หนึ่งในสัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดที่ผู้ใช้รถไม่อยากเห็นที่สุดคือ "ไฟเตือนน้ำมันเครื่อง" แต่เคยสงสัยไหมว่า รถของเรารู้ได้อย่างไรว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป? วันนี้เราจะมาเจาะลึกการทำงานของ Sensor Oil Level กันครับ
Sensor Oil Level คืออะไร?
Sensor Oil Level หรือเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเครื่อง คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณอ่างน้ำมันเครื่อง (Oil Pan) มีหน้าที่คอยตรวจสอบปริมาณน้ำมันเครื่องที่เหลืออยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายจากการขาดหล่อลื่น
หลักการทำงานของ Sensor Oil Level
ปัจจุบันระบบตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องที่นิยมใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีหลักการทำงานหลักๆ อยู่ 2 รูปแบบ ดังนี้:
1. ระบบลูกลอย (Float Switch)
ทำงานคล้ายกับลูกลอยในถังพักน้ำชำระลาน เมื่อระดับน้ำมันลดลง ลูกลอยจะลดระดับลงตาม จนไปสัมผัสกับจุดเชื่อมต่อไฟฟ้า (Switch) ส่งสัญญาณไปยังหน้าปัดรถยนต์เพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่
2. ระบบตรวจวัดด้วยความร้อน (Thermal Oil Level Sensor)
ระบบนี้ทันสมัยกว่ามาก โดยใช้หลักการเปลี่ยนอุณหภูมิของเส้นลวดภายในเซนเซอร์ เมื่อเซนเซอร์จุ่มอยู่ในน้ำมัน ความร้อนจะถูกระบายออกได้ดี แต่เมื่อระดับน้ำมันลดลงจนเซนเซอร์สัมผัสกับอากาศ อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบคอมพิวเตอร์ (ECU) จะคำนวณความต่างของอุณหภูมินี้แล้วเปลี่ยนเป็นค่าระดับน้ำมันเครื่อง
ทำไมต้องมี Sensor Oil Level?
- ป้องกันเครื่องยนต์พัง: ช่วยเตือนก่อนที่น้ำมันจะแห้งจนชาร์ปละลาย
- ความสะดวกสบาย: ไม่ต้องดึงก้านวัด (Dipstick) ออกมาเช็กบ่อยๆ ในทุกเช้า
- ความแม่นยำสูง: สามารถแจ้งเตือนได้ทันทีแม้ในขณะขับขี่
ข้อควรระวัง: แม้จะมีเซนเซอร์คอยเตือน แต่การหมั่นเช็กระดับน้ำมันเครื่องด้วยก้านวัด (Manual Check) อย่างน้อยเดือนละครั้ง ยังคงเป็นวิธีที่ช่างผู้เชี่ยวชาญแนะนำที่สุด
สรุป
การทำงานของ Sensor Oil Level ไม่ว่าจะเป็นแบบลูกลอยหรือแบบความร้อน ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันคือการรักษาสุขภาพของเครื่องยนต์ให้ยาวนานที่สุด หากไฟเตือนระดับน้ำมันเครื่องโชว์ ควรจอดรถและตรวจสอบทันทีเพื่อความปลอดภัยครับ
ยานยนต์, ระบบเซนเซอร์, น้ำมันเครื่อง, ดูแลรถยนต์, Sensor Oil Level, เทคโนโลยี