Custom Search
donate car tax deduction | donate car to charity | donate car to charity california | donate car to charity los angeles | donate car without title | donate cars for kids | donate my car | donate my car to charity | donate your car | donate your car bay area | donate your car california | donate your car for kids | donate your car in maryland | donate your car nyc | donate your car tax deduction | donate your car to charity
รauto donation charities | best car donation program | best charity car donation program | best place to donate car | best place to donate car for tax deduction | california car donation | california donate car | car donation | car donation bay area | car donation ca | car donation california | car donation dc | car donation deduction | car donation in california |

มาสด้า3 รถยนต์ยอดนิยมของคนทั่วโลก ฉลองการผลิตครบ 5 ล้านคัน



- ในเวลาเพียง 12 ปี 10 เดือน หลังจากเริ่มต้นการผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2546 -

ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ออกประกาศว่า รถยนต์นั่งมาสด้า3 (หรือในญี่ปุ่น เรียกว่า เอ็กซ์เซล่า) ประสบความสำเร็จอย่างสูงมียอดการผลิตครบ 5 ล้านคันไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ที่สำคัญ คือ เป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นที่ 2 ที่มียอดผลิตเกินกว่า 5 ล้านคัน โดยรุ่นก่อนหน้านี้ คือ มาสด้า แฟมิเลีย และรถยนต์นั่งมาสด้า3 รุ่นนี้ยังได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ให้กับชาวมาสด้า ด้วยการมียอดผลิตทะลุ 5 ล้านคันภายในเวลาเพียง 12 ปี 10 เดือน นับตั้งแต่มาสด้าได้เริ่มต้นสายพานการผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2546

รถยนต์นั่งมาสด้า3 ถือเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญอย่างยิ่งของมาสด้า และมียอดการจำหน่ายถึงคิดเป็น 1 ใน 3 ของรถยนต์มาสด้าที่จำหน่ายทั่วโลก ซึ่งมีสายการผลิตอยู่ที่ โรงงานโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น โรงงานฉางอันมาสด้าออโต้โมบิล ประเทศจีน โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย และโรงงานมาสด้า เด เม็กซิโก วีฮิเคิล โอเปอเรชั่น ประเทศเม็กซิโก นอกจากนี้ยังมีโรงงานประกอบรถยนต์ที่ประเทศมาเลเซียและเวียดนามอีกด้วย


นับตั้งแต่รถมาสด้า3 เจนเนอเรชั่นแรก มาสด้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ที่เหนือความคาดหวังของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกแบบด้วยรูปลักษณ์อันสง่างามทรงพลัง ให้การตอบสนองการขับขี่เป็นเลิศ และให้สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจ รถยนต์มาสด้า3 ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน คือ รถยนต์มาสด้า3 เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2556 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และแนวทางการออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ – Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว เป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งในรถยนต์เจนเนอเรชั่นล่าสุดของมาสด้า มาสด้า3 นับเป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากและได้รับการชื่นชมยกย่องไปทั่วโลก สามารถพิชิตรางวัลอันทรงเกียรติต่างๆมากมาย อาทิ รถยนต์นั่งขนาดเล็กยอดเยี่ยมจากประเทศแคนนาดา ประจำปี พ.ศ. 2556 (Canadian Car of the Year’s Best New Small Car) และรางวัล International Red Dot Design Award ในปี 2557 นอกจากนี้ยังติดอันดับ Top 3 หรือหนึ่งในสามอันดับสูงสุดของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลกและรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลกในปี 2557 อีกด้วย

มาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์เพื่อส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าทุกคน ให้สมรรถนะการขับขี่เป็นเลิศและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความปลอดภัยสูงสุด เพื่อเติมเต็มชีวิตของลูกค้าและกลายเป็นแบรนด์ที่ผูกพันกับลูกค้าด้วยสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษตลอดไป



ทางด้าน นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า รถยนต์นั่งมาสด้า3 เจนเนอเรชั่นล่าสุด เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่มาพร้อมรูปลักษณ์การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ระบบเชื่อมต่อโลกออนไลน์ผ่านเทคโนโลยี MZD Connect และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันระดับโลก i-ACTIVSENSE ที่สำคัญได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยอย่างล้นหลามมียอดการจำหน่ายไปแล้วกว่า 17,000 คัน ด้วยระเวลาเพียง 2 ปีเศษ

“เมืองไทย” มั่นใจ BRG Group แต่งตั้งเป็นศูนย์มาตรฐาน


เมื่อเร็วๆ นี้ นายนเรศ นิลพงษ์ (คนที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินไหม ประกันภัยรถยนต์/สายงานประกันภัยรถยนต์ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มอบ ประกาศนียบัตรแต่งตั้งศูนย์บริการของ BRG Group จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์บริการสาขารัชโยธิน, สาขา รามคำแหง, สาขาศรีนครินทร์ และสาขาภูเก็ต เป็นศูนย์บริการมาตรฐานที่รองรับการบริการซ่อมรถยนต์ ให้แก่ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นางสาวอัจจิมา ศรี รัตนประภาส (คนที่ 3 จากขวา) กรรมการบริหาร ฝ่ายการขาย BRG Group เป็นผู้ให้การต้อนรับและ รับมอบประกาศนียบัตรฯ อย่างเป็นทางการ พร้อม นางสาวพิกุล วรเนตร (คนที่ 1 จากขวา) ผู้ช่วย ผู้จัดการทั่วไป BRG Group พาเยี่ยมชมแผนกต่างๆ ภายในโชว์รูมและศูนย์บริการ BRG สาขาศรีนครินทร์

“ศูนย์บริการของ BRG Group เป็นศูนย์บริการที่มีมาตรฐานระดับสากล ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ ที่มีคุณภาพและทันสมัย พร้อมบุคลากรที่มีความชำนาญและประสบการณ์อันยาวนาน ประกอบกับเป็น ศูนย์บริการที่มีบริการครบวงจร One Stop Service ตั้งแต่การตรวจเช็คสภาพ ซ่อมสี ตัวถัง และซ่อม เครื่องยนต์ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้รับความสะดวก และรวดเร็ว ซึ่งการแต่งตั้งศูนย์บริการของ BRG Group ในครั้งนี้ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มั่นใจว่าจะสร้างความพึ่งพอใจสูงสุด ให้แก่ ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของบริษัทฯ อย่างแน่นอน” นายนเรศฯ กล่าว

สำหรับศูนย์บริการ “BRG Group” เป็นศูนย์ซ่อมรถยนต์นำเข้ามาตรฐานแบบครบวงจร ที่เปี่ยมด้วย คุณภาพระดับสากล รับบริการซ่อมรถยนต์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ด้วยมาตรฐานการบริการแบบ One Stop Service ที่เพียบพร้อมด้วยการบริการ และอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมอะไหล่แท้ที่จัดเตรียมเพื่อ รองรับสำหรับทุกความต้องการ ขณะที่บุคลากรได้รับการคัดสรร และผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตร มาตรฐานสากล ทำให้ทุกบริการเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและรองรับทุกความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอย่างดี

รูปแบบบริการมาตรฐานแบบครบวงจร
1.บริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์นำเข้า

2.บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอกอากาศ

3.ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง

4.ศูนย์อะไหล่แท้

5.ศูนย์ประดับตกแต่งรถยนต์/เครื่องเสียง

6.ศูนย์เปลี่ยนกระจกรถยนต์

7.Autoworks ศูนย์บริการเคลือบแก้ว

ค่ายรถบรรทุกผุดช่องทางการตลาดใหม่ ล่าสุด สแกนเนียรุกตลาดรถบรรทุกมือสอง


ตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ปรับตัวรับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ด้านค่ายรถใหญ่จากยุโรป สแกนเนีย ผุดช่องทางการตลาดใหม่ จับตลาดรถบรรทุกมือสอง เป็นศูนย์รวมในการแลกเปลี่ยนรถบรรทุกสแกนเนีย ให้กับลูกค้าที่ต้องการแลกเปลี่ยนรถสแกนเนียคันเก่ากับรถใหม่ป้ายแดง และช่วยให้ลูกค้าใหม่เป็นเจ้าของรถสแกนเนียมือสองคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น
นายยุทธนา มหาวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถบรรทุกมือสอง บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยถึงการเข้ามาทำตลาดรถบรรทุกมือสองว่า การทำตลาดรถมือสองนับเป็นหนึ่งในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งสแกนเนียได้พยายามที่จะเข้าถึงในทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์และงานบริการเพื่อความเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจและการใช้งานของลูกค้า ภายใต้แนวคิด Scania Total Solutions โดยการเข้ามาในตลาดรถบรรทุกมือสองถือได้ว่าเป็นตลาดกลุ่มใหม่สำหรับประเทศไทย แต่สำหรับประเทศแถบยุโรป สแกนเนียมีการดำเนินการในตลาดนี้มานานแล้ว โดยจะแยกกลุ่มธุรกิจรถบรรทุกสแกนเนียมือสอง (Scania Used Truck) ออกมาอย่างชัดเจน การเปิดตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่บริษัทแม่ที่สวีเดนมองเห็นถึงศักยภาพของตลาดรถบรรทุกในประเทศไทยที่ความแข็งแกร่งและมียังมีแนวโน้มในการขยายตัวที่ดี

สำหรับแนวทางการทำตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยนั้น จะมีความแตกต่างจากประเทศในแถบยุโรป เพราะกฎหมายในยุโรปมีการกำหนดการใช้งานของรถบรรทุกกันไม่เกิน 5-6 ปี ก็จะต้องเปลี่ยนรถ แต่สำหรับประเทศไทยการใช้งานรถแต่ละคันจะใช้กันเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี ซึ่งทาง สแกนเนีย ต้องนำมาคำนวนหาความเหมาะสมของราคาต่อสภาพรถที่แท้จริงก่อนที่จะนำเสนอแก่ลูกค้า

โดยหลังจากศึกษาตลาดรถบรรทุกมือสอง และเริ่มทำตลาดScania Used Truck มาตั้งแต่ปลายปี 2015 ผลตอบรับนับว่าค่อนข้างดี มีลูกค้าเข้ามาสอบถามที่ศูนย์บริการของสแกนเนียที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศจำนวนมาก สำหรับกลุ่มเป้าหมาย นั้นเราจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าของสแกนเนียเป็นหลัก ซึ่งปกติแล้วลูกค้ากลุ่มนี้จะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนรถสแกนเนียมือสองกันเองอยู่แล้ว แต่พอเราเปิดทำตลาดรถบรรทุกสแกนเนียมือสองขึ้นมา ทำให้ทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่มีความสะดวกเข้ามาใช้บริการนี้มากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อลูกค้าเก่าที่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ก็สามารถนำรถบรรทุกที่ใช้งานอยู่เข้ามาทำการแลกเปลี่ยน (Trade-In) กับเราแล้วสามารถออกเป็นรถใหม่ไปใช้งานได้เลย ส่วนรถที่สแกนเนียรับเข้ามาก็จะทำการตรวจเช็กสภาพและซ่อมบำรุงในส่วนที่ชำรุดก่อนที่จะนำมาให้ลูกค้ารายใหม่ที่ต้องการรถบรรทุกสแกนเนียมือสอง พิจารณาเลือกซื้ออีกครั้ง

การเปิดตลาดรถบรรทุกมือสองครั้งนี้ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเป็นอย่างมากเพราะ เป็นเสมือน One Stop Service ซึ่งเรามีฐานข้อมูลของรถบรรทุกสแกนเนียทุกคันอยู่แล้วจึงสามารถให้ราคาที่เหมาะสมเป็นที่พอใจแก่ลูกค้าทั้งทางฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย วันนี้บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เรามีรถบรรทุกสแกนเนียมือสองหลากหลายรุ่น สามารถเลือกใช้ให้งานให้เหมาะสมกับประเภทธุรกิจขนส่ง เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถขับเคลื่อนผลกำไรธุรกิจที่มากยิ่งขึ้น

แฟนธอม ซีนิธ คอลเล็กชั่น


ซีนิธ ที่สุดแห่งยนตรกรรมชั้นยอด คือมาตรฐานที่สูงสุดเท่าที่สามารถวัดได้


“ในขณะที่เรากำลังเริ่มเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโรลส์-รอยซ์ เรามีความภาคภูมิใจที่จะนำเสนอบีสโป๊ก คอลเล็กชั่นที่มีความโดดเด่นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสุดยอดยนตรกรรมหรูที่หาได้ยากของโลก นั่นคือ     แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ และแฟนธอม คูเป้ ดังนั้น แฟนธอม ซีนิธ คอลเล็กชั่น จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโรลส์-รอยซ์ในการสร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงกว่าสินค้าหรูอื่นเท่าที่สามารถวัดได้” มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าว


นับแต่การก่อตั้งบริษัทฯ เมื่อ 113 ปีที่ผ่านมา บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด ได้ถูกนิยามจากความมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการสินค้าหรู  โดยวันที่ 1 มกราคม 2546 ปรัชญานี้ได้เป็นรูปธรรมขึ้นเมื่อมีการส่งมอบยนตรกรรมแฟนธอม เจนเนอเรชั่น 7 คันแรกให้กับลูกค้า ณ บ้านหลังใหม่ของโรลส์-รอยซ์ที่กู้ดวูด สหราชอาณาจักร ที่ทำให้วงการธุรกิจสินค้าหรูของโลกและนักวิจารณ์ทั่วโลกต่างพากันทึ่งในสมรรถนะและความสง่างามของยนตรกรรมหรูร่วมสมัย จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่โรลส์-รอยซ์สร้างตำนานในฐานะผู้ผลิต “ยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก”  


สี่ปีต่อมา แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับรถยนต์ทัวร์ริงเปิดประทุนหรู ตำนานแห่ง      ยนตรกรรมที่ส่งต่อความงามให้กับโรลส์-รอยซ์ ดอว์น รุ่นปี 2016 และต่อมาในปีพ.ศ. 2551 แฟนธอม คูเป้ ได้ถือกำเนิดขึ้นในฐานะสุดยอดยนตรกรรมแกรนด์ทัวร์เรอร์ตลอดกาลที่หาได้ยาก ที่ต่อมาได้ส่งมอบคุณลักษณะอันโดดเด่นให้กับโรลส์-รอยซ์ เรธ ในฐานะสุดยอดแห่งยนตรกรรมแกรนด์ ทัวริสโมของสุภาพบุรุษในปีพ.ศ.  2556  


ปัจจุบัน แบรนด์โรลส์-รอยซ์ สะท้อนให้เห็นถึงจุดสูงสุดของยนตรกรรมยุคใหม่   ด้วยการประกาศของแฟนธอม เจนเนอเรชั่น 8 ที่จะใช้โครงสร้างรถยนต์อลูมิเนียมใหม่ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ในอนาคต


ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ และแฟนธอม คูเป้ ต้องกล่าวคำอำลาด้วยที่สุดแห่งบีสโป๊ก คอลเล็กชั่น ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือการสร้างมาตรฐานที่สูงสุดเท่าที่สามารถวัดได้ให้กับยนตรกรรมหรู


แฟนธอม ซีนิธ คอลเล็กชั่น ประกอบด้วยรถยนต์แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ และแฟนธอม คูเป้ รุ่นล่าสุดที่เคยสร้างสรรค์ขึ้นมาสำหรับนักสะสมตัวจริง   โดยทั้ง 50 คันนี้ได้ถูกสั่งทำจากลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ที่ต้องการเป็นเจ้าของหนึ่งในคอลเล็กชั่นยนตรกรรมสุดหรูของโลกที่มีจำนวนจำกัดและมูลค่าที่จะไม่มีวันลดลง  


แฟนธอม ซีนิธ คอลเล็กชั่น เป็นการเฉลิมฉลองยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่นนี้ของแฟนธอม ด้วยคุณสมบัติและฟังค์ชั่นที่สั่งทำขึ้นพิเศษ และการออกแบบที่คงความสง่างามและหรูหราของยนตรกรรมรุ่น แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ และ แฟนธอม คูเป้ ที่หายากและเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในโลก     


ในการสร้างสรรค์แฟนธอม 2 รุ่น ทีมงานออกแบบของบีสโป๊ก ได้ทุ่มเททำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการที่รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้จะสามารถเข้าถึงไลฟสไตล์ของลูกค้า จึงให้ความสำคัญในทุกรายละเอียด ตัวอย่าง ห้องเก็บสัมภาระส่วนท้ายที่เปิดแยกออกเป็นสองส่วนบน-ล่าง เพื่อความลงตัวและสวยงามในยามใช้ชุดปิกนิก  ชั้นวางแก้ว ที่ติดตั้งในห้องเก็บสัมภาระส่วนท้าย เพิ่มความสะดวกในการเสิร์ฟแชมเปญ   นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งตู้แช่แชมเปญสำหรับแชมเปญขนาดมาตรฐาน 2 ขวด แก้วโรลส์-รอยซ์ 8 ใบ อีกทั้งยังมีเบาะรองนั่งหนังเพื่อความสะดวกสบายให้กับผู้ที่ต้องการนั่งเล่นที่บริเวณฝากระโปรงท้ายขณะเปิดออก


ลูกค้าของแฟนธอม ซีนิธ คอลเล็กชั่น จะได้รับเชิญให้มาชมชุดปิกนิกบีสโป๊กของโรลส์-รอยซ์ ที่สามารถเลือกที่จะติดตั้งเพิ่ม โดยสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีเอกลักษณ์นี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับการเดินทาง ที่สามารถเสริมความลงตัวของแต่ละบุคคลด้วยโทนสี และวัสดุที่เข้ากับกับตัวรถ   


เมื่อเปิดประตูรถออก เจ้าของรถจะได้พบกับที่พักแขนที่แกะสลักด้วยเลเซอร์เพื่อเป็นที่ระลึกของการเผยโฉมรถยนต์ต้นแบบรุ่น 100EX ที่วิลล่า เดสเต้ บนชายฝั่งของทะเลสาบโคโม ที่ต่อมากลายเป็นแฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ และรุ่น 101EX ที่ทะเลสาบเจนีวา ที่ได้ถูกพัฒนาต่อให้กลายเป็นแฟนธอม คูเป้


การใส่ใจในทุกรายละเอียดของยนตรกรรมแฟนธอม ทำให้รถยนต์หรูนี้เป็นยนตรกรรมหรูที่มีผู้ชื่นชอบมากที่สุดในโลก โดยแฟนธอม ซีนิธ คอลเล็กชั่น เป็นการเฉลิมฉลองลักษณะอันโดดเด่นด้วยช่องเก็บสัมภาระที่บริเวณแผงหน้าปัด เมื่อเปิดออกจะได้พบกับกล่องอลูมิเนียมสีดำ พร้อมหมายเลขประจำรถยนต์แต่ละคันแกะสลักด้วยเลเซอร์ที่สามารถดึงออกมาได้ โดยภายในกล่องจะพบกับชิ้นส่วนที่ระลึกที่ระบุว่ามาจากสายการผลิตใดในการรังสรรค์แฟนธอมในคอลเล็กชั่นนี้  
 
ทั้งนี้ แฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ และ แฟนธอม คูเป้ มี 3 จุดหลักที่สะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบที่สง่างาม ได้แก่ แผงหน้าปัดรถยนต์ทำจากสตีลขัดลายฝีแปรงที่โดดเด่นจนไม่อาจละสายตาได้  โทนสีอ่อนภายในส่วนที่นั่งด้านหน้าจะกลมกลืนอย่างสมบูรณ์แบบกับโทนสีที่เข้มขึ้นในส่วนของด้านหลัง และสุดท้ายคือ ผ้าบุเพดาน ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรกโดยการทอมือในยนตรกรรมแฟนธอม คูเป้ ที่เรียงร้อยดาวแต่ละดวงเข้าด้วยกัน สร้างบรรยากาศให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้รู้สึกถึงความอบอุ่น และเชื้อเชิญ   


ส่วนการจัดวางโทนสีและสีของวัสดุที่ใช้ทั้งภายนอกและภายใน ทีมนักออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์อันน่าประทับใจของโรลส์-รอยซ์ อาทิ แฟนธอม คูเป้ สีแดงเข้ม มาเดียรา เรด และสีเทา จูบิลี      ซิลเวอร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากแฟนธอม ซีรี่ส์ II ในยุคช่วงปี 1930  ในขณะที่ความเข้มดุดันเหนือกาลเวลาสะท้อนให้เห็นในสีน้ำเงินเข้ม มิดไนท์ บลู และสีขาวอาร์ติก ไวท์ ที่สร้างความพิเศษให้กับโรลส์-รอยซ์ แฟนธอม   ซีรี่ส์ II คอนติเนนตัลในยุคช่วงปี 1930 พร้อมด้วยกระจก clear coat ที่ถูกติดตั้งเพื่อให้ความเงาสูงดุจดั่งกระจกสะท้อน  
   
นอกจากนี้ การออกแบบยังได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เพิ่งเกิดขึ้นของโรลส์-รอยซ์ ได้แก่ แฟนธอม คูเป้ เอวิเอเตอร์ คอลเล็กชั่น ในขณะที่ขอบหน้าปัดสีส้ม บลัด-ออเรนจ์เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแผงหน้าปัดแบบเครื่องบินในโรลส์-รอยซ์ เรธ   การใส่ใจในรายละเอียดยังคงเห็นได้จากที่วางแก้วอลูมิเนียม ที่มอบทั้งความงามทางสายตาและผิวสัมผัสได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบสะท้อนให้เห็นถึงความสง่างามเหนือกาลเวลาของการออกแบบที่ร่วมสมัย  อีกทั้ง  การใช้วัสดุอันทันสมัยในการทำพื้นผิวของแผงหน้าปัดของยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่น   

การสร้างสรรค์ยนตรกรรมแฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ และแฟนธอม คูเป้ครั้งสุดท้ายกำลังเกิดขึ้นที่บ้านของโรลส์-รอยซ์ และปีพ.ศ. 2559 ยังเป็นปีสุดท้ายของการผลิตยนตรกรรมแฟนธอม เจนเนอเรชั่น 7 บริษัทฯ จึงเชิญชวนให้ลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฟนธอมมารังสรรค์รถยนต์รุ่นนี้ครั้งสุดท้ายในแบบฉบับเฉพาะบุคคล ซึ่งการรับออร์เดอร์ในการสั่งทำรถยนต์ครั้งนี้ใกล้ที่จะปิดลงแล้ว        

เริ่มแล้ว “อีซูซุคาราวานสัญจร 2559” เส้นแรก เที่ยวสวนสัตว์-ชิมผลไม้...ของดีภาคตะวันออก




อีซูซุคาราวานสัญจร” ประจำปี 2559   กิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 15   นำเหล่าสมาชิก ประชาคมอีซูซุ” 76 คน รวม 30 คัน เริ่มสตาร์ทความสุขจากการเดินทางในแบบรูปคาราวานทางรถยนต์สนับสนุนนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาล  ประเดิมเส้นทางแรกด้วยสีสันแห่งภาคตะวันออก กรุงเทพฯ ระยอง  สัมผัสการดำเนินชีวิตแบบอิสระของสัตว์ป่าในสวนสัตว์เปิด   พร้อมอิ่มเอมกับบุฟเฟต์ผลไม้ที่ตัดสดจากสวน  ก่อนไปสูดกลิ่นไอทะเลและร่วมงานเลี้ยงสุดพิเศษกับซูเปอร์พรีเซ็นเตอร์ของอีซูซุ ก้อง-สหรัถ  สังคปรีชา   โดยมี มร.ฮิโรกิ คาโต้ ผู้จัดการฝ่ายขายดีลเลอร์บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และนายกฤษณะ แก้วธำรงค์   ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวต้อนรับและตีธงปล่อยขบวนคาราวาน
ขบวนรถอีซูซุหลากรุ่นใน  อีซูซุคาราวานสัญจร 2559  เส้นทางแรก ออกสตาร์ทจาก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ถนนวิภาวดีรังสิต นำขบวนโดยอาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ  ผู้อำนวยการจัดคาราวาน มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก แวะเที่ยวที่แรกกันที่ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว  ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่ บนเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ มีสัตว์ในความดูแลมากถึง 3,000 ตัว กว่า 250 ชนิดพันธุ์จากหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมทั้งสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย โดยเปลี่ยนพาหนะมานั่งรถรางของทางสวนสัตว์พ่วงด้วยวิทยากรประจำรถเพื่อให้สะดวกในการแวะชมในแต่ละจุด จากนั้นจึงเดินทางต่อไปอิ่มเอมกับอาหารกลางวัน ณ สนามรถขับเคลื่อนสี่ล้ออีซูซุ พัทยา ที่ทำให้สมาชิกหลายคนถึงกับอยากนำรถคู่ใจมาลงสนามทดสอบพละกำลังเครื่องยนต์ ตลอดจนสมรรถนะการปีนไต่ ท้าทายอุปสรรคในแต่ละสถานี
ต่อจากนั้น แวะปิดท้ายมื้อกลางวันกันต่อกับบุฟเฟ่ต์ผลไม้ ณ สวนสุภัทราแลนด์ แหล่งรวมไม้ผลเมืองร้อนไว้มากถึง 25 ชนิดบนเนื้อที่ 800 ไร่ เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามแนวคิด แหล่งเรียนรู้ ดูและชิม อิ่มคุณภาพ เที่ยวได้ทั้งปี ใช้บริการรถชมสวนพร้อมคนขับที่ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ที่มาพร้อมมุขฮาเรียกเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ โดยไฮไลต์ของทริปนี้อยู่ที่ราชาแห่งผลไม้ ทุเรียน” เนื้อดี ผลไม้ขึ้นชื่อของเมืองระยองที่เจ้าหน้าที่สวนลงมือปอกเสิร์ฟลูกค้ากันมือเป็นระวิง จนอาจทำให้เหล่ามะม่วงมังคุด เงาะ สละ ฯลฯ น้อยใจเอาได้ จากนั้นวิ่งไปชมสวนในอีกฝั่งถนน พร้อมแวะชิมส้มตำรสเด็ดที่ตำแบบครกต่อครก และผักสลัดสดๆ ปลอดสารพิษ พร้อมน้ำสลัดสูตรพิเศษ ทำให้สมาชิกอิ่มท้องไปตามๆ กัน จากนั้นจึงควบรถอีซูซุคู่ใจเป็นขบวนต่อไปยังโรงเรียนบ้านเขายายชุม เพื่อร่วมบริจาคเงินและอุปกรณ์การเรียนให้แก่นักเรียนชั้นอนุบาล-ประถมวัย ที่แม้จะเป็นวันเสาร์แต่ทุกคนก็ตั้งใจมาร่วมต้อนรับผู้มาเยือน ก่อนขับรถมุ่งสู่ปลายทาง ณ โนโวเทล ริมเพ ระยอง รีสอร์ท ร่วมกิจกรรมสนุกๆ ยามค่ำคืน ทั้งอาหารค่ำมื้อหรูกับคนรู้ใจ เล่นเกมลุ้นของรางวัล ลุ้นโชคจากการจับสลากจากผู้สนับสนุนใจดี อาทิ ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง,ตรีเพชรอินชัวรันส์เซอร์วิสน้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์เดโล่, ร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ VP SOUND, ฟิล์มกรองแสงลามิน่า เป็นต้น ตบท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตแบบใกล้ชิดกับซูเปอร์พรีเซ็นเตอร์ อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา
ผมใช้รถอีซูซุมาหลายรุ่น ล่าสุดนี้เพิ่งซื้อ อีซูซุดีแมคซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” 4 ประตูมาใช้ ชอบที่กำลังเครื่องดี และห้องโดยสารเงียบเหลือเกิน ตั้งใจว่าจะมาเที่ยวกับอีซูซุคาราวานสัญจรให้ได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกเพราะไม่เคยจองได้ทัน (หัวเราะ) ปีนี้ภรรยาผมตั้งใจมากเลยจองสำเร็จ ชอบการเดินทางในรูปแบบคาราวานแบบนี้เพราะสะดวก ปลอดภัย และประทับใจมาก ปุณณภพ ไมยรัตน์ สมาชิกรถหมายเลข 3 เผยความรู้สึก ในขณะที่ กัลยา เหมือนจิตต์ สมาชิกรถเบอร์ 27 ที่คุ้นเคยดีกับกิจกรรมของอีซูซุสรุปสั้นๆ ว่า มาเที่ยวกับอีซูซุทุกปีเพราะประกับใจกับการดูแลของทีมงาน  ทำให้รู้สึกเหมือนมาเที่ยวกับคนในครอบครัว  
จากการบอกเล่ากันปากต่อปาก ไม่เพียงทำให้ อีซูซุคาราวานสัญจร ในแต่ละเส้นทางสามารถปิดการรับสมัครได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังทำให้เกิดการชักชวนครอบครัวและเพื่อนๆ ให้มาร่วมเป็นสมาชิก ประชาคมอีซูซุ” ด้วยการซื้อรถอีซูซุ เพื่อที่จะได้มาร่วมกิจกรรมต่างๆ ของอีซูซุกันอีกด้วย เตรียมพบกับ สีสันแห่งความสุข สนุกสุด 4 เส้นทาง” กับ อีซูซุคาราวานสัญจร 2016” ที่เหลืออีก 3 เส้นทาง ได้แก่   
o   
o  เส้นทางที่ 2            เชียงใหม่  – อ่างขาง    วันที่ 11-12  มิถุนายน 2559
o  เส้นทางที่ 3            ไทย (อุบลราชธานี) – ลาว  วันที่ 10-14 สิงหาคม 2559
o  เส้นทางที่ 4             ชุมพร – เพชรบุรี    วันที่ 10-11 กันยายน 2559
ผู้ที่สนใจสามารถสมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสื่อสารการตลาด โทร.02-966-2127-9 

หลักการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน



            เครื่องยนต์ทุกชนิดผู้สร้างนั้นมีความต้องการที่จะให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จะแตกต่างกันบ้างก็   ตรงลักษณะของการใช้งานและวิธีการจุดระเบิดน้ำมันเชื้อเพลิงภายในกระบอกสูบ ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์และจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์แต่ละชนิด  ส่วนประกอบที่สำคัญจะคล้ายกันหรือเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่  เพื่อให้เข้าใจหลักการทำงานของเครื่องยนต์  จำเป็นที่จะต้องศึกษาและพิจารณาถึงลักษณะต่างๆ   ทางทฤษฎีให้สอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งแบบแก๊สโซลีนและดีเซล  ซึ่งจะเริ่มการทำงานด้วยการดูดส่วนผสมของน้ำมันกับอากาศหรืออากาศเพียงอย่างเดียว  แล้วอัดส่วนผสมของอากาศนั้นจุดระเบิดทำให้แก๊สขยายตัวขับไล่ไอเสียหรือคายไอเสีย  แต่หลักการที่ทำให้เครื่องยนต์ที่ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลแตกต่างจากเครื่องยนต์แก๊สโซลีนคือ  การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากระบอกสูบ  และการสันดาปของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศที่บรรจุในกระบอกสูบ  โดยในเครื่องยนต์แก๊สโซลีนจะมีคาร์บูเรเตอร์ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายส่วนผสมอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงในสัดส่วนที่ถูกต้อง  และปริมาณที่เหมาะสมทุกสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ถ้าพิจารณากันจริงๆแล้ว  จะเห็นว่าเครื่องยนต์แก๊สโซลีนจะมีขั้นตอนที่สับสับซ้อนมากกว่าเครื่องยนต์ดีเซล
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ
            การทำงานของเครื่องยนต์ 4 จังหวะจะมีลักษณะการทำงานคือ ใน 1 กลวัตร ลูกสูบจะต้องเคลื่อนที่ขึ้น-ลง 4 ครั้ง คือ ขึ้น 2 ครั้ง ลง 2ครั้ง เพลาข้อเหวี่ยงหมุน 2 รอบ จะได้กำลัง 1 ครั้ง จังหวะการทำงานจะหมุนเวียนกันอยู่เช่นนี้ตลอดไป จนกว่าจะหยุดเดินเครื่องยนต์ 
     จังหวะที่ 1 จังหวะดูด  (Intake  Stroke) จังหวะนี้ลูกสูบจะเคลื่อนที่จากศูนย์ตายบนลงสู่ศูนย์ตายล่าง  ขณะเดียวกันลิ้นไอดีจะเปิดรับส่วนผสมของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องยนต์แก๊สโซลีนหรือเปิดรับส่วนผสมของแก๊สเหลวกับอากาศ สำหรับเครื่องยนต์แก๊สเหลวและถูกดูดเข้ามาบรรจุอยู่ภายในกระบอกสูบ  โดยผ่านทางลิ้นไอดี จังหวะนี้จะติดต่อกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกสูบเคลื่อนที่ลงถึงศูนย์ตายล่างจึงจะหมดจังหวะดูดโดยที่ส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ หรือส่วนผสมของแก๊สเหลวกับอากาศจะถูกดูดมาบรรจุไว้จนเต็มภายในกระบอกสูบ



       จังหวะที่ 2จังหวะอัด (Compression Stroke)จังหวะนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องจากจังหวะแรกคือ เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ลงถึงศูนย์ตายล่างจากนั้นลูกสูบจะเคลื่อนที่ขึ้นสู่ศูนย์ตายบน ในขณะเดียวกันลิ้นไอดีและลิ้นไอเสียจะปิดสนิท ส่วนผสมของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊สเหลวกับอากาศภายในกระบอกสูบจะถูกอัดตัวขึ้นไปเรื่อยๆ  ตามสภาพการเคลื่อนตัวของลูกสูบ จังหวะนี้จะสิ้นสุดลงก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนที่ถึงศูนย์ตายบนเล็กน้อย







       จังหวะที่ 3จังหวะระเบิด (Expansion Stroke) บางทีเรียก จังหวะงาน (power Stroke) จะเกิดขึ้นในตอนปลายจังหวะอัด โดยส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศหรือแก๊สเหลวกับอากาศจะถูกจุดระเบิดด้วยประกายไฟจากหัวเทียน จึงทำให้เกิดการเผาไหม้และการระเบิดซึ่งผลักดันให้ลูกสูบเคลื่อนที่ลง และทำให้ได้งานจากจังหวะนี้









       จังหวะที่ 4จังหวะคาย (Exhaust Stroke)หลังจากที่ลูกสูบเคลื่อนที่ลงแล้วเนื่องจากแรงระเบิดจนเกือบถึงศูนย์ตายล่าง เป็นขณะเดียวกันกับลิ้นไอเสียจะเปิดและปล่อยให้ไอเสียซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ออกไปจากกระบอกสูบและยังคงเปิดอยู่จนกระทั่งลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น จากการเคลื่อนตัวขึ้นของลูกสูบในจังหวะนี้ จะช่วยในการขับไล่ไอเสียออกอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงเวียนเข้ามาจังหวะดูดอีก และจะเป็นเช่นนี้ ตลอดเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่จะเห็นได้ชัดเจนว่าเครื่องยนต์จะทำงานด้วยจังหวะดูด-อัด-ระเบิด-คาย หมุนเวียนกันอยู่เช่นนี้
























เปรียบเทียบเครื่องยนต์ 2 จังหวะกับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ


       จังหวะ (Stoke) คือ การเคลื่อนที่ขึ้นหรือเคลื่อนที่ลงของลูกสูบ การทำงานของเครื่องยนต์ทั้งแบบ 2 จังหวะและ  4 จังหวะข้อแตกต่างกันออกไปดังนี้คือ
1.             โครงสร้าง ขนาดแรงม้าเท่ากันชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ 2 จังหวะจะมีการเคลื่อนไหวน้อยกว่า
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ทำให้เครื่องยนต์ 2จังหวะมีข้อขัดข้องน้อยกว่า ขนาดก็เล็กกว่าและราคาต่ำกว่า
2.              ประสิทธิภาพในการบรรจุไอดี เครื่องยนต์ มีประสิทธิภาพในการบรรจุไอดีดีกว่าเครื่องยนต์ 2    
จังหวะไม่สามารถที่จะไล่ไอเสียออกได้เหมือนเครื่องยนต์ 4 จังหวะทำให้ไอเสียตกค้างอยู่ภายในกระบอกสูบ  เป็นผลให้กำลังที่ควรจะได้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น
3.             การเผาไหม้เชื้อเพลิง เครื่องยนต์ 4 จังหวะมีการเผาไหม้ดีกว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะเนื่องจาก
เครื่องยนต์ 2 จังหวะจะมีปริมาณของไอเสียที่ตกค้างอยู่ในกระบอกสูบเป็นจำนวนมาก ทำให้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ 2 จังหวะด้อยประสิทธิภาพกว่าเครื่องยนต์ 4 จังหวะ
4.             การระบายความร้อนเครื่องยนต์ 4จังหวะจะมีระบบการระบายความร้อนได้ดีกว่าเครื่องยนต์  

จังหวะเพราะเวลาที่ใช้ในการระบายความร้อนจะมากกว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ



















เครื่องยนต์แก๊สโซลีน 2 จังหวะ


            การทำงานของเครื่องยนต์ 2 จังหวะจะมีลักษณะคล้ายกับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ คือจะต้องมีจังหวะดูด อัด  ระเบิด คาย เช่นเดียวกันจะมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้างตรงที่เครื่องยนต์ 2 จังหวะจะทำงานครบตามจังหวะดังกล่าวได้ก็โดยที่ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นแล้วลง 2 ครั้ง  หรือเพลาข้อเหวี่ยงหมุน 1 รอบเท่านั้นก็จะได้งาน 1 ครั้ง
เครื่องยนต์แก๊สโซลีน 2 จังหวะ  มีหลักการทำงานในจังหวะต่างๆดังนี้คือ
1.  จังหวะคายและจังหวะดูด  (Exhaust  and  Intake  Stroke)

เครื่องยนต์แก๊สโซลีน 2 จังหวะเมื่อแรงระเบิดซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงภายในห้องเผาไหม้จะผลักดันให้ลูกสูบเคลื่อนที่ลงจนถึงจุดหนึ่ง  ขอบบนของลูกสูบจะเปิดช่องไอเสียแก็สไอเสียก็จะพุ่งตัวออกไปทางช่องไอเสียของกระบอกลูกสูบ  และเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ลงมาเล็กน้อยขอบบนอีกด้านหนึ่งของลูกสูบจะเปิดช่องไอดี (Transfer  Port) ซึ่งไอดีที่มีกำลังดันสูงจากห้องแคร้งจะถูกส่งผ่านช่องส่งไอดีเข้าไปบรรจุอยู่ภายในกระบอกสูบพร้อมทั้งขับไล่ไอเสีย  ขณะนี้เครื่องยนต์จะอยู่ที่จังหวะคายและจังหวะดูด



            การที่ไอดีในห้องแคร้งมีกำลังดันสูง  ก็เนื่องมาจากในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ลงมาจนกระทั่งขอบล่างของลูกสูบปิดช่องไอดี (Inlet Port) ทำให้ไอดีที่อยู่ภายในห้องนี้ถูกอัดตัวให้มีกำลังดันสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เครื่องยนต์ 
2  จังหวะชนิดนี้ลิ้นรีดวาล์วแบบแผ่นในการจัดส่งไอดีเข้าสู่ห้องแคร้งเป็นลิ้นในการจัดส่งไอดีเข้าสู่ห้องแคร้งเป็นลิ้นชนิดกันกลับแรงดันที่เกิดจากการเคลื่อนตัวลงของลูกสูบจะดันให้ลิ้นปิดได้เองโดยอัตโนมัติทำให้ไอดีที่อยู่ในห้องแคร้งที่มีกำลังดันสูงขึ้น และป้องกันไม่ให้ไอดีรั่วไหลออกจากห้องแคร้งอีกด้วย

2.  จังหวะอัดและจังหวะระเบิด (Compress and Power Stroke)
จังหวะนี้จะเกิดต่อเนื่องมาจากจังหวะดูด เริ่มตั้งแต่เมื่อขอบบนของลูกสูบซึ่งเคลื่อนที่จากศูนย์ตายล่างขึ้นสู่ศูนย์ตายบนจะปิดช่องส่งไอดีและช่องไอเสียตามลำดับ (ช่องส่งไอดีโดยปกติจะอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าช่องไอเสียเล็กน้อยเพื่อผลในการบรรจุไอดีเข้าสู่กระบอกสูบ และขับไล่ไอเสียออกจากกระบอกสูบ) ลูกสูบจะทำการอัดไอดีขึ้นไปเรื่อยๆ ในช่วงนี้เครื่องยนต์จะอยู่ในจังหวะอัด  เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นก่อนจะถึงศูนย์ตายบนเล็กน้อยหัวเทียนจะจุดประกายไฟ ทำให้ส่วนไอดีหรือส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศเกิดการเผาไหม้ ช่วงนี้เครื่องยนต์จะอยู่ในจังหวะระเบิด แรงระเบิดที่เกิดจากการเผาไหม้จะทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ลง  และหมุนเวียนกันอยู่เช่นนี้ตลอดเวลาที่เครื่องยนต์ทำงาน จะเห็นได้ว่าในการทำงาน 1 ครั้ง ลูกสูบจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลง 2 ครั้ง คือ  ขึ้น 1 ครั้ง ลง 1 ครั้ง  หรือเพลาข้อเหวี่ยงหมุน 1รอบ จึงเรียกเครื่องยนต์ชนิดนี้ว่า เครื่องยนต์ 2 จังหวะ



หน้าที่ของเครื่องยนต์


      เครื่องยนต์ (Engine) หมายถึง เครื่องจักรหรือเครื่องกลที่สามารถเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกล ซึ่งเครื่องยนต์ เป็นเครื่องต้นกำลัง และที่สำคัญนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันสามารถจัดส่งกำลังให้กับส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องทุ่นแรงต่างๆ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนหรือทำงานได้ เครื่องยนต์จึงเป็นสิ่งที่ทำประโยชน์ให้กับมนุษย์ได้อย่างมหาศาล เครื่องยนต์ที่นิยมโดยทั่วไป ได้แก่ เครื่องจักรไอน้ำ (Steam Engine) เครื่องยนต์แก๊สโซลีน (Gassolene Engine) เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel Engine) เครื่องยนต์โรตารี่ (Rotary Engine) และเครื่องยนต์กังหันแก๊ส เป็นต้น
เครื่องยนต์แก๊สโซลีน (Gassolene Engine) หมายถึง เครื่องจักรหรือเครื่องกลทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานความร้อนของน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นพลังงานกลที่ขับออกมาทางเพลาข้อเหวี่ยงจึงกล่าวได้ว่าพลังงานที่เกิดขึ้นได้จากการเผาไหม้ มีองค์ประกอบที่สำคัญคือ
  1.    อากาศ (Air) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการเผาไหม้ การไม่มีอากาศเผาไหม้ก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากอากาศมีออกซิเจนซึ่งช่วยให้ติดไฟ
  2.  เชื้อเพลิง (Fuel) เชื้อเพลิงเป็นวัตถุติดไฟ ในกรณีนี้หมายถึง น้ำมันเชื้อเพลิง
  3.   ความร้อน (Fire) ในที่นี้หมายถึงความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึงการจุดติด เช่นประกายไฟจากการอาร์ก เป็นต้น
การเผาไหม้ (Combustion)
  คือ การเผาไหม้ส่วนผสมของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงภายในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้น เมื่ออากาศผสมกับน้ำมันในอัตราส่วนที่ถูกต้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาตรของห้องเผาไหม้ คาร์บอนในน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อเกิดการเผาไหม้จะรวมตัวกับออกซิเจนเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ดังสมการนี้

C + O2                                 Co2+ ความร้อน
           
   สรุปได้ว่า พลังงานเครื่องยนต์ เกิดขึ้นได้จากพลังงานความร้อนจากการเผาไหม้ในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ การเผาไหม้ในเครื่องยนต์ เป็นการเผาไหม้ที่มีการควบคุมได้ ห้องเผาไหม้ในกระบวนการเผาไหม้จะทำให้เกิดความร้อนภายในกระบอกสูบของเครื่องยนต์ การเผาไหม้ในห้องเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศถูกผสมกันกลายเป็นไอดี (Mixture) และถูกส่งเข้าไปในกระบอกสูบแล้วอัดให้มีปริมาตรเล็กลงทำให้ไอดีที่ถูกอัดตัวมีกำลังดันสูง เมื่อมีประกายไฟมาจุดไอดีที่ถูกอัดดังกล่าว การเผาไหม้จึงเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เรียกว่า การจุดระเบิดมีปริมาตรเท่ากับความจุของกระบอกสูบ



donate your car today | donate your vehicle | donating a car for taxes | donating car in california | donating my car tax deduction | donating used cars to charity | donation for cars | how donate car | how to donate a car | how to donate a car in california | how to donate my car | how to donate your car | i want to donate my car | junk car donation | places to donate cars | sacramento car donation | tax break for donating a car | tax deduction car donation | tax deduction for car donation | vehicle donate | vehicle donation | where can i donate my car | where to donate a car | where to donate car | where to donate my car

หมวดหมู่ยานยนต์

 
Support : A | B | C
Copyright © 2016. เทคโนโลยียานยนต์ - All Rights Reserved