ADAS คืออะไร?
ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) คือระบบอัจฉริยะที่ใช้เซนเซอร์, กล้อง, เรดาร์ และสมองกล (ECU) ในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ และทำการ แจ้งเตือน หรือ เข้าควบคุมรถยนต์บางส่วน แทนผู้ขับขี่เมื่อเกิดสถานการณ์เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
ระบบ ADAS เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนารถยนต์ไปสู่การขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) ในระดับที่สูงขึ้น
5 ระบบ ADAS ที่ช่วยชีวิตคุณได้จริง
ระบบ ADAS ที่มีการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดอุบัติเหตุร้ายแรงได้จริง และมีติดตั้งอยู่ในรถยนต์รุ่นปัจจุบันอย่างแพร่หลาย ได้แก่:
1. ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking - AEB)
- หน้าที่: เป็นระบบที่ช่วยชีวิตได้มากที่สุด โดยจะทำงานควบคู่กับระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning - FCW)
 
- กลไกการทำงาน:
 
- ตรวจจับวัตถุ (รถ, คนเดินถนน, จักรยาน) ด้านหน้ารถด้วยกล้องและเรดาร์
 
- หากพบความเสี่ยงสูง ระบบ FCW จะเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียงหรือสัญญาณไฟ
 
- หากผู้ขับขี่ ไม่ตอบสนอง หรือตอบสนองช้าเกินไป ระบบ AEB จะเข้าควบคุมและทำการ เบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
 
2. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keeping Assist - LKA หรือ LKAS)
- หน้าที่: ช่วยให้รถอยู่ในเลนที่ถูกต้อง และป้องกันอุบัติเหตุจากการเผลอหลับในหรือเสียสมาธิ
 
- กลไกการทำงาน:
 
- กล้องจะตรวจจับเส้นแบ่งเลนบนถนน
 
- หากรถเริ่มเบี่ยงออกจากเลนโดยที่ผู้ขับขี่ ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว
 
- ระบบจะส่งสัญญาณ เตือน (Lane Departure Warning - LDW) หรือ ค่อยๆ หมุนพวงมาลัยกลับเข้าเลน โดยอัตโนมัติ (LKA)
 
3. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control - ACC)
- หน้าที่: ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล โดยเฉพาะบนทางหลวงที่มีการจราจรไม่ติดขัด
 
- กลไกการทำงาน:
 
- ผู้ขับขี่ตั้งค่าความเร็วที่ต้องการ และระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า
 
- ระบบใช้เรดาร์วัดระยะและควบคุมความเร็วรถให้ คงที่
 
- หากตรวจพบรถคันหน้าชะลอความเร็ว ระบบจะ ลดความเร็วตาม และ เร่งกลับสู่ความเร็วเดิม เมื่อถนนว่าง โดยไม่ต้องเหยียบเบรกหรือคันเร่งเอง
 
4. ระบบตรวจจับจุดบอด (Blind Spot Monitoring - BSM)
- หน้าที่: แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถคันอื่นอยู่ใน "จุดบอด" หรือมุมอับสายตาของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะขณะต้องการเปลี่ยนเลน
 
- กลไกการทำงาน:
 
- ใช้เซนเซอร์เรดาร์ที่กันชนหลังเพื่อสแกนพื้นที่ด้านข้างและด้านหลัง
 
- หากมีรถคันอื่นเข้ามาอยู่ในจุดบอด ระบบจะแสดง ไฟเตือน ที่กระจกมองข้าง
 
- บางระบบจะส่งสัญญาณเตือนเพิ่มเติมหากผู้ขับขี่พยายามเปิดไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลนขณะมีรถอยู่ในจุดบอด
 
5. ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert - RCTA)
- หน้าที่: ป้องกันการชนขณะถอยรถออกจากช่องจอด โดยเฉพาะในลานจอดรถที่มีรถคันอื่นบังทัศนวิสัย
 
- กลไกการทำงาน:
 
- ใช้เซนเซอร์เรดาร์ด้านหลังรถ (ชุดเดียวกับ BSM) เพื่อสแกนการจราจรที่กำลังเคลื่อนที่มาจากด้านข้าง
 
- หากมีรถคันอื่น (หรือคนเดินเท้า) กำลังเคลื่อนที่ตัดผ่านด้านหลัง ระบบจะ ส่งเสียงเตือน และอาจ เบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน
 
วิธีใช้งาน ADAS ที่ถูกต้อง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจว่า ADAS ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (ยกเว้น Level 4/5) แต่เป็นระบบ ช่วยเหลือ ผู้ขับขี่ ดังนั้น:
1. ไม่ควรละเลยความสนใจ: ผู้ขับขี่ยังต้อง จับพวงมาลัย และ พร้อมควบคุมรถ 100% ตลอดเวลา แม้ระบบ ACC หรือ LKA จะทำงานอยู่ก็ตาม
2. ระวังข้อจำกัด: ระบบ ADAS ส่วนใหญ่พึ่งพาการมองเห็นของกล้อง
- ทำความสะอาดเซนเซอร์: หากกล้องหรือเรดาร์ถูกบดบังด้วยโคลน หิมะ หรือสติกเกอร์ ระบบจะทำงานผิดพลาดหรือหยุดทำงาน
 
- ไม่ไว้วางใจในสภาพอากาศเลวร้าย: ประสิทธิภาพจะลดลงในพายุฝน หมอก หรือหิมะ
 
3. เปิดใช้งานให้ถูกเงื่อนไข: ระบบ ADAS บางระบบ (เช่น LKA) จะทำงานได้เฉพาะเมื่อวิ่งด้วยความเร็วที่กำหนด และสามารถตรวจจับเส้นแบ่งเลนได้อย่างชัดเจนเท่านั้น
4. ปรับเทียบเมื่อเปลี่ยนกระจก: หากมีการเปลี่ยนกระจกหน้ารถซึ่งมีกล้อง ADAS ติดตั้งอยู่ ต้องทำการปรับเทียบ (Calibration) ใหม่ตามมาตรฐานของผู้ผลิต มิฉะนั้นระบบจะทำงานผิดพลาดอย่างร้ายแรง
ชื่อระบบ :
- ADAS, AEB, LKA, ACC, BSM
 
ฟีเจอร์ความปลอดภัย :
- ความปลอดภัยในรถยนต์, ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่, เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ขับขี่ทางไกล
 
หัวข้อกว้าง :
- เทคโนโลยียานยนต์, AutonomousDriving, วิศวกรรมยานยนต์
 
ADAS, ความปลอดภัยในรถยนต์, AEB, LKA, ACC, ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
ภาพนี้คือ : ภาพรวม ADAS (Concept) ภาพนี้จะแสดงรถยนต์ที่กำลังขับเคลื่อนอยู่บนถนน โดยมีเส้นและไอคอนแสดงถึงเซนเซอร์ต่างๆ และฟังก์ชัน ADAS ที่ทำงานรอบคัน (เช่น เรดาร์ที่ด้านหน้า, กล้องที่กระจก, เซนเซอร์จุดบอด) เพื่อสื่อถึงการทำงานร่วมกันของระบบเพื่อความปลอดภัย
  