ในรถยนต์ยุคใหม่ไม่ได้มีแค่เครื่องยนต์และล้อ แต่เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ การที่อุปกรณ์ต่างๆ เช่น กระจกไฟฟ้า ไฟหน้า หรือระบบเอนเตอร์เทนเมนต์จะคุยกันได้ ต้องมี "ภาษากลาง" หรือระบบโปรโตคอลสื่อสารที่ต่างกันไปตามหน้าที่ครับ
วันนี้เราจะมาสรุปความแตกต่างของ LIN, CAN และ MOST เพื่อให้เข้าใจว่าแต่ละตัวทำงานอย่างไรในรถของเรา
1. LIN Bus (Local Interconnect Network)
LIN คือระบบสื่อสารขนาดเล็กที่มีต้นทุนต่ำที่สุด มักใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่ต้องการความเร็วสูงและไม่มีความซับซ้อนมากนัก
- ความเร็ว: สูงสุดประมาณ 20 kbps
- การใช้งาน: ระบบเปิด-ปิดหน้าต่าง, ปรับกระจกมองข้าง, ระบบแอร์ หรือเซนเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน
- จุดเด่น: ราคาถูก ประหยัดสายไฟ
2. CAN Bus (Controller Area Network)
CAN ถือเป็นหัวใจหลักของรถยนต์ (Standard ของวงการ) เป็นระบบที่มีความทนทานสูงและรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วพอสำหรับระบบความปลอดภัย
- ความเร็ว: 125 kbps - 1 Mbps (และเร็วขึ้นในมาตรฐาน CAN FD)
- การใช้งาน: กล่อง ECU เครื่องยนต์, ระบบเบรก ABS, ถุงลมนิรภัย และระบบเกียร์
- จุดเด่น: ตรวจสอบข้อผิดพลาดได้ดีเยี่ยม ทนต่อสัญญาณรบกวน
3. MOST Bus (Media Oriented Systems Transport)
เมื่อเข้าสู่ยุค Multimedia ระบบสายไฟแบบเดิมไม่เพียงพอ MOST จึงถูกออกแบบมาเพื่อส่งข้อมูลมหาศาลผ่านสายไฟเบอร์ออปติก (Fiber Optic)
- ความเร็ว: 25 Mbps ไปจนถึง 150 Mbps
- การใช้งาน: จอแสดงผล Infotainment, ระบบเครื่องเสียง Hi-Fi, กล้องรอบคัน และระบบนำทาง
- จุดเด่น: ส่งข้อมูลภาพและเสียงคุณภาพสูงได้โดยไม่มีสัญญาณดีเลย์
ตารางเปรียบเทียบสรุปความแตกต่าง
| คุณสมบัติ | LIN | CAN | MOST |
|---|---|---|---|
| ความเร็ว | ต่ำ | ปานกลาง-สูง | สูงมาก |
| ตัวกลาง | สายไฟเดี่ยว | สายคู่บิดเกลียว | ใยแก้วนำแสง |
| ต้นทุน | ถูกที่สุด | ปานกลาง | สูง |
สรุป
การเลือกใช้ LIN, CAN หรือ MOST ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของข้อมูล หากเป็นอุปกรณ์พื้นฐานใช้ LIN, หากเป็นระบบขับเคลื่อนใช้ CAN และถ้าเป็นระบบบันเทิงต้อง MOST เท่านั้น การผสานงานของทั้ง 3 ระบบนี้เองที่ทำให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ
ยานยนต์, ระบบไฟฟ้ารถยนต์, CAN Bus, LIN Bus, MOST Bus, ความรู้เรื่องรถ, เทคโนโลยีรถยนต์