ในกรณีที่รถยนต์ของท่านสกปรกเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องถึงขนาดใช้น้ำจำนวนมากในการล้างรถ เพียงแค่เช็คก็เพียงพอแล้ว โดยที่ท่านทำความสะอาดได้ด้วยตนเอง ก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น
•ใช้น้ำในการทำความสะอาดน้อย
•ใช้อุปกรณ์ในการทำความสะอาดน้อย
•ใช้เวลาในการปฏิบัติน้อย
•ไม่มีน้ำเกาะตามชิ้นส่วนต่างๆของตัวรถ
•สามารถนำไปได้ทุกที่
•ฯลฯ
การทำความสะอาดรถยนต์ โดยใช้น้ำปริมาณน้อย จะช่วยประหยัดค่าน้ำ (ประปา) ได้ เพียงแค่น้ำ 1 ถัง ไม่น่าจะเกิน 10 ลิตร ผสมกับน้ำยาทำความสะอาดและเคลือบเงา ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป ตามปริมาณที่กำหนด คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำผ้าที่สะอาดแช่ลงในน้ำ แล้วบิดให้หมาดๆ เช็ดรอบๆ ตัวรถ หากผ้าเช็ดสกปรก ก็นำลงซักใหม่ในถังเช่นเดิม ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนทั่วทั้งคัน หรือ ไม่ก็ใช้ผ้าเปียกที่ผสมน้ำยาทำความสะอาดและเคลือบเงา เช็ดให้ทั่วทั้งคัน ทิ้งไว้จนเห็นเป็นคราบขาวๆจากนั้นให้ใช้ผ้านุ่มและสะอาดที่แห้ง เช็ดตามอีกครั้ง แล้วท่านจะพบกับความเงางามรอบคัน ไม่ว่าจะที่ตัวถังรถและกระจก นอกจากนั้นหากมีการใช้ปัดน้ำฝนในหน้าฝน หรือ ตัวรถยนต์โดนน้ำ จะเห็นได้ว่าจะมีน้ำเกาะที่ตัวรถยนต์น้อยลงเท่านั้นยังไม่พอ หากมีการใช้ปัดน้ำฝน จะมีการทำงานที่ดี และปัดให้สะอาด นอกจากนั้น หากมีสิ่งสกปรกเล็กน้อยมาติดที่ตัวรถ ก็จะเช็ดออกได้โดยง่าย
สิ่งที่กล่าวถึงนั้น สามารถกระทำได้โดยไม่ยากเย็นนัก และสามารถนำไปยังจุดหมายได้ เจ้าของรถบางท่านอยู่คอนโดฯ, แฟลต, อาคารชุด และอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหา อุปกรณ์ที่ใช้ก็เพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ ถัง+น้ำ, ผ้าสะอาด, น้ำยาทำความสะอาดและเคลือบเงา เพียงแค่นี้ท่านก็ทำความสะอาดรถได้ สังเกตไหมครับว่า รถยนต์ของผู้บริหาร จะมีความเงางามตลอดเวลา ก็เพราะว่า พนักงานขับรถคอยทำความสะอาดตลอด ที่น่าสังเกต คือ ใช้น้ำเพียงแค่ 1 ถัง เท่านั้น
ถ้าหากรถยนต์ของท่านสกปรกมาก ก็ต้องใช้น้ำล้างทำความสะอาด หรือ ไม่ก็ไปยังสถานบริการล้างรถ เพราะที่เหล่านั้น จะมีแรงดันน้ำที่สูง, มีเครื่องดูดฝุ่น, มีลมแรงดันสูงเป่า เพียงแต่เราต้องเสียค่าบริการให้เขาเท่านั้นเอง
วันไหนหยุดงานอยู่ที่บ้าน ให้ตื่นแต่เช้ารับอากาศบริสุทธิ์ พร้อมกับการเช็ดรถ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายดังโฆษณาที่ว่า “การทำความสะอาดบ้านถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง” ช่วงเช้าอาจจะมีน้ำค้างเกาะอยู่บนตัวรถบ้าง ก็ให้เช็ดออกเสียก่อน แล้วเริ่มตามวิธีการดังกล่าวข้างต้น เพียงเท่านี้รถยนต์ของท่านจะสวยงามอย่างชัดเจน