นอกเหนือจาก Porsche Taycan ที่ใช้เกียร์ 2 สปีดแล้ว ยังมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นที่มีระบบส่งกำลัง (Powertrain) ที่น่าสนใจและแตกต่างออกไป โดยเฉพาะรถที่ใช้ ระบบเกียร์อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (Continuously Variable Transmission - CVT) และรถที่ใช้ มอเตอร์หลายตัว (Multi-Motor Drivetrains)
ผมขอเปรียบเทียบรถ 3 กลุ่มที่ใช้ระบบส่งกำลังที่น่าสนใจ ดังนี้ครับ:
🚘 3 ระบบส่งกำลัง EV ที่น่าสนใจ
| ระบบส่งกำลัง | กรณีศึกษา | จุดเด่นของเทคโนโลยี | วัตถุประสงค์หลัก | 
| 1. เกียร์ 2 สปีด | Porsche Taycan | เพิ่มความเร็วสูงสุด (Top Speed) และแรงบิดเริ่มต้น | สมรรถนะและความเร็วสูง | 
| 2. เกียร์ CVT | Toyota Prius Prime (PHEV) | ผสานมอเตอร์และเครื่องยนต์ให้ทำงานในจุดที่ประหยัดที่สุด | ประสิทธิภาพและความประหยัด (Hybrid) | 
| 3. มอเตอร์ 3/4 ตัว | Tesla Model S Plaid / Rivian R1T | การควบคุมแรงบิดที่แม่นยำที่สุด (Torque Vectoring) | สมรรถนะสูงสุดและการขับขี่ Off-Road | 
1. ระบบเกียร์อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ใน Hybrid และ PHEV
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ส่วนใหญ่จะใช้เกียร์ Single-Speed แต่รถยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV) และ Hybrid บางรุ่นยังคงใช้ระบบ CVT ที่ซับซ้อน เพื่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
กรณีศึกษา: Toyota Prius Prime / Honda Insight
การทำงาน: ระบบจะใช้ Planetary Gear Set (หรือที่เรียกว่า e-CVT ใน Toyota) เป็นตัวเชื่อมโยงมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องยนต์, และชุดเกียร์เข้าด้วยกัน ระบบนี้ไม่ได้เปลี่ยน "เกียร์" เหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วไป แต่จะปรับอัตราทดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ เครื่องยนต์และ/หรือมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานที่รอบที่ประหยัดที่สุด ในทุกช่วงความเร็ว
จุดเด่น: ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงมาก และการขับขี่ที่นุ่มนวลราบรื่น เพราะไม่มีจังหวะเปลี่ยนเกียร์
2. ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์หลายตัว (Multi-Motor Drivetrains)
รถ EV สมรรถนะสูงหรือรถกระบะ EV มักใช้มอเตอร์ตั้งแต่ 3 ตัว (Tri-Motor) ไปจนถึง 4 ตัว (Quad-Motor) ซึ่งเน้นที่การควบคุมล้อแต่ละข้างอย่างอิสระ
2.1 มอเตอร์ 3 ตัว (Tri-Motor)
กรณีศึกษา: Tesla Model S Plaid
การจัดวาง: มักเป็นมอเตอร์ 1 ตัวสำหรับล้อหน้า และ 2 ตัวสำหรับล้อหลัง
จุดเด่น: เน้น พละกำลังสูงสุด และการเร่งความเร็วที่รวดเร็วอย่างบ้าคลั่ง (Hypercar Level) มอเตอร์คู่ที่ล้อหลังช่วยในการกระจายแรงบิดให้สมดุลขึ้น แต่ยังไม่สามารถควบคุมล้อซ้าย-ขวาได้อย่างสมบูรณ์
2.2 มอเตอร์ 4 ตัว (Quad-Motor)
กรณีศึกษา: Rivian R1T / GMC Hummer EV
การจัดวาง: มอเตอร์ 1 ตัวต่อล้อ แต่ละล้อมีมอเตอร์แยกของตัวเอง
จุดเด่น: เป็นระบบส่งกำลังที่ซับซ้อนที่สุดและมีประสิทธิภาพการควบคุมสูงที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถทำ Torque Vectoring ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Torque Vectoring: ระบบสามารถปรับแรงบิดที่ส่งไปยังล้อแต่ละข้างได้อย่างอิสระ (ล้อซ้าย/ขวา/หน้า/หลัง) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและการเข้าโค้ง
ความสามารถ Off-Road: สามารถหมุนรถในจุดเดียว (Tank Turn) และจัดการกับสภาพถนนที่ขรุขระได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะสามารถส่งแรงบิดไปยังล้อที่มีการยึดเกาะได้มากที่สุด
สรุปความน่าสนใจของระบบส่งกำลังแห่งอนาคต
| ระบบ | เน้นด้านใด? | การประยุกต์ใช้หลัก | 
| CVT (e-CVT) | ความประหยัด (Efficiency) | รถยนต์ Hybrid และ PHEV | 
| 2-Speed | ความเร็วสูงสุด (Top Speed) | รถยนต์ Performance EV | 
| Tri/Quad-Motor | การควบคุมและความแม่นยำ (Precision/Control) | Hyper-Performance EV และ รถบรรทุก Off-Road | 
| เทคโนโลยีหลัก | ระบบส่งกำลังEV, MultiMotor, TorqueVectoring, CVT, 2SpeedTransmission, eCVT, SingleSpeed | 
| รถยนต์/รุ่น | TeslaPlaid, RivianR1T, PorscheTaycan, PHEV, Hybrid, รถกระบะไฟฟ้า | 
| สมรรถนะ/การใช้งาน | QuadMotor, TriMotor, OffRoad, สมรรถนะสูง, ประสิทธิภาพพลังงาน, ความประหยัด | 
| แนวคิดหลัก | Drivetrain, Powertrain, นวัตกรรมยานยนต์, EVTechnology |