็วสูงมากนัก แต่ก็ใช้ได้อย่าง สะดวกสบาย
2.) ดอกยาง แบบทิศทางเดียว
ดอกยางจะมีลักษณะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งยังมีสัญญาลักษณ์ลูกศรแสดงไว้ที่บริเวณแก้มยาง เพื่อบ่งบอกถึงตำแหน่งของการหมุนของล้อให้เราสามารถใส่ได้อย่างถูกต้อง ดอกยางประเภทนี้ ถูกออกแบบมาให้สามารถรีดน้ำได้ดีกว่าประเภทแรก เพื่อประโยขน์ในการควบคุมการทรงตัวในขณะใช้ความเร็วได้ดี
การสลับยาง
ควรมี การสลับยาง กับรถที่เราใช้อย่างน้อย ทุกๆ10,000 กิโลเมตร สำหรับ รถขับเคลื่อน 2 ล้อทั่วไป และ ทุกๆ 4,000 กิโลเมตร สำหรับ รถที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ และนี่คือ รูปแบบของการ สลับยาง ในแต่ละประเภทของ รถยนต์ โดยแบบเป็น 2 ประเภท หลักๆ ดังนี้ ...
การสลับแบบ 4 ล้อ
สำหรับ รถขับเคลื่อนล้อหน้า การสลับยาง จะทะแยง จากหลังไปหน้า ตามรูป ที่ (1) หรือ อาจจะเลือกการ สลับยาง แบบกากบาท แบบรูปที่ (2) ก็ได้
สำหรับ รถที่ขับหลัง หรือ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ให้ สลับยาง จากหน้าไปหลัง ดังรูปที่ (3)
และหาก ล้อรถ ของท่าน ใส่ยางเป็นแบบชนิด มีทิศทางการหมุนทางเดียว ก็ต้องใช้การ สลับยาง แบบในรูปที่ (4)
และสำหรับรถที่ใส่ล้อ และ ยาง ที่มีขนาด หน้า-หลัง ไม่เท่ากัน และดอกยางไม่เป็นชนิดแบบมีทิศทาง การสลับยาง ก็ควรใช้แบบที่ (5)
การสลับยาง แบบ 5 วง ( รวมยางอะไหล่ )
การ สลับยาง แบบใช้ ยางอะไหล่ ด้วยนี้ ก็เพื่อต้องการปรับดอกยาง ให้มีขนาด ที่เท่าๆ กัน ทั้ง 5 เส้น แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละค่ายรถด้วย ที่จะมีล้อและ ยางอะไหล่ ใส่ติดมา เป็นแบบเดียวกัน กับที่เราใส่อยู่หรือไม่ ? แต่ที่จะพูดถึงนี้ เป็นยางแบบไม่มีทิศทาง ก็ให้ทำการ สลับยาง ตามรูปแบบที่ (6) และ (7) ได้
การถ่วงล้อ
เมื่อไรที่ต้องถ่วงล้อ ? แนะนำให้ทำการถ่วงล้อทุกครั้งที่เราถอดยางออกจากกะทะล้อ หรือตอนที่เปลี่ยนยางใหม่ เพราะไม่เช่นนั้น อาจเกิดการสั่น หรือ เกิดเสียงดัง สร้างความรำคาญ ในขนาดวิ่ง ซึ่งควรทำการถ่วงล้อ อย่างน้อย ปีละครั้ง เพราะอาจเกิดมีปัญหาเรื่องของ ตะกั่วถ่วงล้อ อาจหลุดได้ในระหว่างใช้งานไปนานๆ