ในปัจจุบัน เราเริ่มเห็นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มรถยุโรปและรถกระบะไฟฟ้า มาพร้อมกับเทคโนโลยี ระบบบังคับทิศทางล้อหลัง (Rear Wheel Steering หรือ RWS) กันมากขึ้น หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อเรามีล้อหน้าไว้เลี้ยวอยู่แล้ว ทำไมต้องให้ล้อหลังเลี้ยวได้อีก? บทความนี้จะพาไปเจาะลึกการทำงานของระบบนี้ครับ
Rear Wheel Steering (RWS) คืออะไร?
ระบบบังคับทิศทางล้อหลัง คือระบบที่ช่วยให้ล้อคู่หลังสามารถขยับมุมองศาการเลี้ยวได้ (โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3-10 องศา) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ทั้งในความเร็วต่ำและความเร็วสูง
หลักการทำงานของระบบบังคับทิศทางล้อหลัง
การทำงานของ RWS จะถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ซึ่งจะคำนวณจากความเร็วของรถและองศาการหันพวงมาลัย โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 2 รูปแบบหลัก:
1. การเลี้ยวสวนทางกัน (Counter-phase)
เกิดขึ้นเมื่อขับขี่ด้วย ความเร็วต่ำ (เช่น การถอยจอด หรือกลับรถในที่แคบ) ล้อหลังจะเลี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า
- ประโยชน์: ช่วยลด "วงเลี้ยว" ให้แคบลง ทำให้รถคันใหญ่มีความคล่องตัวเหมือนรถคันเล็ก
2. การเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกัน (In-phase)
เกิดขึ้นเมื่อขับขี่ด้วย ความเร็วสูง (เช่น การเปลี่ยนเลนบนทางด่วน) ล้อหลังจะเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า
- ประโยชน์: ช่วยเพิ่มความเสถียร (Stability) ลดอาการท้ายปัด ทำให้การเปลี่ยนเลนทำได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัยมากขึ้น
ทำไมรถรุ่นใหม่ถึงต้องมี Rear Wheel Steering?
นอกจากเรื่องความสะดวกสบายในการจอดรถแล้ว ระบบนี้ยังช่วยให้ สมรรถนะการขับขี่ (Handling) ดีขึ้นอย่างชัดเจน รถจะรู้สึกเกาะถนนมากขึ้นในทางโค้ง และลดภาระของยางล้อหน้า ทำให้การควบคุมรถเป็นไปได้อย่างมั่นใจ
สรุป: Rear Wheel Steering ไม่ได้เป็นเพียงแค่ฟีเจอร์หรูหรา แต่เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัยและความคล่องตัวในการใช้งานจริง
หากคุณกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ที่มีความคล่องตัวสูง อย่าลืมเช็คว่ารถรุ่นนั้นมีระบบ Rear Wheel Steering ติดตั้งมาให้ด้วยหรือไม่นะครับ!
ความรู้เรื่องรถ, ระบบบังคับเลี้ยว, Rear Wheel Steering, เทคโนโลยีรถยนต์, ช่วงล่างรถยนต์